จากเมืองใหญ่...สู่ใต้สุดเขตสยามเมืองงามชายแดน แหล่งรวมความต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นที่รู้กันดีว่าพื้นที่เขตสามจังหวัดชายแดนใต้ของไทยนั้นมีชื่อเสียงและเลื่องลือ โด่งดังในเรื่องความไม่สงบของวิถีการเป็นอยู่ของผู้คน อันเนื่องจากการปะทุของความคับแค้นของประชาชนที่มีต่อภาครัฐจากเหตุการณ์ความน่าสลดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศในปี 2547 ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุให้อาณาจักรแห่งนี้ถูกมองกลายเป็นพื้นที่สีแดงที่คนทั้งประเทศต่างหวาดกลัว ทว่าในความเป็นจริงแล้วผู้คนทั่วไปจะรู้หรือไหมว่าในเขตแห่งความหวาดกลัวของคนส่วนมากนั้นมีอะไรที่พิเศษน่าค้นหา และควรค่าแก่การได้มาสัมผัส แฝงตัวอยู่ในบริเวณพื้นที่นี้อย่างแนบเนียน สิ่งที่ผู้เขียนกำลังกล่าวถึงนั้นคือ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ชวนหลงไหลของป่าเขา พงไพร อันเขียวขจี อีกทั้งลำธาร น้ำตก ที่มีเหล่าฝูงปลาแหวกว่ายสวนกันไปมา เสียงน้ำไหลกระทบโขดหิน เสียงนกร้อง อีกทั้งเสียงแมลงรอบตัว ทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติแห่งนี้ทำให้ผู้ที่เข้าไปสัมผัสได้รับรู้ถึงความสุข ความสงบของธรรมชาติที่สามารถทำให้มนุษย์ผ่อนคลาย เบาความทุกข์จากภาระอันหนักอื้อที่แบกรับอยู่ในชีวิตลงได้บ้าง นอกจากนี้แล้วในพื้นที่ชายแดนใต้ยังมีทะเลหมอกที่สะดุดตาและสามารถสะกดจิตใจของผู้ที่ได้ชมอย่าน่าอัศจรรย์ ทะเลหมอกที่เป็นจุดเด่นสำคัญ กล่าวได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กของที่แห่งนี้ก็คงหนีมิพ้นที่ไหนไปได้นอกจาก ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตพื้นที่ของจังหวัดยะลานั่นเอง อำเภอเบตงมิได้มีเพียงแค่ทะเลหมอกเท่านั้น แต่ที่นี้คือแหล่งรวมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ซึ่งเป็นที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มีทั้งบ่อน้ำพุร้อนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปแช่เท้า แช่ตัว ต้มไข่รับประทานกันได้อย่างเอร็ดอร่อยเรียกได้ว่าได้ทานไข่กันแบบร้อน ๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วยังมีที่พักเปิดให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้เข้าพัก ปิ้งย่างกันในบริเวณบ่อน้ำร้อนเพิ่มความประทับใจให้นักท่องเที่ยวได้อีกระดับ มีอุโมงค์ปิยมิตรซึ่งเคยถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลบภัยทางอากาศของกลุ่มคอมมิวนิตส์ในอดีต อุโมงค์แห่งนี้นอกจากให้ความรู้สึกตื่นเต้นแก่ผู้มาเยือนแล้วยังให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย มีสวนหมื่นบุปผา สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเบตงที่รวบรวมพันธุ์ไม้เมืองหนาวและจัดแต่งสวนอย่างงดงามลงตัวพร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมและถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินใจ มีอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ที่ตั้งอยู่ใต้พิพิธภัณฑ์เบตง เมื่อลอดผ่านอุโมงค์ไปแล้วอีกฝั่งจะมีตลาดกลางคืนและรูปปั้นไก่เบตงตัวใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและช้อปปิ้งของใช้ของกินกันอย่างสนุกสนาน มีสตรีทอาร์ตหรือรูปฝาผนังมากมายให้นักท่องเที่ยวได้แชะรูปเพื่อสร้างสรรค์รูปภาพในสไตล์ของตัวเองอย่างจุใจ และสถานที่สำคัญอื่น ๆ ที่สวยงามไม่แพ้กัน เช่น ตู้ไปรษณีย์ขนาดยักษ์ พระมหาเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ น้ำตกอินทรสร วัดกวนอิม เป็นต้น บวกกับอัธยาศัยความเป็นมิตรและรอยยิ้มของชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้ให้การต้อนรับและบริการอย่างเป็นกันเอง จากชุดประสบการณ์และความเข้าใจที่เคยคิดว่าที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สีแดงที่น่าหวาดกลัวและเหมารวมว่าคนในพื้นที่ก็คงไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าใดนัก แต่ความเป็นจริงนั้นมิได้เป็นอย่างที่คิดเสียเลย เมื่อได้เข้ามาสัมผัสในพื้นที่แห่งนี้กับตัวกลับคิดว่า พื้นที่นี้เป็นที่ที่น่าอยู่เป็นอย่างมาก ทำให้ผู้เขียนอยากย้ายร่างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอแห่งนี้กันเลยก็ว่าได้ แต่ก็คงเป็นไปมิได้ในช่วงเวลานี้ที่ผู้เขียนยังต้องแบกรับภาระของถิ่นที่จากมาเอาไว้มิใช่น้อย แค่เพียงได้มาเยือนบ้างสักวันสองวัน ก็ทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลายได้บ้างแล้ว ถือเป็นการเติมพลังชีวิตเพื่อใช้เป็นกำลังในการเผชิญต่ออุปสรรคภาระให้กับตัวเองต่อไปในอนาคต เมืองเบตงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจมากจากการได้เข้าไปใช้ชีวิตทำกิจกรรมร่วมกับคนในพื้นที่ เป็นการเพิ่มพลังงานจิตใจได้เป็นอย่างดี ผู้เขียนมิอาจบรรยายและอธิบายประสบการณ์ความพึงพอใจในครั้งนี้ได้หมด จึงใคร่เชิญชวนให้ผู้อ่านได้เข้าไปพบกับความสุขสงบด้วยตนเองเพื่อได้สัมผัสกับความรู้สึกดี ๆ ที่ผู้เขียนอยากแบ่งปัน และเพื่อเป็นการเปิดโลกอีกใบทำความเข้าใจที่ถูกต้องใหม่ต่อพื้นที่แห่งนี้และเพื่อเผยแพร่ ก่อความจริงให้ปรากฎแก่บุคคลภายนอกที่ยังมองว่าพื้นที่ชายแดนใต้ว่าเป็นพื้นที่แห่งความรุนแรง ภาพปกและภาพถ่ายโดย MEEPANG