อื่นๆ

รักของเพื่อนไม่มีวัน(ตาย)จากกัน..

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รักของเพื่อนไม่มีวัน(ตาย)จากกัน..

รักของเพื่อนไม่มีวัน(ตาย)จากกัน..

  • ในชีวิตคนเราจะมีเพื่อนสักกี่คนที่ร่วมทุกข์ รวมสุข รวมเดินทาง และรวมตาย..

เราเป็นนักเรียนกรุงเทพที่ทีโอกาสย้ายตามครอบครัวมาเรียนต่อในต่างจังหวัดทางภาคใต้ แรก ๆ ปรับตัวยากเหมือนกัน เพราะภาษาที่เราไม่ค้อยคุ้นชิน และวัฒนธรรม สังคมต่าง ๆ ที่แตกต่างจากกรุงเทพพอสมควร จากที่เราอยู่กรุงเทพ เลิกเรียนเสร็จเราไปช็อปปิ้งเดินห้าง แต่พอย้ายมาอยู่ที่นี้เลิกเรียนเราก็จะต้องรีบดิ่งขึ้นมานั่งรถรับส่ง เพราะส่วนมากนักเรียนที่นั้นมักจะเดินทางไปกลับด้วยรถรับส่ง ถนนหนทางก็ยังเป็นลูกรัง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ ไม่มีสิ่งให้น่ารื่นรมย์ใจเลยสักนิด

นับวัน ความเบื่อของเราก็ยิ่งทวีคูณเพราะไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนในห้องเรียนด้วย เรานึกว่าถ้ามาเรียนต่างจังหวัดจะเจอแต่เพื่อนที่มีน้ำใจ ช่วยกัน ยิ้มแย้ม แต่เปล่าเลย ทุกที่มีคนทุกแบบ เราเจอทั้งคนดีและคนชั่วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้รูป

Advertisement

Advertisement

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ

  • อย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ในเช้าของคาบเรียนภาษาไทย เราพยายามหาสมุดบันทึกการอ่านที่ครูให้จด หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ โทรไปที่บ้านให้แม่หาให้ แม่ก็หาไม่เจอ เราคิดในใจว่าต้องโดนแกล้งแน่ ๆ เลยบอกครูไปว่าสมุดบันทึกหายและขอทำส่งใหม่ทั้งเล่ม ครูก็พอที่จะรู้นิสัยเราบ้างจึงเชื่อใจให้เขียนใหม่

เราก็รู้สึกโกรธในใจแต่ทำไงได้ จับมือใครดมก็ไม่ได้นี่ เลยต้องแก้ปัญหากันไป จนวันนึงเพื่อนในห้องคนนึงชื่อ แบม เดินเข้ามาหาเราด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด กังวลและไม่กล้าสบตา 'เป็นอะไร มีอะไรก็พูดมา' เราถามไปด้วยเสียงที่เคร่งขรึมเพราะรู้ว่าต้องมีอะไรแน่นอน

  • 'เราขอโทษนะ วันนั้นที่สมุดแกหาย ไอเค้กมันเป็นคนสั่งให้เราทำ'
  • พอเราได้ยินแบมพูดแบบนั้น ใจเราสั่นระรัว มือเรากำแน่น รู้สึกว่าตัวเองโกรธแบบไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว 'ทำทำไม!! มันจะทำเพื่ออะไร เราไปทำอะไรให้มัน' เราถามด้วยน้ำเสียงที่ดุและหน้าที่โกรธจัด
  • 'คือมันไม่ค่อยชอบแกอะ' ตอนนั้นในหูเราอื้อไปหมด

Advertisement

Advertisement

ด้วยความโกรธเราเดินไปตามตัวเค้ก จนเจอที่ทางเดิน จากที่พูดด้วยอารมณ์ จนกลายเป็นการลงมือทะเลาะวิวาท เพราะเราสุดจะทนกับการกระทำของเค้ก จนเพื่อน ๆ ต้องมาห้ามและแยกออกจากกัน รูปขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ

