ถ้าได้เอ่ยคำว่า อาหารปิ้งย่าง ในยุคสมัยนี้ ภาพแรกที่ลอยมาอาจจะเป็นภาพของหมูกระทะในร้านบุฟเฟ่ต์รายหัวหรือหมูกระทะชั่งกิโลที่นำมาปิ้งย่างกันเองเพื่องานปาร์ตี้ส่งเสริมความสัมพันธ์ หากคิดรองลงมา อาจจะเป็นภาพของปิ้งย่างซีฟู้ด กุ้งตัวโต ๆ ปูที่กำลังคลายน้ำบนเตาร้อน ๆ พ่วงด้วยหมึกสด พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด และหากย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ภาพที่คนเรานึกถึง อาจจะเป็นภาพหมูย่าง ไม่ย่างสีแดงราคาไม้ละห้าถึงสิบบาท ที่ร้านจะเป็นรถเข็นและต้องอยู่ใกล้โรงเรียนในยามเช้า แต่ถึงอย่างไร วัฒนธรรมอาหารปิ้งย่าง ก็เป็นอาหารสากลที่มีอยู่ทั่วโลก และมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ต้นกำเนิดอาหารปิ้งย่าง ยังมิสามารถชี้ขาดหรือฟันธงได้ว่ากำเนิดมาจากที่ใด แต่เรื่องลือจุดเริ่มต้นของ หมูย่าง นั้นมาจากประเทศจีน ในยุคราชวงศ์ถัง ที่มีพ่อครัวท่านหนึ่งกำลังปรุงอาหาร แต่เขาได้ทำหมูชิ้นหนึ่งตกลงในเตาถ่านจนเนื้อสุกและหนังไหม้ หากเป็นพ่อครัวท่านอื่นในยุคนั้น คงจะโยนทิ้งไป แต่พ่อครังท่านนี้กลับสงสัยและลองฉีกเนื้อมาชิม เขาได้พบว่าหมูมีความกรอบและมีรสชาติที่อร่อยกว่าเดิม พ่อครัวท่านนั้นจึงทำการทดลองเอาหมูย่างบนเตาและได้นำไปถวายฮ่องเต้ ปรากฏว่าฮ่องเต้ทรงโปรดและประทับใจมาก และเมนูหมูย่างก็เลื่องลือไปทั่วสารทิศ วัฒนธรรมของหมูย่างที่ขึ้นชื่อในประเทศไทย ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าจังหวัดตรัง คือจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของหมูย่างเป็นอันดับหนึ่ง ที่นับอายุอายนามก็มากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบปี ซึ่งมีการสืบค้นพบว่าวิชาการย่างหมูในจังหวัดตรังนั้น มาจากพ่อครัวใน มณฑลกวางตุ้ง ที่มีคนจีนอพยพทางเรือมาตั้งรกรากที่ปากแม่น้ำตรัง ในเวลานั้นมีคนกลุ่มหนึ่งได้เริ่มนำหมูมาชำแหละขาย ซึ่งก็คือต้นตระกูลของร้านฟองจั่น และต่อมาทางร้านก็ได้รับชาวจีนที่อพยพมาชื่อว่า นายซุ่น ที่มีความสามารถในการย่างหมู และทำรสชาติดีมาก นายซุ่นเหมือนได้ผูกขาดวิชาชีพนี้ไป แต่สังขารก็มีวันโรยรา อายุมากขึ้นก็ทำงานไม่ไหว นายซู่นก็ได้ฝึกผู้ช่วยขึ้นมา และได้ทำให้วิชาการย่างหมูแพร่หลาย และสืบทอดกันไปอย่างกว้างขวาง โดยหมูย่างได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตชาวตรังมาก ขนาดที่ว่ามื้อเช้าที่ขึ้นชื่อในจังหวัดตรัง คือกาแฟกินคู่กับหมูย่าง ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน จนทำให้เอ่ยชื่อหมูย่าง จังหวัดตรังก็มักจะปรากฏเป็นอันดับต้น ๆ โดยความพิเศษของหมูย่างเมืองตรังที่โดเด่นกว่าที่อื่น ก็คือวิธีการทำและเครื่องปรุง โดยวิธีการทำนั้นจะใช้วิธีการผ่าเอาเครื่องในออกและทำการย่างเป็นตัว จะไม่ใช้วิธีหั่นเป็นชิ้นแล้วย่าง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ชาวจีนบางแห่งยังทำกันกันมาถึงปัจจุบัน และจุดเด่นของหมูย่างเมืองตรัง คือไม่มีน้ำจิ้ม ถ้ามีน้ำจิ้ม แสดงว่าไม่ใช่ของจริง หากจะให้รสชาติดี ต้องหนังกรอบและเนื้อรสชุ่มฉ่ำ แต่พระเอกของหมูย่างเมืองตรัง ก็ไม่ใช่แค่วิธีการทำเท่านั้น เครื่องหมักก็ถือเป็นหัวใจหลักในการประกอบอาหาร และหัวใจหลักนั้นก็คือ ผงหอม ที่ทุกร้านต้องใช้หมักเพื่อให้เกิดกลิ่นและรสชาติที่ดี และผงหอมที่ดั้งเดิมและขึ้นชื่อก็คือ ผงหอมร้านยิ้นจี้ถ่อง ตั้งอยู่ที่ ถ.ราชดำเนิน อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ที่แม้ในปัจจุบันจะมีผงหอมขึ้นมามากมาย แต่ร้านนี้ก็ยังขึ้นชื่อในความดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นแหล่งเครื่องเทศยาจีนชั้นดีของจังหวัดอีกด้วย และด้วยหมูย่างที่สืบทอดกันร้อยกว่าปีในประเทศไทย จนแพร่หลายไปทั่วสารทิศ และเป็นของขึ้นชื่อจังหวัดตรัง อาหารพื้นเมืองจากที่นิยมในวงแคบ ก็เกิดการสนับสนุนและส่งเสริมจากหอการค้าจังหวัดตรัง ที่ผลักดันจนเกิดเทศกาลหมูย่างเมืองตรัง ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 และทำต่อเนื่องทุกปีมาจนถึงปัจจุบัน และแม้ว่าจะมีปัญหาเศรษฐกิจ เนื้อหมูราคาแพงขึ้น แต่เทศกาลนี้ก็ไม่เคยหยุด อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัด สร้างรายได้มหาศาลให้กับพ่อค้าแม่ค้าอีกด้วย เคล็ดไม่ลับของคนตรังมีอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าได้กินหมูย่าง วันนั้นจะทำอะไรก็ง่ายไปหมด โชคดีไปหมด จึงทำให้หมูย่างไม่ใช่แค่เรื่องของประวัติศาสตร์ ของดีของเด่นประจำจังหวัด แต่ยังได้มีเรื่องราววิถีชีวิตของคนตรังที่ให้คนได้เรียนรู้ และพร้อมต้อนรับทุกคนให้เข้าไปสัมผัสวัฒนธรรมและอาหารการกิน ดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า ชาวตรังใจกว้าง สร้างแต่ความดี ขอบคุณภาพจาก: https://www.facebook.com/ยิ้นจี้ถ่อง-ผงทำหมูย่างเมืองตรัง-670979222915582-670979222915582 https://www.m-culture.go.th