“ปี 1 ทุกๆ คนเข้าแถว” เสียงตะโกนของพี่ปี 2 ดังมาแต่ไกล กิจกรรมศิลป์จุ่มกำลังเริ่มขึ้น คำว่าศิลป์จุ่มนั้น ถ้าแปลเป็นภาษาง่ายๆ ก็คือการเอาพู่กันจุ่มสีมาวาดนั้นแหละมันเป็นเหมือนข้อตกลงของหมู่คณะ จนเป็นประเพณีนิยมสืบต่อกันมา ซึ่งหมายถึง การที่คณะอาจารย์ และนักศึกษาต่างๆ ใช้พู่กันวาดภาพหรือเขียนเป็นกำลังใจหรือคำแนะนำดี ๆ ลงไปบนตัวน้อง ๆ ชั้นปีที่ 1 เราว่านะมันเปรียบเสมือน การอวยพรสิ่งดี ๆ ในการเริ่มต้นในการเรียน การใช้ชีวิต ให้กับน้องๆ ที่เข้ามาใหม่ มันเป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่งโดยผ่านศิลปะ ความเลอะเปรอะเปื้อนบนลำตัว บนเสื้อผ้า เสียงดนตรี เสียงกลองดังกังวานไปทั่ว คณะเราตอนนั้นเป็นที่สนใจและสะดุดตา แก่นักศึกษาสาขาอื่นๆ ที่ขับรถผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดีเลยแหละ มีแต่ผู้คนถาม หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพ และสงสัยว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่นั้น ทำไปทำไม เพื่ออะไร และได้ประโยชน์อะไร เราตอบได้เลยว่าตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจเลยว่าทำไปทำไม แต่มันสนุกมากๆ เลยแหละ มันเหมือนการรับพรจากครูบาอาจารย์ จากพี่ๆ ที่เหมือนจะบอกเราว่า “สู้ๆ นะ อย่าไปท้อละ” อย่างที่รู้ๆ กันว่าคณะสถาปัตย์นั้น การที่จะเรียนให้จบออกมามันไม่ง่ายเลย แต่การได้เข้าร่วมกิจกรรมศิลป์จุ่มนั้น มันเหมือนการได้เก็บความทรงจำดี ๆ จดจำคำพูดคำให้กำลังใจดีๆ ไว้คอยเตือนสติตัวเองในอนาคต อาจเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ แค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถลืมความรู้สึกนั้นได้เลย อากาศที่เคยร้อน มันหายไปหมดหลังจากกิจกรรมได้เริ่มขึ้น เสียงร้องดังสนั่น บวกกับท่าทางการเต้นอันแปลกประหลาด แต่มันทั้งตลกและสนุกดีนะ การได้เห็นรอยยิ้มของทุก ๆ คน เหมือนได้ปลดล็อคตัวเอง ไม่มัวแต่เขินอาย กล้าเป็นตัวเองมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยแหละ รอยยิ้มในช่วงเวลานั้นของอดีตมันกลับมาอีกครั้ง บางคนคิดว่ามันเปลืองเวลา มันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับเรานะ มันเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่น่าจดจำ และทุกๆ คนก็รอคอยให้มันหมุนกลับมาอีกครั้ง เพราะมันจะมีแค่ปีละครั้งเท่านั้นแหละ กิจกรรมบางอย่างมันมีเหตุผลที่เขายังคงทำสืบต่อกันมาเป็น 10 ปี และสุดท้ายนี้เราก็ไม่สามารถบอกเหตุผลที่ชัดเจนได้ว่ากิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเองหรือถ้าคุณไม่เชื่อลองมองรอยยิ้มพวกนี้ดูสิ มันน่าจดจำและมันพิเศษแค่ไหน