ตั้งแต่วันนั้นแหละค่ะที่เราเริ่มมีกลุ่มเพื่อน กลุ่มเพื่อนเรามีทั้งหมด 5 คนนับรวมเราด้วยนะ

  • เป็นกลุ่มเพื่อนที่มาแยกเราจากเค้กวันที่ทะเลาะ ปลอบเราและบอกว่า กลุ่มนี้ก็ไม่ชอบเค้กและไม่ชอบสิ่งที่มันทำกับเราเหมือนกัน ทั้ง 5 คนจะประกอบไปด้วย เฟิร์น เป็นผู้หญิงที่ร่าเริง สวย ติดตลก ปุ๊กกี๊ เป็นเพื่อนกับเฟิร์นมาตั้งแต่อนุบาล จะมีความเป็นผู้ใหญ่ นิสัยดี ปรึกษาได้ ตัสนีม เป็นเพื่อนมุสลิมที่ติดตลกและโคตรน่ารัก และคนสุดท้ายมะปราง คนนี้สวยเก่งมีครีกรีเป็นถึงประธานนักเรียน นางงามอำเภอ และอีกมากมาย

เราเริ่มเพื่อนตัวเองและมีชีวิตชีวามาขึ้นเมื่อได้มาอยู่กับเพื่อนกลุ่มนี้

Advertisement

Advertisement

ทุกคนเป็นเหมือนสิ่งดีดีที่เข้ามาเต็มสิ่งที่เราขาดหายไป อาจจะมีสุข มีทุกข์ปะปนกันไป จนวันสุดท้ายของการเรียน คือวันปัจฉิม ม.6 คืนก่อนวันมอบใบรับรอง เรานั่งเตรียมของขวัญให้เพื่อนแต่ละคนจนดึกดื่น จนเพลอหลับฟุบไปบนโต๊ะอ่านหนังสือ เราได้ยินเสียงคนเรียกเบา ๆ เป็นชื่อเรา เราก็สดุ้งตื่น คิดว่าเป็นเสียงของพ่อแม่มาปลุกให้ตื่น เพราะเราไม่ได้ผิดไฟและทีวีในห้อง

  • ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยมาจนตี 2 แล้ว เราลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความเพลีย ๆ ปิดทีวี ปิดไป และล้มตัวลงนอน ตอนประมาณช่วงตี 5 ของเช้าวันปัจฉิม มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเราเลยกดรับ 'ฮัลโหลเฟิร์น นี่โทรมาปลุกแต่เช้าเลยนะ มีไร' เรายังพูดไม่ทันขาดคำ เฟิร์นร้องไห้แล้วตอบกลับมาหาเราว่า 'มาหาที่โรงพยาบาลหน่อยมาดูปุ๊กกี๊ มาจับมือมันหน่อย' รูปขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ

พอเฟิร์นพูดเสร็จเราหัวโล่งและชาไปทั้งตัว รีบปลุกพ่อให้ขี่รถกระบะ พาไปโรงพยาบาลในอำเภอ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไปถึงประมาณตี 5 ครึ่ง พ่อเรายืนรอข้างนอก เราเดินเข้าหน้าห้องฉุกเฉิน

  • เห็นเฟิร์นเลือดท่วมตัวและนั่งร้องไห้อยู่ พอยิ่งเห็นเราก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก เราถามว่าเกิดอะไรขึ้น เฟิร์นจึงเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานเฟิร์นกับปุ๊กกี๊ไปทำของขวัญปัจฉิมที่บ้านของปรางมา ขากลับประมาณ 5 ทุ่ม รถของทั้งคู่กำลังจะเลี้ยวเข้าซอยบ้าน (บ้านทั้งสองคนนี้ติดกัน) จากนั้น มีรถยนต์ขับด้วยความเร็วชนเข้าอย่างจัง ทั้งสองกระเด็นออกจากรถไปคนละทิศละทาง

