อื่นๆ
สองเรื่องหลอนในรั้วโรงเรียน
แก เราเจอดีเข้าแล้วหวะ
สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ เรื่องขนหัวลุกที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง พิมพ์ไปยังแอบระวังหลังไป ขอเกริ่นนิดนึงก่อนว่า ช่วงสมัยมัธยมต้น เราเป็นเด็กกิจกรรม ทั้ง ร้อง เล่น เต้น รวมถึงทำหน้าที่เป็นรองประธานนักเรียน
- ดังนั้น การจัดงานภายในโรงเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานกีฬาสีเอย งานวิชาการเอย หรือแม้กระทั้งการเก็นตัวเพื่อไปแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ก็ต้องอยู่ซ้อมที่โรงเรียนจนดึกดื่น หรือไม่ก็นอนค้างอยู่ที่โรงเรียน ถือว่ามีทั้งช่วงเวลาที่ดีกับเพื่อน ๆ และเป็นช่วงเวลาที่สร้างความหลอนให้กับเราได้เหมือนกัน
โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่มีความเก่าแก่ มากกว่า 40 ปี แม่เรา ป้าเรา ล้วนแต่เคยเรียนที่นี้กันทั้งนั้น ส่วนเราก็พึ่งมาต่อม.1 ที่นี้โดยย้ายมาจากโรงเรียนที่กรุงเทพ จึงเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวและมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลี้ลีบมากเท่าไหร่นัก สภาพโรงเรียนนี้มีทั้งอาคารที่เป็นอาคารใหม่และเก่าปะปนกันไป พื้นที่กว้างขวางมาก เพราะเป็นโรงเรียนในอำเภอ และส่วนมาก รอบโรงเรียนจะติดกับป่า ถ้าเพื่อนคนไหนเคยเรียนโรงเรียนที่อยู่นอกเมืองหรือต่างจังหวัดน่าจะนึกออก ซึ่งสถานที่แห่งนี้หล่ะคะ ที่ทำให้เรา จากคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี กลับเปลี่ยนความคิดและมุมมองเกี่ยวกับเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้เรื่องนี้ไปเลย
Advertisement
Advertisement
เหตุการณ์วันนั้นคือ ครูได้มอบหมายงานให้คณะกรรมการนักเรียนในการจัดสถานที่และเตรียมสคริปให้พร้อมสำหรับงานวันปีใหม่ในวันพรุ่งนี้ เราและเพื่อนที่เป็นคณะกรรมการนักเรียนประมาณ 6-7 คน อยู่ช่วยกันทำงาน โดยแบ่งหน้าที่กันชัดเจนเพื่อความรวดเร็ว ใช้เวลาช่วงหลังเลิกเรียนหลังเลิกเรียน โดยเริ่มจัดเตรียมงานกันตั้งแต่ 4 โมงเย็น จนล่วงเวลาถึงประมาณ 4 ทุ่ม เพราะการเตรียมงานเยอะมาก ทั้งป้ายโฟม เวที เตรียมสคริป
- ตอนนั้นบรรยากาศรอบ ๆ โรงเรียนค่อนข้างหน้ากลัว หน้าตึกของแต่ละอาคารปิดไฟหมด ที่ที่มีแสงสว่างเพียงที่เดียวคือ หอประชุมที่พวกเรากำลังเตรียมงาน เป็นหอประชุมแบบโปร่ง ข้าง ๆ มีโรงอาหารและห้องน้ำ ด้านหลังจะเป็นป่าทึบและถัดไปเป็นบ้านพักครูเก่า ๆ แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะยังมีลุงยาม และครูที่ดูแลงาน หมั่นแวะเวียนจากบ้านพัก ขับรถมาถามไถ่และเอาของกินมาให้อยู่บ่อยครั้ง เพื่อน ๆ ก้เปิดเพลง ร้องเพลง และเต้นกันการทำงานจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน จนลืมไปว่าเมื่อมองออกไปจากตรงนี้เราอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่น่ากลัว สถานที่นึงเลยก็ว่าได้ เพื่อนคนหนึ่งของเราที่ชื่อว่า เอ็ม เป็นผู้ชายแต่เป็นเพื่อนสาวของเรา ชวนเราไปเข้าห้องน้ำตรงใกล้ ๆ กับหอประชุม แต่ตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่มครึ่งแม่เราโทรมามาพอดีจึงปฏิเสธเพื่อน ให้ไปชวนคนอื่น ๆ แม่เราก็โทรมาถามด้วยความเป็นห่วงว่าจะกลับตอนไหน เมื่อไหร่ กินข้าวรึยัง ? หลังจากที่เราคุยและวางสายจากแม่ เราเลยรีบกลับมาเก็บงานต่อแล้ว เสร็จแล้วก็ขับมอร์เตอร์ไซต์กลับกับเพื่อน ๆ โดยมีลุงยามคอยเปิดประตูโรงเรียนให้ งานที่พวกเราช่วยกันทำผ่านไปด้วยดี หลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร
