พอเริ่มเข้าสู่เดือนมีนาคม ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่มีลูกดกสีเขียวเข้มนั้นก็ทยอยเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง ช่วงนี้เด็ก ๆ ก็จะเริ่มตื่นเต้นกันแล้ว เพราะนั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็สามารถที่จะเก็บผลมะม่วงหิมพานต์ได้แล้ว พูดถึงมะม่วงหิมพานต์คนใต้มักจะมีชื่อเรียกเฉพาะต่างจากภาษาของคนภาคกลาง โดยเรียกได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นหัวครก ยาร่วง กาหยู หรือแม้แต่ยาโห้ย อยู่ที่ใครจะถนัดเรียกกันแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ มักจะไม่ค่อยได้ยินคำว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์กันเท่าใดนัก ภาพโดยผู้เขียน ชีวิตเด็กใต้ช่วงนี้คือช่วงที่แสนจะสนุกสนาน ยิ่งเดือนมีนาคมเป็นช่วงปิดเทอมด้วยแล้วละก็เวลาว่างก็ยิ่งเยอะ เด็ก ๆ ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่เดินไปตามถนนสายเล็กในหมู่บ้าน หรือไม่ก็แถวในนา ขอให้มีต้นยาร่วงสักต้นก็เป็นอันว่าเพลิดเพลินอยู่ได้เกือบครึ่งค่อนวัน เมื่อผลของลูกยาร่วงสุกจะมีลักษณะนิ่ม ๆ ทำให้บิดออกจากคั่วกิ่งได้ง่าย ต้นยาร่วงมักจะไม่สูงใหญ่นักและมักจะมีกิ่งก้านให้เด็ก ๆ ปีนป่ายอย่างสนุกสนาน กิจกรรมเก็บยาร่วงเลยไม่น่าเบื่อ เพราะดู ๆ ไปก็คล้ายกับกำลังเล่นเกมส์อะไรสักอย่างที่ออกจะท้าทายอยู่ไม่น้อย ได้ลูกยาร่วงเต็มโคนต้นเมื่อไรก็พากันมานั่งบิดเม็ดยาร่วงที่ห้อยอยู่ท้ายลูกยาร่วงออกจนหมด ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน เม็ดยาร่วงที่ได้มานี้จะต้องเอามาคั่วก่อนถึงจะกินได้ เริ่มจากหากาบมะพร้าวกับกิ่งไม้เล็ก ๆ มาก่อกองไฟกันก่อน จากนั้นวางสังกะสีหรือกระบะที่โดนไฟได้ลงไป พร้อมกับเทเม็ดยาร่วงลงไปข้างบน ใช้ไม้ยาว ๆ ค่อย ๆ คั่วตลอดเวลา แรก ๆ ความร้อนยังไม่ทันเข้าเม็ดยาร่วงทุกคนก็ดูจะยังล้อมวงกันดีอยู่ แต่เมื่อไรที่ความร้อนถึงเม็ดยาร่วงแล้วละก็เป็นอันว่าวงแตกเมื่อนั้น เพราะเม็ดยาร่วงนั้นเคลือบด้วยยางที่มีชื่อว่า ฟีโนลิค และ น้ำมัน urushiol พอโดนความร้อนก็จะติดไฟลุกเสียงดังฉู่ ๆ ใครอยู่ใกล้อาจจะโดนยางร้อน ๆ กระเด็นใส่เจ็บตัวกันไป เมื่อคั่วไปจนกระทั่งเม็ดยาร่วงมีสีดำและไม่มีอะไรปะทุออกมาแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนความ ภาพโดยผู้เขียน ได้เวลายกหม้อที่เต็มไปด้วยยาร่วงร้อน ๆ มานั่งล้อมวงกัน พร้อมอุปกรณ์ครบครันตามแต่ใครจะหาได้ ก้อนอิฐ ก้อนหิน แม้แต่สากของย่าก็เข้าท่า ทุบเบา ๆ พอเปลือกนอกแตกออก ก็จะได้ลิ้มชิมรสหวาน ๆ กรอบ ๆ ของยาร่วง และความหอมอย่างที่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมให้ไม่ได้ เพราะความหอมนี้ได้มาจากการคั่วผ่านกองไฟนั่นเอง *ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน