สวนสัตว์สงขลา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาที่น่าจะพาคนในครอบครัวไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ รับรองว่าสุขทั่วหน้า มาได้ทั้งครอบครัว เพราะเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หากได้มาที่นี่แล้ว ก็จะได้ทั้งความสุข ความสนุก และความรู้กลับไปมากมาย สวนสัตว์สงขลา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่คู่กับจังหวัดสงขลามานาน โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2541 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานในพิธีเปิด สวนสัตว์สงขลา จึงเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของภาคใต้ มีพื้นที่ 878 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ ขยายพันธุ์ รวบรวมสัตว์ป่าของไทย และเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบสงขลา ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถชมวิวสะพานติณสูลานนท์และทะเลสาบสงขลาได้อย่างชัดเจน ยิ่งช่วงเวลาเย็นจะมีวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ในช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวสวนสัตว์สงขลา บทความครั้งจึงขออาสาพาไปเที่ยวชมว่าสวนสัตว์สงขลา มีความน่าสนใจและเหมาะสำหรับการพาครอบครัวโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็ก ๆ รับรองได้ทั้งความสนุกและได้ทั้งความรู้ ติดตามกันมาได้เลย สวนสัตว์สงขลา ตั้งอยู่เลขที่ 189 หมู่ 5 ถ.สงขลา-นาทวี ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา การเดินทางสามารถขับรถยนต์ไปตามถนนสงขลา-จะนะ ผ่านแยกสำโรงไป 2 แยกจะพบป้ายทางเข้าสวนสัตว์สงขลาที่ชัดเจน เลี้ยวขวาไปทางขึ้นสวนสัตว์ซึ่งตั้งอยู่บนเขา อัตราค่าเข้าชมสวนสัตว์ คือ ผู้ใหญ่ 100 บาทและเด็ก 20 บาท หากนำรถเข้าไปจอดจะเสียค่าจอด 50 บาท โดยถ้ามีเด็กหรือคนชราจะได้รับบัตรพิเศษที่สามารถขับรถเข้าไปชมสวนสัตว์ได้เลย หากไม่ได้ขับรถเข้าไปทางสวนสัตว์ก็มีบริการรถพาเที่ยวชมสวนสัตว์พร้อมผู้บรรยายบนรถ โดยมีค่าบริการเด็ก 15 บาทและผู้ใหญ่ 25 บาท ซึ่งมีความสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางเอง ผู้ขับรถจะบรรยายให้ความรู้และพาไปชมการแสดงต่างๆ อาทิเช่น แสดงความสามารถของแมวน้ำ,ขบวนพาเหรดนกเพนกวิน,การให้อาหารเสือและการแสดงโชว์วิถีชีวิตสัตว์ป่า เป็นต้น (รถบริการพาชมสวนสัตว์) สำหรับผู้เขียน ได้รับบัตรขับรถยนต์เข้าไปได้เลย เนื่องจากพาเด็กๆ ไป และมีความเชี่ยวชาญเพราะมาหลายครั้งแล้ว จึงขับรถไปชมได้ โดยเริ่มจากพาไปชมสวนกวางที่มีกวางป่านานาชนิด โดยให้เด็กๆได้ลงไปป้อนอาหารให้กวางได้เลย ไม่ว่าจะเป็นถั่วฝักยาว ใบไม้ กิ่งไม้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์คอยดูแล เราสามารถถ่ายภาพได้ตามใจ เพราะกวางในสวนสัตว์ให้ความร่วมมือไม่ตื่นกล้อง ถ่ายเซลฟี่กับพี่กวาง เด็กสบายใจก็ไปต่อที่แสดงความสามารถของแมวน้ำ,ขบวนพาเหรดนกเพนกวิน ซึ่งถือเป็นจุดน่าสนใจและไฮไลท์ของสวนสัตว์สงขลาแห่งนี้ โดยจะมีการแสดงเป็นรอบๆ ตั้งแต่ 11.00 น.จนถึง 16.00 น. วันละประมาณ 3 รอบ ความสามารถของแมวน้ำ และขบวนพาเหรดนกเพนกวิน เด็กๆสามารถเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆได้และให้อาหารได้ เพียงแต่ต้องต่อแถวและทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ( เด็กๆให้อาหารสัตว์ ) (ลูกเก้งเผือก สมาชิกใหม่สวนสัตว์สงขลา) ช่วงที่เราไปมีโอกาสได้ชมสมาชิกใหม่ของสวนสัตว์สงขลามีทั้งเพิ่งคลอดใหม่และย้ายมาจากสวนสัตว์ดุสิต ที่กทม. นั่นคือ ลูกเก้งเผือก,ลูกชะนีมือขาว,ลิงกระรอก, เมียร์แคท, หนูยักษ์คาปิบาร่า ดูแล้วน่ารัก น่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง (เมียร์แคท สมาชิกใหม่สวนสัตว์สงขลา) สิ่งที่เป็นจุดขายของสวนสัตว์สงขลาที่ไม่ควรพลาดชม นั่นคือ การแสดงการให้อาหารเสือ ซึ่งดูแล้วโหด มัน ฮา ได้อารมณ์สัญชาตญาณนักล่าของเสือ ที่กระโดดตะครุบไก่ที่แขวนบนราวข้ามคูน้ำอย่างสนุกและตื่นเต้า และการแสดงโชว์วิถีชีวิตสัตว์ป่า ม่ีความน่ารักของสัตว์เช่นนากแสนรู้และลิงชนิดต่างๆที่นำมาจัดแสดง นอกจากที่นี่จะมีให้ได้ชมสัตว์ต่างๆ มากมายแล้ว สวนสัตว์สงขลาก็ยังมี “สวนน้ำขนาดใหญ่” บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ภายในสวนน้ำมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีสไลเดอร์ มีอ่างน้ำวน คณะของเราเข้าไปก็ไม่พลาดต้องพาเด็กๆไปเล่นน้ำในสวนสัตว์ (สวนน้ำขนาดใหญ่) ที่สำคัญคือ สวนน้ำแห่งนี้ สามารถชมวิวของทะเลสาบสงขลาและสะพานติณฯได้แบบพาโนรามา แบบ 360 องศา ถือเป็นจุดเช็คอินสุดฟินที่ต้องเข้ามาเที่ยวชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ซึ่งแตกต่างและหาชมได้ยากจากสวนสัตว์อื่นๆในประเทศไทย คงจะมีที่สงขลาแห่งเดียวที่นี่แหละ สรุปแล้ว สวนสัตว์สงขลาจึงเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตสัตว์ป่าแบบใกล้ชิด รวมถึงไดเล่นน้ำสวนน้ำที่สนุกสนาน ที่เรียกว่า "มาที่เดียวเที่ยวได้ค้มค่า" เชิญมาเที่ยวได้ รับรองไม่ผิดหวัง สุขทั่วหน้า มาได้ทั้งครอบครัวกันเลย! ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ สวนสัตว์สงขลา ตั้งอยู่เลขที่ 189 หมู่ 5 ถ.สงขลา-นาทวี ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โทรศัพท์ : 074-598838-9 โทรสาร : 074-598840 เว็บไซต์ : http://www.songkhlazoo.com อีเมล : songkhlazoo55@gmail.com เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.30 -17.30 น. (หมายเหตุ ภาพถ่ายในบทความนี้ ผู้เขียนเป็นผู้ถ่ายภาพเอง)