“โอ้...เมืองตรังเหมือนจะยั้งให้พี่ติดตรึง” หนึ่งในเนื้อร้องของเพลงที่รุ่นพี่ในคณะแต่งขึ้นจากการไปค่ายอาสา คุณเคยลงไปเที่ยวภาคใต้ไกลที่สุดแค่ไหน สำหรับอำเภอ ‘กันตัง’ จังหวัดตรัง ถือเป็นครั้งแรกของผู้เขียน ซึ่งเปลี่ยนมุมมองความคิด ทัศนคติที่มีต่อวิถีชีวิต ผู้คน และศาสนาในภาคใต้ได้มากมายทีเดียว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินทางไป ‘อำเภอกันตัง’ นั้นเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ด้วยรถไฟเส้นทางสายใต้ที่สุดปลายทางฝั่งอันดามัน นับเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานตลอด 18 ชั่วโมง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของเมืองปักษ์ใต้ ทำให้รับรู้กลิ่นอายวิถีชีวิตชนบทสองข้างทางรถไฟ และเสน่ห์ของอาหารประจำสถานีต่างๆ เมื่อใกล้ถึงจุดหมายความรู้สึกตื่นเต้นในหัวใจก็ยิ่งทวีคูณ ภาพของสถานีรถไฟกันตัง สถาปัตยกรรมอาคารไม้แบบคลาสสิกสีเหลืองมัสตาร์ด ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากร สะท้อนความงดงามอย่างเป็นเอกลักษณ์ กลมกลืนกับอาคารร้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ที่อยู่ในระแวกเดียวกัน เมื่อเดินทางไปไม่ไกลจากสถานีรถไฟ บริเวณริมถนนก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอกันตัง หน้าสหกรณ์การเกษตรเป็นสถานที่อยู่ของต้นยางพารารุ่นแรก ซึ่งพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯได้นำเข้ามาปลูกจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทย ผู้เขียนเดินทางมาท่องเที่ยว และใช้ชีวิตอยู่ในตัวอำเภอกันตัง อันเป็นสถานที่เงียบสงบอย่างบอกไม่ถูก สถานที่แห่งนี้มีความรุ่งเรืองในอดีต ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ กลิ่นอายเมืองเก่าที่เห็นได้ชัดจากสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือน กันตังเคยเป็นแหล่งการค้าที่รุ่งเรืองมาก เพราะมีพื้นที่ติดริมแม่น้ำทำให้เรือมาจอดเทียบท่า มีการคมนาคมทางรถไฟสุดสายฝั่งอันดามัน เหล่านี้ทำให้มีพ่อค้านำสิ่งของมาค้าขายจนกลายเป็นเมืองท่าแห่งหนึ่ง บริเวณริมน้ำใกล้อาคารศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตังที่มีรูปร่างคล้ายประภาคารแห่งนี้ยังทิ้งร่องรอยของสะพานปลาไว้ มีเรือตังเกจอดเรียงราย สะท้อนวิถีชีวิตพื้นถิ่นทางใต้ที่ส่วนใหญ่ทำการประมง ภายในอาคารศูนย์ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์มีการจัดแสดงภาพวิถีชีวิตของชาวเมืองในอดีตผ่านภาพถ่ายเก่า และอุปกรณ์เครื่องใช้ แต่ไฮไลต์คือชั้นบนสุดของอาคารที่สามารถมองเห็นตัวเมืองกันตังได้ 360 องศา ด้านข้างอาคารศูนย์ประวัติศาสตร์เป็นท่าเรืองข้ามฟาก ซึ่งเป็นเรืองแพยนต์ขนาดใหญ่ สามารถบรรทุกรถยนต์ได้ เป็นการอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคม คุณจะลองไปสัมผัสบรรยากาศของอีกฟากฝั่งที่ชาวกันตังเรียกว่า ท่าส้ม ได้ไม่ยาก และในแต่ละเดือนบริเวณข้างหอประวัติศาสตร์จะมีกิจกรรมตลาดนัดถนนคนเดินให้มาซื้อหาสิ่งที่น่าสนใจ ใครคิดว่าภาคใต้มีแต่พี่น้องชาวมุสลิม คงต้องคิดใหม่เพราะที่นี่มีความหลากหลายของเชื้อชาติอย่างมาก