ร้อนกาย ยังเปิดพัดลม เพื่อดับร้อนได้ แต่หากร้อนใจ ก็ต้องหาที่พึ่งทางใจเพื่อดับร้อนทางใจ ดั่งคำที่พระท่านเคยกล่าวไว้ว่า "ธรรมะ คือที่พึ่งทางใจ" เดือนมีนาคมปีนี้ร้อนมาก ทั้งอากาศและเงินในกระเป๋า สิ่งที่ดีที่สุดในความคิด และการดำเนินชีวิตของทุก ๆ วันในช่วงเวลานี้ ต้องบอกกับตัวเองว่า "ใจเย็น ๆ" หากใจร้อนผลีผลามทำอะไรโดยไม่ได้ยับยั้งชั่งใจก่อนละก็ ชีวิตอาจจะพังได้ ซึ่งอาจจะทำให้คนข้าง ๆ เดือดร้อน เพราะความใจร้อนของเราเพียงคนเดียว แล้วอะไรละ ที่ทำให้เราใจเย็นลง และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีสติได้ สำหรับผม "วัด" เป็นที่ ๆ ทำให้จิตใจสงบ เป็นที่พึ่งทางใจแทบทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ จังหวัดที่ผมอยู่ มีแหล่งท่องเที่ยว และวัดมากมาย ซึ่งทั้งชีวิตผม แค่จังหวัดเดียวยังเที่ยวไม่ครบจบทุกวัดเลยครับ และในวันนี้ เมื่อมีโอกาศ บวกกับความร้อนใจ ที่ใคร ๆ ก็ว่าไว้ "สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ" และก่อนที่ผมจะสิ้นใจ ผมจึงต้องไปวัด เพื่อหาที่สงบ เพื่อทำสมาธิ พร้อมที่จะสู้กับงาน และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้นวันต่อ ๆ ไป บางครั้ง การได้ทำบุญ หรือถวายสิ่งต่าง ๆ ตามกำลังที่เราพอจะทำได้ มันก็น่าจะมีความสุขกับการให้ หากเราสุข ทุกข์ก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป ถ้าพร้อมแล้ว เราออกเดินทางกันเลยครับ จุดหมายวันนี้ ผมมุ่งตรงไปยัง "วัดดอนสัก" สาเหตุที่ผมเลือกที่จะไปวัดแห่งนี้ เพราะอยู่ไม่ไกลบ้านมากนัก และอำเภอดอนสัก ก็อยู่ติดทะเล กะว่าทำบุญปิดทองที่วัดเสร็จ ก็จะไปนั่งชิล ๆ รับลมทะเลเล่นก่อนกลับบ้านด้วย เคยได้ยินแต่คนเขาพูดกันว่า มีรูปหล่อหลวงพ่อทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ก็เลยอยากเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง ผมขับเข้าถนนสาย สุราษฎร์ธานี - นาสาร หมายเลข 4009 ไปจนถึงถนนเซาท์เทิร์น (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 44) ขับมุ่งตรงไปเรื่อย ๆ ถนนโล่งมาก ขับสบาย จนมาถึงทางแยกเพื่อขึ้นสู่ถนนหมายเลข 401 ขับต่อไปอีกประมาณ 17 กิโลเมตร ก็ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายไปถนนหมายเลข 4142 และขับต่อไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตรผมก็เลี้ยวซ้ายตามป้ายที่ปักไว้ริมทาง ซึ่งป้ายบอกไว้ว่า "วัดดอนสัก สิงขร" อีกเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อขับไปเรื่อย ๆ จะเจอโรงเรียนวัดสิงขรอยู่ทางขวามือ ซึ่งอยู่ติดกับบริเวณวัดดอนสักพอดีครับ เมื่อขับมาถึงบริเวณวัด ภายในวัดเนื้อที่กว้างมาก และดูเหมือนว่า อยู่ในช่วงกำลังบูรณะ มีป้ายติดให้ทำบุญ และตู้บริจาคอยู่หลายจุด บางจุดก็กำลังก่อสร้างอยู่ ผมจึงหาที่จอดรถ เพื่อเดินดูให้ทั่วจะเหมาะกว่า เมื่อได้ที่จอดรถกันแล้ว สิ่งแรกที่สะดุดตาที่สุด ก็คงจะเป็นรูปหล่อหลวงพ่อทวด ซึ่งใหญ่มาก ๆ สมคำร่ำลือจริง ๆ ลักษณะสีของรูปหล่อเป็นสีดำเงา ดูน่าศรัทธา เมื่อเห็นแล้วต้องหยุดมองอยู่ 5 นาทีครับ เพราะรูปปั่นที่ตั้งอยู่สูงสง่า ตัดกับท้องฟ้าสีครามสวยงามมาก แทบจะไม่อยากละสายตาไปจุดอื่นได้เลย มีรูปปั่นงู อยู่ระหว่างทางขึ้นทั้งสองข้าง มีบาตรพระขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างทางขึ้น