Advertisement
Advertisement
จนอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็ได้มีการมานั่งประชุมแผนงานกันต่อ คุยไปคุยมา เราก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนเอ็มวันนั้น
- เลยขอโทษและถามว่า ' วันนั้นแกไปกับใคร'
- เอ็มชะงักเหมือนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า 'ไปคนเดียว ทีหลังถ้าทำงานที่โรงเรียนดึกๆ จะไม่มาแล้วนะ'
- เราสงสัยว่าจะเกิดอะไรไม่ดีกับเพื่อนแน่ๆ จึงถามกลับไปว่า ' แกเป็นอะไรรึเปล่า เล่ามาเลย หรือโกรธก็บอกกันตรงๆ เราขอโทษ์ '
- เราสังเกตสีหน้าเอ็มว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหงื่อออกและดูกลัวอะไรสักอย่าง ซึ่งหลังจากงานวันนั้นเอ็มก็ดูเงียบ ๆ ไป ปกติจะเป็นคนที่พูดเก่ง เอนเตอร์เทนเพื่อน ๆ อยู่ตลอดเวลา ก่อนเอ็มจะพูดขึ้นมาว่า 'เราเจอดีเข้าแล้วอะ' จากนั้นเอ็มก็เล่าว่าวันนั้น ที่เราไม่ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน เอ็มก็ไปชวนคนอื่น แต่ไม่มีใครว่างเลย จึงไปคนเดียว
บรรยากาศวังเวงมีแต่เสียงกบร้อง คิดจะถอยหลังกลับแต่ไม่ได้ เพราะปวดหนักมากจริง ๆ จึงกลั้นใจยอมเข้า เหตุการณ์ปกติดีจนทำธุระเสร็จ ออกมาล้างมือเหมือนมีคนสะกิดแล้วหัวเราะ เอ็มหันไปมองไม่มีอะไร ในใจคิดว่าคงเป็นเพื่อนแน่นอน เพราะเสียงหัวเราะคล้ายๆ ฟ้า เพื่อนสนิทของเราอีกคนที่มีนิสัยขี้แกล้ง จากนั้นก็ทำแบบนั้นไม่หยุดจนเอ็มรำคาญ และด่ากลับไปว่า 'เหนื่อยก็เหนื่อยนี่ยังจะมาเล่นอีกหรอมันใช่เวลาไหม !!' จากนั้นเสียงเงียบไป เอ็มกำลังจะเดินกลับมาที่หอประชุม แต่ทว่า ได้ยินเสียงร้องไห้ ฮื้อออ เบาๆ จึงฉุกติดได้ว่าพูดแรงเกินไป ฟ้าคงเสียใจเพราะทุกคนก็เหนื่อยมากเหมือนกัน จึงตามเสียงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะไปขอโทษ แต่สิ่งที่พบกับทำให้เอ็มถึงกับชะงัก !
Advertisement
Advertisement
เพราะสิ่งที่เอ็มเห็นคือ ร่างของผู้หญิงคนนึงผมสั้นประมาณติ่งหู ใส่ชุดนักเรียนปักอักษรและย่อของโรงเรียน เปียกไปทั้งตัวชุดสกปกไปทั้งเลือดและหนอง ร่างกายบวมอึด นั่งอยู่ในห้องน้ำและหันหน้ามาทางเอ็ม ร้องไห้เสียงฮื้อออ ๆ แล้วก็หัวเราสลับกัน เพื่อนเรากำลังจะกรี๊ดแต่เสียงกรี๊ดไม่ออก จะวิ่งขาก็วิ่งไม่ไป กลัวสุดขีดแต่ทำอะไรไม่ได้ เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 1-2 นาที ลุงยามขี่รถมาดูพวกเราพอดี เห็นเอ็มยืนอยู่ในห้องน้ำไม่ขยับตัว จึงเอาไปฉายส่องไปดูและถามว่า 'เอ็งเป็นอะไรรึเปล่า จะเข้าก็เข้าสิเดี๋ยวก็ราดหมด' พร้อมทั้งหัวเราะ แต่เอ็มไม่หันมาลุงยามเลยเดินไปดู แล้วพาเอ็มออกมานั่งตรงข้าง ๆ หอประชุม ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
