ท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินหนังสือชื่อ ชีวิตนี้น้อยนัก กันมาบ้าง ผู้เขียนได้หนังสือชีวิตนี้น้อยนัก มาจากการพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน เป็นหนังสือที่อ่านครั้งเดียวแล้วตั้งใจอยากจะพิมพ์แจกเป็นธรรมทานบ้าง เพราะเนื้อหาในหนังสือมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ เปรียบเทียบเรื่องการทำกรรม ที่ทำให้มองเห็นกรรมดี กรรมชั่วได้ชัดเจน ชีวิตนี้น้อยนักเป็นบทพระนิพนธ์โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยโรงพิมพ์นพรัตน์ เป็นผู้จัดพิมพ์เพื่อแจกเป็นธรรมทาน เป็นบทพระนิพนธ์ที่กล่าวถึงเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของทุกชีวิต ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนหรือสัตว์ที่มีกรรมดี กรรมชั่วติดมา แต่ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว กรรมที่ได้กระทำก็จะส่งผลตามเหตุและผลที่ได้เคยกระทำไว้ ไม่ว่าในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติหรือชาติอนาคต พูดง่าย ๆ ก็คือใครทำกรรมอะไรไว้ก็จะได้รับผลตอบแทนแบบนั้น จะเร็วหรือช้าเท่านั้นเอง เครดิตภาพโดยผู้เขียน ชีวิตนี้น้อยนักหมายถึงชีวิตที่เกิดเพียงในชาตินี้ชาติเดียว ซึ่งน้อยนักเมื่อเทียบกับการเกิดในหลาย ๆ ชาติ เพราะฉะนั้นกรรมในชาตินี้ชาติเดียว จึงน้อยนักเมื่อเทียบกับกรรมในหลาย ๆ ชาติ ที่เกิดมา เพราะเราไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่า เราเคยเกิดเป็นอะไรกันมาบ้าง ทำกรรมอะไรมาบ้าง เครดิตภาพโดยผู้เขียน “ การเขียนหนังสือด้วยปากกาหรือดินสอลงบนกระดาษแผ่นเดียวนั้น เขียนลงครั้งแรกก็ย่อมอ่านออกง่าย อ่านเข้าใจง่าย แต่ยิ่งเขียนทับ เขียนซ้ำลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวกันนั้น ตัวหนังสือย่อมจะทับกันยิ่งขึ้นทุกที การอ่านก็จะยิ่งอ่านยากขึ้นทุกที จนถึงอ่านไม่ออกเลย “ ประโยคที่ผู้เขียนยกมาเป็นนี้เป็นประโยคที่ผู้เขียนชอบมาก เพราะเป็นการกล่าวเปรียบเทียบการทำกรรมของทุกชีวิตที่ทำไว้นับภพชาติไม่ถ้วนได้ชัดเจน เพราะแยกไม่ออกเลยว่าได้ทำกรรมอะไรไว้บ้าง กรรมดีหรือกรรมชั่ว หรือทำกรรมอะไรก่อนหลัง มากน้อยแค่ไหน หรือแม้แต่การเกิดในชาตินี้ ก็แยกแยะกันตามกรรมที่ได้กระทำมา เช่น เกิดเป็นมนุษย์มีฐานะร่ำรวยหรือยากจน สติปัญญาฉลาดหรือโง่ เกิดในตระกูลสูงหรือต่ำ หรือถ้าจะพูดถึงในเรื่องภพชาติ ก็อาจไปเกิดเป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ มนุษย์ไปเกิดเป็นเทวดาได้ สัตว์ก็ไปเกิดเป็นเทวดาได้ เทวดามาเกิดเป็นมนุษย์ได้ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เกิดจากกรรมทั้งสิ้น เครดิตภาพโดยผู้เขียน บทพระนิพนธ์ชีวิตนี้น้อยนัก มีการหยิบยกเรื่องราว เรื่องเล่าต่าง ๆ เปรียบเทียบให้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดได้ชัดเจน เป็นบทพระนิพนธ์ที่อ่านแล้วสนุก ไม่น่าเบื่อ เรื่องราวที่หยิบยกมาเล่าเปรียบเทียบ จะทำให้มองเห็นภาพและจินตนาการได้ถึงการทำกรรมดี กรรมชั่วได้ชัดเจน ภาษาที่ใช้เป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่าย เป็นหนังสือที่สอนในเรื่องของกรรม การสร้างกรรมดีที่จะทำให้กรรมชั่วไล่ตามไม่ทัน และยังกล่าวถึงกรรมเรื่องสุดท้ายที่จิตยังผูกพันอยู่ก่อนที่จะจากภพภูมินั้น หรือที่เราเข้าใจกันได้ดีว่า จิตสุดท้ายก่อนตาย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและทำยากที่สุด จิตสุดท้ายจะเป็นตัวกำหนดว่าจะไปเกิดใหม่ในภพภูมิใด ถ้าทำความดีสร้างบุญกุศลไว้มาก ก็จะไปเกิดในภพภูมิที่ดี หรืออาจไปเกิดเป็นเทวดา แต่ถ้าหากทำกรรมชั่วไว้มาก ก็อาจไปเกิดเป็นสัตว์ให้ได้โดนรังแก อย่างเช่นตัวอย่างเรื่องเล่าของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ท่านได้ตัดสินพระในวัดที่ตีเพื่อนพระในวัดจนหัวแตกว่าเป็นฝ่ายถูก และพระที่ถูกตีหัวแตกเป็นฝ่ายผิด นั่นก็เพราะในอดีตชาติพระที่ถูกตีหัวแตกเคยไปตีพระองค์ที่ตีท่านหัวแตกมาก่อน ถ้าอโหสิกรรมให้กัน กรรมก็จะไม่วนเวียนต่อไป ในหนังสือชีวิตนี้น้อยนักมีเรื่องราว เรื่องเล่า เปรียบเทียบการไล่ล่าของกรรมมากมายหลายเรื่อง อ่านแล้วก็ทำให้เกิดความกลัวการไล่ล่าของกรรม นั่นหมายถึงต้องหมั่นทำบุญ สร้างกุศลไว้ให้มาก เพื่อจะได้มีบุญกุศลไว้ติดตัว ในเวลาที่กรรมไม่ดีพยายามไล่ล่า ไล่ตระครุบ คงคล้าย ๆ กับสิ่งที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกับเด็ก ๆ เสมอว่า ถ้าเป็นคนไม่ดี ตายไปจะตกนรก เครดิตภาพจาก:https://bit.ly/3evYbpT ถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านชีวิตนี้น้อยนักแล้ว อาจจะรู้สึกเหมือนผู้เขียนคือไม่อยากทำกรรมไม่ดีเลย อยากให้ท่านผู้อ่านลองหาอ่านดูนะคะ เป็นหนังสือที่น่าสนใจ น่าอ่านมาก ยังมีคนพิมพ์แจกเป็นธรรมทานอยู่เรื่อย ๆ แต่ผู้เขียนเคยเห็นมีขายตามร้านหนังสือด้วยเหมือนกัน หรือจะติดต่อได้ที่ โรงพิมพ์นพรัตน์ โทร. 0-2530-2961