ส่วนว่าคนขับรถกระบะที่ชนเมาและได้รับบาทเจ็บเล็กน้อย เราโกรธมากที่มาทำกับเพื่อนเราแบบนี้ทั้งที่เพื่อนเราไม่ผิด

จนประมาณ 6 โมงเช้าเราเดินออกไปตรงร้านขายอาหาร ถามเฟิร์นว่ากินอะไรไหม เฟิร์นเงียบไม่ตอบ เราไม่เซ้าซี้เลยเดินออกไปถามพ่อที่นั่งรออยู่ด้านหน้า และไปซื้อข้าว น้ำ และขนมมาเผื่อทุกคนเพราะทุกคนรีบมาโรงพยาบาล ไม่มีใครได้กินอาหารเช้า ระหว่างเดินกลับเราเจอเพื่อนอีกสองคนคือ มะปราง กับ ตัสนีม กำลังจะเดินไปห้องไอซียู

ทั้งสองมาด้วยไปหน้าที่เปื้อนน้ำตา แต่งตัวชุดอยู่บ้ายแบบรีบ ๆ พอเจอกันเราต่างวิ่งเข้ามากอดกันแล้วร้องไห้ หลังจากนั้นเพื่อนเราและพ่อก็เดินไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน จากที่เราคิดว่าซื้อข้าวมารองท้อง เรากลับกินไม่ลง เลยวางข้าวเอาไว้และกินน้ำไปนิดเดียว

  • ประมาณ 7 โมงหมอออกมาบอกว่าปุ๊กกี๊อาการปลอดภัย เรารู้สึกโล่งใจมากที่สุด
  • พูดกับเพื่อนว่า 'ปัจฉิมของเราย้อนหลังก็ได้เนาะ จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา'
  • เพื่อนอีกสองคนมองหน้ากันเหมือนจะเกี่ยงกันพูด สุดท้ายตัวนีมก็พูดขึ้นมาว่า 'จะครบได้ไงว่ะ ไอเฟิร์นมันตายไปแล้วนะ'
  • เราตัวเย็นและนิ่งไปครู่นึง 'นี่ล้อเล่นหรอ ไม่ตลกนะ' เราตอบกลับ ตอนนั้นน้ำตาเริ่มไหลแล้ว
  • 'จริง รถชนไอเฟิร์นมันตายคาที่ตั้งแต่ 5 ทุ่มแล้วทำใจนะมึง' เราเขาทรุดลง กับพื้น นึกถึงเรื่องตอนตี 5 ที่เรายังคุยยังปลอบมันอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอยู่เลย เราไม่เชื่อคำที่เพื่อนพูด เลยหันไปคุยกับพ่อ
  • 'พ่อ พ่อเห็นใช่ไหมว่าหนูคุยกับเฟิร์นหน้าห้องฉุกเฉิน!?'
  • พ่อเราทำหน้านิ่ง ลูบหัวเราแล้วพูดว่า 'อืม พ่อเห็นแกคุย แต่แกคุยคนเดียว พ่อพอจะเดาออกแต่ไม่อยากจะยุ่ง กลัวแกจะเสียใจมากกว่านี้' พอสิ้นเสียงพ่อพูด เราร้องไห้หนักมาก เพื่อนทุกคนเข้ามากอดและร้องไห้พร้อมกัน ไม่มีวันไหนที่เราลืมช่วงเวลานี้ไปได้เลย

เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ใจเรายังบอบเช้าเหมือนเดิม แต่เราก็ต้องไปช่วยงานศพของเพื่อนที่เรารักมากที่สุด เข้าไปในงานมีแต่ความโศกเศร้า คนที่เราสงสารมากที่สุดคือพ่อแม่ของเฟิร์นที่ใจสลาย เรามาพร้อมกับกล่องของขวัญปัจฉิมที่ทำให้เฟิร์น จุดธูปหนึ่งดอก พร้อมกับพูด

