อื่นๆ

อยู่เป็นเพื่อน..สัปเหร่อ

120
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อยู่เป็นเพื่อน..สัปเหร่อ
  • อีกหนึ่งอาชีพ ที่ใคร ๆ ก็รู้จักกันดี และทุกคนต้องเจอกับเค้าคนนี้ แน่นอนครับ เค้าคือ " สัปเหร่อ "

เป็นอาชีพที่มีมาเนิ่นนาน ยิ่งถ้าเป็นสมัยก่อน เมื่อหลายสิบปี หรือ ร้อยปีที่แล้ว มักมีเรื่องเหล่าขานต่อ ๆ กันมาว่า สัปเหร่อ มักจะมีวิชาอาคม และของขลังติดตัวทุกคน ซึ่งครั้งหนึ่ง ผมจำเป็นต้องไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อที่วัด ใช่ครับ! พ่อผมเป็น สัปเหร่อ ผมเคยโดนเพื่อน ๆ ล้ออยู่เสมอ เวลาไปโรงเรียน ว่าไอ้ลูกสัปเหร่อ หรือสัปเหร่อเผาผี ผมไม่อายครับ สัปเหร่อไม่ใช่โจรครับ และเผาทุกคนไม่ว่าหน้าไหน หากสิ้นลมหายใจและนอนอยู่ในโลง

วันนั้น ฝนตกปรอย ๆ ทำให้อากาศค่อนข้างชื้น และพ่อผม ต้องจัดการเผาศพ วันนั้นวันเดียว 3 ศพเลย คือช่วงบ่ายหนึ่งศพ และต้องเร่งเผาศพแรกให้เสร็จก่อนช่วงเย็น เพราะศพที่เผาตอนเย็น กว่าจะเผาเสร็จ น่าจะใช้เวลาถึงเที่ยงคืน และศพสุดท้าย คงเผากันถึงตอนเช้า ที่เผาศพเป็นเมรุ สภาพค่อนข้างดี พ่อผมจะใช้ถ่านหุงต้ม เป็นเชื้อไฟในการส่งร่างอันไร้วิญญาณไปสู่โลกหลังความตาย แต่วันนี้ พ่อบอกว่าต้องใช้น้ำมันดีเซลช่วย เพราะถ้าใช้ถ่านอย่างเดียวคงเผาศพทั้งสามวันนี้ไม่เสร็จแน่นอน ผมรับหน้าที่ไปซื้อน้ำมันดีเซล ที่ปั๊มใกล้ ๆ ใส่เสื้อกันฝนตะลุยฝ่าความหนาวขับมอเตอร์ไซค์ออกไป

Advertisement

Advertisement

ผมซื้อน้ำมันดีเซลใส่แกลอนขนาด 5 ลิตรกลับมาให้พ่อ พร้อมน้ำอัดลม และขนมอีกนิดหน่อย เป็นการตุนเสบียงเอาไว้ เพราะรู้ว่า วันนี้ทั้งวัน คงไม่ได้ออกไปไหนแน่ ๆ ร้านขายข้าว หรือ สามล้อขายไก่ย่างก็ไม่มี และปั๊มน้ำมันใกล้ ๆ วัดแห่งนี้ก็ปิดตั้งแต่ 2 ทุ่ม หลังจากเตรียมน้ำมันดีเซล และถ่านหุงต้ม ถึง 4 กระสอบเรียบร้อยแล้ว พ่อก็บอกให้ผมไปเล่นอยู่ใกล้ ๆ บริเวณเมรุแห่งนี้ เพราะพ่อไม่อยากให้เห็นตอนพ่อเคลื่อนย้ายศพเข้าไปในเตาเผา และตอนก่อไฟครั้งแรก จะมีควันมาก พ่อจึงไม่อยากให้ผมสูดดมควันเข้าไป

ฝนตกปรอย ๆ ไม่หยุด แล้วผมจะไปเล่นที่ไหนได้ นอกจากในโบสถ์ ภายในโบสถ์เงียบและมืด ผมจึงเลือกที่จะนั่งหน้าประตูโบสถ์แทนที่จะเข้าไปข้างใน นั่งขีด ๆ เขียน ๆ บนพื้นจนเบื่อ ผมจึงเอนหลังพิงประตูโบสถ์และเผลอหลับไป

รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนพ่อมาปลุก ผมเผลอหลับไปจนมืดค่ำ พ่อบอกว่าให้ขึ้นไปนั่งเล่นบนเมรุแทน เพราะพระท่านจะปิดประตูโบสถ์แล้ว เมื่อผมขึ้นไปบนเมรุ ก็ต้องตะลึง เพราะพ่อของผมลืมปิดช่องประตูเล็ก ๆ ที่ไว้สำหรับพลิกศพ ช่องเล็ก ๆ นี้ จะพอดีกับเหล็กสองง่าม ซึ่งมีลักษณะเหมือนช้อนส้อม มีไว้สำหรับจับยื่นเข้าไปทิ่มที่ศพแล้วพลิกเพื่อให้ศพไหม้จนหมด

Advertisement

Advertisement

ผมมองเข้าไป เห็นศพที่กำลังไหม้ ลุกขึ้นนั่งเองได้ และเหมือนกำลังขยับไปมา พ่อจึงรีบไปปิดประตูเล็กที่เมรุ แล้วบอกว่า ศพนั้นเส้นมันยึดเพราะเปลวไฟ เลยเหมือนกับว่า ศพกำลังขยับไปมา เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น ครั้งนี้เพิ่งครั้งแรก ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา แต่ดูจากสีหน้าของพ่อแล้ว มันเหมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติที่พ่อทำจนเคยชินไปแล้ว ผมจึงค่อยๆสบายใจขึ้นมาบ้าง การฌาปนกิจศพดำเนินต่อไป จนถึงศพสุดท้าย ซึ่งพ่อทำเวลาตามที่กำหนดไว้พอดิบพอดี เวลานี้เกือบ ๆ ตีหนึ่งแล้ว ผมก็เริ่มจะง่วง พ่อบอกว่า เดี๋ยวใส่ถ่านหุงต้มทิ้งไว้แล้วกลับบ้านได้เลย พรุ่งนี้เช้าค่อยมา

แต่มันไม่เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ศพที่กำลังเผาอยู่นี้ ใช้ถ่านหุงต้มถึง 2 กระสอบก็ไม่ยอมไหม้ พ่อบอกว่าร่างไหม้เกรียมแล้วแต่ไม่ยอมเป็นเถ้าถ่านเหมือนศพที่ผ่านมา พ่อจึงปูผ้าขาวม้าและบอกให้ผมนอนตรงบันใดทางขึ้นเมรุไปก่อน ความอยากรู้อยากเห็น ผมจึงนอนดูพ่อว่าทำอย่างไรต่อ พ่อผมพนมมือ และทำปากขมุบขมิบอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้น ร่างที่กำลังโดนเปลวไฟเผาไหม้ ก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิ และพนมมือขึ้นเหมือนคนกำลังสวดมนต์ ให้ตายสิ! นี่ผมฝันไปหรือเปล่า จากนั้นพ่อจึงใช้สองง่ามแทงเข้าไปกลางอกของศพ จากนั้นก็พลักให้ศพหงายหลังลงไป แต่ศพนั้น กลับใช้มือทั้งสองข้าง จับสองง่ามและดันกลับมา จนพ่อผมเสียหลักเกือบล้มลง จากนั้นพ่อผมก็ดันสองง่ามกลับไป ดันสองง่ามกันไปมาพักหนึ่ง ก็มีหลวงพ่อเดินขึ้นมาที่บันใดที่ผมนอนอยู่ แล้วท่านก็ท่องบทสวดเสียงดังมาก พ่อของผมปล่อยสองง่ามจากมือ และถอยหลังออกมา น่าแปลกที่สองง่ามนั้นไม่ยอมหล่นลงกับพื้น แต่กลับดันศพข้างในเตาเผานั้นจนล้มลงไปแทน จากนั้นพ่อก็รีบดึงสองง่ามออกแล้วปิดประตูเตาเผาทันที

Advertisement

Advertisement

ยังไม่ทันที่จะหันมาคุยกับหลวงพ่อท่านนั้น หลวงพ่อท่านก็หายไปเสียแล้ว ผมงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก แต่พ่อก็บอกให้เงียบ ๆ ไว้ ไม่ต้องถามอะไร แล้วพ่อก็พาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ขับกลับบ้าน

ระหว่างทาง ขณะที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พ่อกลับบ้าน ก็มีเสียงหัวเราตามมาข้างหลังแบบติด ๆ ตลอดทาง พอหันหลังกลับไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร พ่อผมบอกว่าให้เฉย ๆ ไว้ เสียงหัวเราะนั้น ดังตามหลังผมมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงบ้าน แล้วก็หายไป จากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็ไม่เคยไปเป็นเพื่อนพ่ออีกเลย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์