อลังการมากครับ ผมว่าเมื่อไหร่ที่สร้างเสร็จครบ 100% ผมว่าต้องสวยงามไม่แพ้ที่ไหนในโลกเลยครับ จากนั้นก็ไปยังจุดไหว้พระ ทำบุญ มีรูปหล่อตามวันเกิดให้เลือกทำบุญตามวันเกิดของเรา มีรูปหล่อหลวงพ่อทวดให้ปิดทอง มีดอกไม้ธูปเทียนให้บูชาที่จุดนั้นเลยครับ ภายในเย็นสบายมาก เพราะรอบด้านทำจากต้นไผ่ตลอดแนว ผมว่าดีนะ ผสมผสานเอาวัสดุธรรมชาติมาใช้ได้ดีเลยทีเดียว ลมพัดตลอดเวลา กลิ่นธูป ความสงบเริ่มตามมา ทำให้เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เราควรทำบุญแต่พอตัวครับ เพราะถ้าทำบุญเกินตัว เราอาจจะเป็นทุกข์แทนที่จะมีความสุขแทน หลังจากที่ทำบุญ ไหว้พระ ปิดทองเสร็จแล้ว เมื่อมั่นใจว่าเราเข้าวัดแล้วไม่ร้อน ก็ถึงเวลาเดินชมที่อื่น ๆ ภายในบริเวณวัดครับ ภายในวัดก็คล้าย ๆ กับวัดอื่น ๆ ทั่วไป แต่ก็มีหลายสิ่งที่ผมจะนำเสนอ ที่ดูท่าจะแปลกกว่าวัดอื่น ๆ คือ เหมือนสวนสัตว์ มีสัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์น้ำ ให้เราได้ชมกันเพลิน ๆ ครับ เสียงนกร้องไพเราะ และลมเย็น ๆ แถมช่วงที่ผมมาก็มีคนไม่มาก หรือแทบจะไม่มีเลย ทำให้รู้สึกสงบมากขึ้น ไม่วุ่นวายดีครับ ขอแนะนำว่าดูอย่างเดียวนะครับ อย่าไปแกล้งสัตว์ที่อยู่ในกรงครับ มาทำบุญเดี๋ยวจะได้บาปติดตัวกลับไปแทน เมื่อเดินดูสัตว์น่ารักกันแล้ว ก็หาที่ทำธุระส่วนตัว ไม่ต้องห่วงครับ ที่นี่มีห้องน้ำสะอาดให้บริการ ทั้งชายและหญิง อยู่ติดริมเขา ร่มรื่นเย็นสบาย ระหว่างทางก็มีศาล "พ่อท่านเจ้าวัด" ให้เราได้อ่านประวิติและทำความรู้จักกับสถานที่มากขึ้น และยังมีองค์พระพุทธรูปที่จัดตั้งไว้ตามบริเวณโขดหิน มีทั้งองค์พระนอน และองค์พระปางนั่งสมาธิ ให้เราได้แวะชมเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วยครับ ก่อนกลับบ้าน สิ่งที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ทำกันจริง ๆ คือ การให้อาหารสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น ไก่ หมา แมว ภายในบริเวณวัด หรือแม้กระทั้งปลา เพราะเค้าอยู่ในพื้นที่ ๆ จำกัด การหากินและความเป็นอยู่ของเค้า ค่อนข้างจำกัด ดังนั้น การที่เราช่วยให้อาหารเค้าได้กินอิ่ม อยู่ดี และหลับสบาย ผลบุญทั้งหลาย อาจจะส่งผลให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นมาบ้าง ผมจึงแวะให้อาหารปลาครับ แต่อีกใจหนึ่งเมื่อเห็นปลาก็นึกถึงต้มยำขึ้นมาทันที (ล้อเล่นครับ บาปกรรม ๆ) แวะให้อาหารปลาแล้วกลับบ้าน ปลาอิ่ม เราก็อิ่มบุญ อิ่มอกอิ่มใจ หายร้อนใจ มีกำลังพร้อมสู้กับปัญหาในเช้าวันใหม่ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ ครั้งหน้าผมจะไปที่ไหน ติดตามกันตอนต่อไป วัดดอนสัก สิงขร ตั้งอยู่ที่ ตําบล ดอนสัก อําเภอ ดอนสัก จังหวัด สุราษฎร์ธานี หรือตามพิกัดแผนที่ https://www.google.com/maps/dir/8.9047038,99.4004954/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81+%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A3/@9.129361,99.3514305,10z/data=!4m9!4m8!1m1!4e1!1m5!1m1!1s0x30546fcc78ae4d79:0x5c242a50721f6526!2m2!1d99.6811863!2d9.2520569 วัดกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา โปรดใช้สถานที่ ตามที่วัดจัดไว้ให้นะครับ พระครูไพโรจน์ธรรมรุจิ (พระมหาวิลาศ) เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนสักครับ