หิน แฟนชั่นเครื่องประดับที่ไม่เคยตกยุค สำหรับตัวผู้เขียนเองเริ่มใช้หินเข้ามาประกอบในการแต่งกายตั้งแต่เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว จำได้ว่าในช่วงเวลานั้นจะเป็นยุคทองของ "คริสตัลสวารอฟสกี้" Swarovski Crystal และราคาก็ถือว่าสูงมากในเวลานั้น แต่ยอมรับเลยค่ะว่าสวยจริง ๆ สุดท้ายก็แพ้ความแวววับของคริสตัลจนได้ จัดมาให้ตัวเองเหมือนกัน เป็นสร้อยข้อมือ เครดิตภาพโดยผู้เขียน จำได้ว่าได้เอามาใส่ไม่กี่ครั้งเอง ส่วนใหญ่มักจะเก็บไว้ในกล่องมากกว่า มีความรู้สึกว่าเวลาใส่แล้วเหมือนมันไม่ใช่ตัวเรา รู้สึกขัด ๆ ไม่มั่นใจตัวเอง สุดท้ายก็เก็บเข้ากล่อง เก็บจนลืมเลยค่ะจนบางครั้ง เก็บจริงจังมาจะ 20 กว่าปีแล้ว สงสัยรอเจ้าของใหม่ แต่ที่สังเกตได้คือในเวลานี้ไม่ค่อยจะเห็นใครใส่สร้อยข้อมือคริสตัลกัน มาไวไปไว นี่คือสัจธรรมจริง ๆ ไม่มีอะไรยั่งยืน แต่สำหรับหิน ผู้เขียนยอมรับเลยค่ะว่าในวันนี้ยังคงมีให้เห็นได้ทั่วไปและยังยืนยันได้ว่า หิน ไม่เคยตกยุค ง่าย ๆ เลยตัวผู้เขียนเองทุกวันนี้ก็ยังคงใส่สร้อยข้อมือหิน เครดิตภาพโดยผู้เขียน ผู้เขียนใส่หินเป็นเครื่องประดับเพราะความชอบ ไม่ได้มีเรื่องของรูปแบบพลังความเชื่อใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มมาศึกษาจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนประมาณปี 2558 การเลือกใส่หินให้ตรงกับปีเกิด ธาตุเกิด เริ่มแรกก็ศึกษาดูจาก Website ที่ลงข้อมูลเกี่ยวกับหิน ชื่อของหิน ความหมาย ซึ่งทำให้รู้ว่าข้อมูลจะลงซ้ำ ๆ กัน มีชื่อกลุ่มของหินไม่กี่ประเภท แต่เมื่อเวลาผ่านไปมาถึงปี 2563 นี้ มีชื่อของหินชนิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมาย มีการพัฒนารูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิม เครดิตภาพโดยผู้เขียน สร้อยคอหินเส้นนี้ผู้เขียนซื้อไว้เมื่อ พ.ศ.2543 จำได้ว่าเป็นร้านของชาวตุรกีที่มาตั้งร้านขายหินในหาดใหญ่ สมัยนั้นขนาดหินธิเบตยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง จำได้ว่าเป็นหินชื่อ อาเกต ซึ่งหมายถึงหินแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นหินที่เมื่อจับแล้วจะรู้สึกเย็นมาก ราคาในตอนนั้นถ้าเทียบกับยุคปัจจุบัยนี้ถือว่าถูกมาก เฉพาะจี้ ผู้เขียนซื้อมาในราคา 350 บาท ส่วนที่เป็นสร้อยคอ 300 บาท เจ้าของร้านคิดค่าอุปกรณ์เสริมและค่าบริการ 50 บาท เบ็ดเสร็จ 700 บาท สำหรับผู้เขียนในช่วงเวลานั้นถือว่าราคาแพงเหมือนกัน ในตอนนั้นเงินเดือนครูเอกชนเพียงแค่ 6,360 บาท ราคา 700 บาทสำหรับสร้อยเส้นนี้จึงถือว่าแพงมาก แต่ถ้าเป็นยุคนี้คงจะอยู่ที่ราว ๆ 1,500-2,000 บาท ปัจจุบันนี้สร้อยคอหินเส้นนี้ผู้เขียนใส่ไม่ได้แล้ว เวลาเอามาใส่รู้สึกเหมือนกำลังจะโดนรัดคอหายใจไม่ออก สร้อยคอมันหดตัวลงทำให้เราใส่ไมไ่ด้ หรือเพระาคอเราขยายตัวได้ฮ่า ๆ เคยมีความที่จะรื้อใหม่เอามาทำเป็นสร้อยข้อมือแทน แต่ยังไม่ได้ฤกษ์สักที เครดิตภาพโดยผู้เขียน จากปี พ.