สวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้เราอยากจะชวนทุกคนหนีความวุ่นวายของโรคระบาดและสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ไปพักตากอากาศแบบออนไลน์กัน (ตามนโยบาย Thailand 4.0) ถ้าใจเราดีเดี๋ยวอะไรอะไรก็ดีขึ้นเอง เอาใจช่วยทุกคนผ่านไปด้วยกันและผ่านไปด้วยดีนะ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 9ปีก่อนเราอยู่ช่วงก้าวผ่านจากรั้วมหาวิทยาลัยเข้าสู่รั้วชีวิตจริง ซึ่งจะต้องผ่านด่านสุดท้ายนั่นคือวิทยานิพนธ์ ด้วยเหตุนี้เองเด็กอีสานอย่างเราจึงต้องล่องลงใต้ มุ่งสู่ความฝันหรือเพื่อผ่านด่านสุดท้ายแล้วไปตามฝันอีกที เราก็ไม่แน่ใจและนี่คือที่มาของการพบเกาะเล็ก ๆ น่ารักเกาะนี้ เราจั่วหัวเอาไว้ว่า “เกาะส้ม เกาะเล็ก ๆ หาดลับ ๆ ของสองเรา” ฟังชื่อแล้วดูโรแมนติกใช่ไหมล่ะ >///< ที่จริงมันก็โรแมนติกมากเลยนะถ้าใครมีโอกาสได้ไปกับคนรักหรือครอบครัว เพราะทั้งบรรยากาศบนเกาะและบริบทโดยรอบช่างเป็นใจ ส่วนเรานั้นไปทำงานเพื่อเก็บข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ เลยจะเน้นรูปธรรมชาติมาให้ผู้อ่านได้ชมกัน ^^ ภาพจาก Google Maps เกาะส้ม เป็นเกาะเล็ก ๆ รูปร่างคล้ายกับปลา อยู่ท่ามกลางทะเลอ่าวไทย ทางทิศเหนือของเกาะสมุย ใกล้กับ ต.บ่อผุด การเดินทางต้องนั่งเรือจากท่าเรือตรงหาดพระใหญ่ ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดเล็กที่คนพื้นที่เท่านั้นจะรู้จัก ต้องขอขอบคุณพี่โกขีดที่เป็นทั้งรุ่นพี่คณะและเป็นไกด์นำเที่ยว แถมยังพาหาข้อมูลต่าง ๆ ในครั้งนี้ด้วย บรรยากาศท่าเรือเล็ก ๆ ตรงหาดพระใหญ่ ดูน้ำทะเลสิใสเชียว *w* บรรยากาศระหว่างเดินทางไปเกาะส้ม จะพบเรือนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ตัวอยู่บนเรือเหนือหัวเป็นเครื่องบิน ผ่านไปมาหลายลำเพราะท่าอากาศยานนานาชาติสมุยอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง นั่นไงเกาะส้ม เห็นหัวเรือเราไหมหางยาวดี ๆ นี่แหละได้บรรยากาศสุด ๆ ท่าเรือของเกาะส้มทำมาจากไม้ วัสดุธรรมชาติให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายใจ ไม่ทำร้ายท้องทะเล ขึ้นชื่อว่าเกาะก็ต้องมีต้นมะพร้าว เมื่อมีต้นมะพร้าวก็ต้องมีลิง เราอาจจะคิดว่าพวกเราเข้ากันได้แต่แนะนำว่าให้อยู่ห่าง ๆ จะดีกว่า เห็นบรรยากาศแบบนี้เราอยากมาเป็นชาวเกาะจัง หนีความวุ่นวายมาอยู่กับเสียงคลื่นที่แสนจริงใจ บรรยากาศบนเกาะ เมื่อก่อนเคยมีรีสอร์ทแต่ตอนนี้ร้างไปแล้ว เท่าที่เราได้ศึกษาข้อมูลเกาะนี้มาพบว่า ก่อนหน้าที่เราจะมาประมาณ 5 ปีที่นี่เคยเป็นที่รีสอร์ทแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น คือเน้นวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ ฟาง หิน ไม้ต่าง ๆ เพื่อให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติและยั่งยืนกว่าในเชิงอนุรักษ์ แต่ด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบที่นี่กลับกลายเป็นรีสอร์ทร้าง เหลือเพียงอาคารไม่กี่หลังบนอยู่บนเกาะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามของเกาะนี้น้อยลงไปเลย พื้นที่เกาะจะแบ่งออกใหญ่ ๆ ได้ 2 ฝั่งที่เราสำรวจจะเป็นป่ามะพร้าวส่วนใหญ่ อีกฝั่งจะเป็นป่าโกงกาง รอบ ๆ จะเป็นน้ำกร่อย ที่จริงอยากไปสำรวจมากแต่ติดที่รกสุด ๆ และเวลาเราเหลือน้อยเต็มที ถ้าใครมีโอกาสมาดำน้ำหรือพายเรือแคนูเราว่าน่าสนใจ มุมมองทางด้านทิศเหนือของเกาะ จะมองเห็นเกาะลุมหมูน้อยใกล้ ๆ เกาะนี้ตรงเทียบเท่าเรือลักษณะจะเป็นหาดทรายขาวสะอาดเรียบเดินได้สบาย แต่พอมาทางทิศเหนือของเกาะ จะพบว่าเป็นโขดหินขนาดใหญ่ระดับจะสูงกว่าตรงหาดค่อนข้างมาก ทำให้จุดนี้จะมองเห็นวิวได้ไกล และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกอีกด้วย โขดหินขนาดใหญ่และค่อนข้างสูงชัน ปล่อยใจไปกับฟ้าสีครามและท้องทะเลกว้างใหญ่ เห็นไหมมนุษย์ตัวเล็กนิดเดียว ที่เห็นไกล ๆ นั่นเกาะพะงัน ใครมีโอกาสมาเจอกันได้ในวันพระจันทร์เต็มดวง เล่นน้ำกันสนุกจนนึกอิจฉา หมาทะเลนี่หน้าตาคล้ายหมาแถวบ้านเราเลย แสงสีทองสาดมาแล้ว ใกล้จะหมดเวลาของพวกเราแล้วล่ะ :) พระอาทิตย์ตกลับฟ้า จากทิวาเข้าสู่ราตรี หมดเวลาแล้วเราคงต้องไป ~ ทริปสำรวจเกาะวันนี้สร้างความประทับใจเหนือความคาดหมายเรามาก เพราะเริ่มแรกไม่ได้คาดหวังอะไรไว้ แต่เพราะธรรมชาติที่แสนยิ่งใหญ่สร้างไว้แบบไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆ มันเลยจับเข้ากับความรู้สึกเราได้จริง ๆ จากวันนั้นจนวันนี้ 9 ปีแล้วไม่รู้เกาะส้มแสนสวยของเราจะเป็นยังไงบ้าง ขอเก็บความทรงจำดี ๆ ไว้กับรูปถ่ายและบทความนี้แล้วกัน ^^ เนื้อเรื่องโดยผู้เขียน ภาพจากกล้องพี่โกขีดไกด์พาเที่ยว