- เอ็มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลุงยามฟัง แกลูบหลังและหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า 'ไม่เป็นไรนะ ลุงก็เจอมาจนชินแล้วหล่ะ ตอนมาทำงานแรก ๆ ' ลุงเล่าให้ฟังว่านอกจากที่ตรงนี้ ยังมีเรื่องหลอน ๆ ที่แกเคยเจออีกหลายที่ ในโรงเรียนแห่งนี้ แต่เขาไม่ทำอะไรเราหรอก แค่มาหลอก 'เอางี้ คืนนี้เอ็งอย่าพึ่งเล่าให้เพื่องฟัง เก็บไว้ก่อนให้ผ่านคืนนี้ไปเพื่อนเอ็งจะได้ไม่กลัว' เราฟังแบบนั้นยิ่งสงสารเพื่อน ที่ต้องเก็บเรื่องแย่ไว้กับตัวเอง เพื่อไม่ให้เพื่อนต้องคิดมาก หลังจากเลิกเรียนเราจึงชวนเอ็ม และเพื่อน ๆ คณะกรรมการที่ทำงานวันนั้นไปทำบุญและกรวดน้ำ
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาถ้าได้ทำงานที่โรงเรียนจนดึก เอ็มก็จะไม่ไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด และในตอนเช้าถ้าอยากจะเข้าห้องน้ำ ก็จะเดินวนไปเข้าห้องน้ำที่อาหารใหม่ ไม่เข้าที่นั้นอีกเลย เรื่องที่สองที่เราจะเล่านี้ เกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งนี้เหมือนกัน แต่เกิดขึ้นกับตัวของเราเอง อย่างที่เกริ่นไปว่าเราเป็นเด็กกิจกรรม หนึ่งในกิจกรรมที่เราทำคือเป็นนักร้องในวงดนตรีไทยของโรงเรียน ซึ่งจะมีการแข่งขันในงานระดับจังหวัดสงขลา เราจึงต้องนอนที่โรงเรียนเพื่อซ้อมและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน สถานที่ที่เราใช้นอนและซ้อมแน่นอนค่ะว่าต้องเป็นห้องดนตรีไทย ซึ่งเป็นห้องที่เราว่าน่ากลัวที่สุดในโรงเรียนแล้วเพราะนอกจากจะอยู่ใต้ตึกอาคารเรียนเก่าแล้วยังอยู่ใกล้ ๆ กับศาลพระภูมิเล็กของโรงเรียน (ศาลพระภูมิใหญ่อยู่ทางเข้าหน้าโรงเรียน)
- หลังจากซ้อมเสร็จครูและนักดนตรีประมาณ 8 คนอาบน้ำข้างบนอาคาร แต่งตัว ปูที่นอนเตรียมนอนหลับ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนนอนหลับยาก เราจึงเล่นโทรศัพท์ ดูนู่นนี่ ตอบแชทเพื่อน ๆ จนล่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนเริ่มง่วง กำลังจะเคลิ้มหลับ ได้ยินเสียงดนตรีไทยเราสะดุ้งตื่น พอถอดหูฟังออกเสียงก็หายไป เราก็คิดในแง่ดีว่ามันคงเป็นเสียงที่เราเปิดไว้ฝึก จากนั้นเราก็เก็บโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ ตัวและเริ่มข่มตานอนอีกครั้ง
ครั้งนี้เราได้ยินเสียงเดิมขึ้นอีก และเหมือนมีอะไรผ่านตัวเราไปแบบเร็ว ๆ เย็นตรงช่วงขา และชาไปทั้งตัวจนขยับไม่ได้ เราทำเป็นใจแข็งสู้ แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะเสียงยิ่งดังขึ้น ดังขึ้น จนเราทนไม่ไหวเพราะหูเราเหมือนจะแตก เลยกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ออก แต่ที่เราสติแตกไปเลย คือมีเสียงผู้ชายแก่ ๆ มากระซิ๊บข้างหูเราว่า 'ไม้ระนาดตรงเท้าหน่ะ ช่วยเก็บให้ดีด้วย' เป็นเสียงที่ดุมาก ๆ เหมือนจะตะโกนด้วย
เรากลัวมากลืมตาขึ้นมาได้ก็รีบมองไปตรงเท้า มีไม้ระนาดวางอยู่ น้องที่เล่นระนาดน่าจะวางไว้แล้วลืมเก็บ เรายกมือไหว้และใส่ไม่ระนาดไว้ใตร้ตัวระนาด พร้อมพูดในใจว่า 'เก็บแล้วนะคะ หนูขอโทษด้วย' จากนั้นเราก็นอนแล้วด้วยความเพลียก็หลับไป เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสิ่งลี้ลับที่เรากลัวที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง
- ⭐เป็นไงบ้างคะกับเรื่องราวหลอน ๆ ที่เรามาบอกต่อ มีอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี้ ซึ่งเราขอรับรองว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวเราและคนรอบข้าง เจอกันใหม่บทความหน้านะคะ :)
ความคิดเห็น