ศ. 2543 มาถึงปี พ.ศ. 2563 นี้ กระแสความนิยมของเคครื่องประดับหิน เริ่มถูกเปลี่ยนวัตถุประสงค์ไปเมื่อมีเริ่มมีคำว่า หินมงคล หินนำโชค เข้ามา การใส่เพื่อเป็นเครื่องประดับเริ่มกลายเป็นจุดประสงค์รองลงมากจากการใส่เพื่อเรื่องของโชคลาภ เงินทอง จากที่ผู้เขียนสังเกต ความนิยมของหินนำโชค หรือหินมงคล มักจะเริ่มมาจากกลุ่มดาราดัง ในช่วงปี พ.ศ. 2556 สร้อยข้อมือหินยังคงเป็นรูปแบบเดิมที่มีหินเป็นตัวหลักอาจจะมีการแซมด้วยตัวคั่นสวย ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของผู้สวมใส่ ผู้เขียนเคยมีรายได้เกือบหลักหมื่นจากการขายสร้อยข้อมือหิน ในช่วงเวลาเนั้น ทำให้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของกระแสนิยมของเครื่องประดับหิน ในรูปแบบของ สร้อยข้อมือหิน จะเป็นที่นิยมสวมใส่กันมากที่สุด และในวันนี้ความนิยมของสร้อยข้อมือหินนำโชคก็ยังคงอยู่และรูปแบบก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีกด้วยการเริ่มนำเอาวัตถุมงคลที่มีการปลุกเสกแล้วมาร้อยรวมกับหินมงคล เครดิตภาพโดยผู้เขียน เวลามีงาน OTOP ผู้เขียนชอบเดินดูตามร้านที่ขายสร้อยข้อมือหิน นอกจากเป็นความชอบส่วนตัวแล้วได้เพิ่มเติมความรู้ใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง บางร้านเจ้าของร้านใจดีให้ข้อมูลก็มีค่ะ เท่าที่จำได้ ว่าสร้อยข้อมือหินที่นิมยมคู่กับเครื่องรางมีดังนี้ค่ะ สร้อยข้อมือหินตะกรุดเทพจำแลงภมร ครูบากฤษณะ สร้อยข้อมือหินตะกรุดยันต์ฟ้าประทานพรเซียนแปะโรงสี สร้อยข้อมือหินปี่เซี๊ยะเรียกทรัพย์ สร้อยข้อมือหินสีผึ้งมหาเสน่ห์ สร้อยข้อมือหินตาไข่ จ.นครศรีธรรมราช สร้อยข้อมือหน้ากากเสือ สร้อยข้อมือหินหน้ากากตาพราน เครื่องรางอาจจะมีมากกว่านี้อีกนะคะ แต่ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจากที่ใด ในรูปแบบใด โดยความเชื่อและความศรัทธาของผู้สวมใส่แล้วจะมีความเชื่อว่า เครื่องรางมีอานุภาพความขลังในทุกด้าน ทั้งด้านเจรจา ค้าขายดีประกอบธุรกิจร่ำรวยเสริมเมตตามหานิยม และโชคลาภ ยิ่งมาเสริมรวมกับหินมงคลแล้วพลังจะเพิ่มมากขึ้นอีก เครดิตภาพโดย Chanin Sriuthai หินนำโชคหรือหินมงคลรวมทั้งเครื่องรางต่าง ๆ ที่ร้อยรวมพลังอยู่ด้วยกัน ล้วนแล้วแต่เกิดจากความศรัทธาของผู้สวมใส่ ซึ่งในเรื่องเหล่านี้ผู้เขียนเองก็ได้เจอมาบ้างทำให้มีความเชื่อในเรื่องของความศรัทธา "ศรัทธามีปาฏิหารย์เกิด" คำนี้เกิดขึ้นได้จริงค่ะ หิน ก็ยังคงเป็นเครื่องประดับที่อยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคสมัยนี้ คุณผู้อ่านท่านใดที่ยังไม่มีสร้อยข้อมือหิน ลองหาซื้อมาใส่ดูสักเส้นค่ะ หรือจะซื้อวัสดุอุปกรณ์มาร้อยเองก็เป็นความสุขเล็ก ๆ ให้ตัวเองได้ด้วยนะคะ ขอบคุณภาพสร้อยข้อมือหินตาไข่ จาก Facebook Chanin Sriuthai https://web.facebook.com/kawkirene