เราสามารถพบเห็นศาลเจ้าหลายแห่งได้ในบริเวณไม่ไกลกัน ทั้งศาลเจ้าจีนฮกเกี้ยนที่เป็นอาคารไม้ล้วน มีลานว่างกลางอาคารเจาะช่องหลังคาตามแบบฮวงจุ้ย และศาลเจ้าจีนไหหลำ อาคารคลาสสิกสีเขียวขาว อันเป็นหนึ่งในสถานที่น่าสนใจ แหล่งเอื้อเฟื้อความรู้ เล่าประวัติศาสตร์ของเมือง ทั้งยังเป็นแหล่งพักพิงอาศัยค้างแรมของผู้สัญจรในอดีต ผู้ดูแลศาลเจ้าเป็นคุณลุงใจดีที่พร้อมให้คำแนะนำกับคนต่างถิ่น คนที่นี่มีชุดพื้นเมืองเรียกว่าชุดบาบ๋า-ยาหย๋า เป็นชุดที่ประยุกต์ให้เข้ากับท้องถิ่น ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับคนไทยเชื้อสายจีน อาคารบ้านเรือนของคนที่นี่มีบ้านเลขที่เรียงลำดับกัน บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็มีความสัมพันธ์กับชาติพันธุ์ดั้งเดิม โดยมีหน้าบ้านที่ไม่กว้างมาก แต่ตัวบ้านยาวลึกเข้าไป เพื่อรับทรัพย์ตามฮวงจุ้ยจีน มีการวางผังเมืองที่เป็นระเบียบ ถนนกว้างทำให้การสัญจรสะดวกสบาย เดินเท้าต่อมาไม่กี่คูหาก็พบกับมัสยิด ซึ่งมีความเรียบง่าย และเอื้อเฟื้อสถานที่พักผ่อนแก่ผู้มาเยือน ชาวมุสลิมที่นี่มีเชื้อสายจากหลายชาติ แต่ส่วนมากคือปากีสถาน หลายคนอาจติดภาพภาคใต้ที่น่ากลัวหรือไม่กล้าที่จะพูดคุยกับชาวมุสลิม แต่คุณคงเปลี่ยนความคิดถ้าได้ลองมาที่นี่ โต๊ะอิหม่ามของมัสยิดแห่งนี้ เป็นคนอัธยาศัยดี คอยให้ความช่วยเหลือเรื่องต่างๆกับผู้เขียนมากมาย เพราะโต๊ะอิหม่ามบอกว่าเป็นหน้าที่ตามหลักศาสนาที่ต้องดูแลแขกที่เข้ามาเยือน นอกจากมัสยิดแล้ว ไม่ไกลกันนั้นยังมีโบสถ์สำหรับคริสต์ศาสนาตั้งอยู่ และเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย แสดงให้เห็นความหลากหลายในการนับถือศาสนาของคนพื้นที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ คริสต์ หรืออิสลาม แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข กันตังมีกลิ่นอายคล้ายกับปีนังอยู่ส่วนหนึ่ง นอกจากสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่แล้ว ตามถนนในตัวเมืองจะพบกับภาพวาดสตรีทอาร์ตอยู่ตลอดทาง หากใครต้องการสถานที่ถ่ายภาพแบบเท่ๆ ในชุมชนแห่งนี้คงถูกใจไม่น้อย และขอแอบกระซิบว่าคนสูงอายุที่นี่ส่วนใหญ่ ล้วนเคยเดินทางไปปีนังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการศึกษาหรือการท่องเที่ยว เมื่อครั้งยังมีความรุ่งเรืองด้านการคมนาคมทางน้ำอยู่ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ อาหารพื้นถิ่นที่มีความหลากหลาย และสัมพันธ์กับชาติพันธ์ของคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะติ่มซำ ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็พบได้ทั่วไปชนิดเลือกร้านไม่ถูกเลยทีเดียว คนที่เดินทางมาท่องเที่ยว มักพุ่งตรงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในตัวเมือง แต่ลืมไปว่าสถานที่ชุมชุนแห่งนี้ยังมีลมหายใจเล็กๆ และความเงียบสงบ มนต์เสน่ห์ที่ชวนให้มาสัมผัส ลองเปลี่ยนบรรยากาศการท่องเที่ยวให้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของคนในชุมชน อาจทำให้คุณเห็นมุมมองวิถีชีวิต และเข้าใจความแตกต่างได้มากขึ้น เรื่องและภาพโดยผู้เขียน