  • 'เฟิร์นแกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตที่เราจะหาได้ เราผ่านอะไรกันมาเยอะ เสียใจที่สุดก็วันนี้แหละ ไม่คิดว่าต้องมางานศพแก แต่ก็นะ .. เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา สักวันเราคงเจอกันนะเพื่อน'

แล้วเราก็เคาะโรง วางของไว้ให้ข้าง ๆ ให้แม่เฟิร์นเผาไปพร้อมกัน เราและเพื่อนอีกสามคนไปช่วยงานศพเฟิร์นทุกวัน แต่ต่างออกไปไปเพราะทุกคนไม่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราเลย วันสุดท้ายก่อนเผา เรากลับมานอนด้วยความเพลียเพราะมัวแต่จัดการเรื่องเรียนต่อ และไผช่วยงานจนดึกดืน ไม่ทันเปลี่ยนชุดก็เพลียหลับไป ตื่นอีกทีตอนตี 2 ได้ยินเสียงเคาะประตู

ก๊อก .. ก๊อก ..

'แม่หรอ' ทุกอย่างเงียบไปแล้วมีเสียงคล้าย ๆ เสียงของเฟิร์นแต่เบา ๆ ตอบกลับมาว่า 'เฟิร์นเองนะ เรามาลา'

  • ตอนนั้นเราไม่กลัวเลยค่ะเพื่อน ๆ เรารีบเปิดประตู และเห็นเฟิร์นนั่งยู่ตรงริมระเบียงบ้าน เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือด
  • เราสงสารเพื่อนเลยร้องไห้ออกมา 'แกเจ็บมากไหม' เราถาม
  • 'เคยเจ็บ แต่มันจะไม่เจ็บอีกแล้ว ฝากบอกทุกคนว่าเรารักพวกแก ของปัจฉิมอยู่ในห้องนะ บอกแม่เราให้เข้าไปเอา ' เราร้องไห้พูดอะไรไม่ออกในใจได้แต่อวยพรให้เพื่อนไปเกิดในภพดีดี 'เรารักแกนะ แกจะอยู่ในใจของเราตลอดไป'

เราพูดพลางร้องไห้ เฟิร์นค่อย ๆ หันหน้าที่เปื้อนเลือดและมีรอยแผล มายิ้มและพูดว่า 'อืม ไปละ' จากนั้นเราก็สะดุ้งตื่น เสียงหมาหอนดังจากบ้านเราไปเรื่อยๆ จนไกล เราเชื่อว่าเฟิร์นมาหาเราจริง ๆ วันรุ่งขึ้นก่อนงานเผา เราเล่าเรื่องนี้ให้แม่เฟิร์นฟัง แม่ไขกุญแจเข้าไปในห้องเฟิร์น เจอของขวัญที่เป็นรูปพวกเราในกล่อง พร้อมชุดนักเรียนที่รีดเอาไว้ เตรียมตัวไปงานปัจฉิม เราพยายามที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่มันไม่อยู่จริง ๆ วันนั้นเราร้องไห้โฮออกมา จนเราเข้าใจคำว่าร้องไห้จนหมดน้ำตา

พอประมาณ บ่าย ๆ ก็เริ่มพิธีเผาที่วัด ทุกคนทั้งเพื่อนสนิท ครู และญาติ อยู่ในบรรยากาศที่โศกเศร้า พวกเราสี่คนกอดคอกันร้องไห้ แต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา สักวันเราคงจะเจอกัน ถึงร่างเฟิร์น เพื่อนรักของเราจะถูกเผาจนมอดไหม้ไปแล้ว

แต่ความเรื่องราวและความรักของพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป จนร่างกายเรามอดไหม้ไปอีกคน รัก...เฟิร์น จากเพื่อนที่รักเธอสุดหัวใจ


คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์