ศิลปะของ "ความสุข" ที่ไม่ต้องเสียเวลารอคอย ข้อความจากหน้าปกหนังสือเล่มนี้เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้งทำให้คิดถึงความสุขในวัยมัธยม ยุคของหนังสือกลอนจากสำนักพิมพ์ "ใยไหม" มีใครทันบ้างคะ ที่แน่ ๆ เราเป็นอีกคนที่ชอบสะสมหนังสือกลอนของใยไหม เวลาซื้อหนังสือมาเราชอบเขียนวันที่ซื้อไว้ เมื่อเวลาผ่านไปหยิบกลับมาอ่านอีกครั้ง กลิ่นของความสุขค่อย ๆ โชยเข้ามา เหมือนกลิ่นหอมของกาแฟอ่อน ๆ ดีใจที่เวลาผ่านไปเกือบ 20 ปีแล้วหนังสือเหล่านี้ยังคงอยู่ แต่ก็แอบเสียดายตรงที่บางเล่มได้หายไปแล้ว "โลกสวยงามขึ้นเมื่อเดินช้าลง" เล่มที่เรามีอยู่นั้นเป็นการพิมพ์ครั้งที่ 12 ตุลาคม 2555 ผู้แต่งคือ "ปูปรุง" ราคาตามปก 99 บาท แต่เราซื้อมาในราคา 69 บาท ถ้าเป็นยุคนี้เล่มนี้คงจะราคา 100 ขึ้นแน่ ๆ และในวันนี้เราก็ไม่ได้มีความคิดที่จะซื้อหนังสือกลอนแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน การที่ได้มีเวลากลับมาอ่านอีกครั้ง มันคือความสุข เพราะในวัยทำงานปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าเข้ามามีทางออกบ้างไม่มีทางออกบ้าง บางเรื่องก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวลาในการช่วยแก้ปัญหาไป หนังสือเล่มนี้ให้แนวทาง ให้มุมมองในการใช้ชีวิตทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานตั้งแต่บทคำนำของ "พี่ไหมน้อย" ยังจำกันได้มั๊ยคะ พี่ไหมน้อย เจ้าของสำนักพิมพ์ใยไหม ตำนานหนังสือเฟรนชิพ เราเคยมีตอน ป.6 ไม่รู้หายไปไหนแล้ว ชีวิตและการทำงานกับเส้นทางที่คุณ "เลือก" ที่จะเป็น บทเริ่มต้นของพี่ไหมน้อยจากหนังสือเล่มนี้ พี่ไหมน้อยเขียนไว้ว่า "ผมค่อนข้างเห็นด้วยว่า มุมมองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในกระแสหลักของสังคมปัจจุบันกำลังเผชิญกับภาวะเร่งรีบ รัดตัว มีเงื่อนไขซับซ้อนมากมายจนแกะไม่ออก ให้ค่านิยมกับเงินเป็นตัวตั้งและแข่งขันกันที่ความสำเร็จและชื่อเสียง..." แม้เวลาจะผ่านไป 8 ปีแล้ว สิ่งที่พี่ไหมน้อยได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ยังคงเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันนี้ บทสรุปของคำนำจากพี่ไหมน้อยอ่านแล้วรู้สึกพลังเริ่มกลับมาอีกครั้ง เหมือนได้ชาร์ตแบตเติมพลังกายพลังใจ นี่ขนาดเพิ่งจะอ่านแค่คำนำจากเจ้าของสำนักพิมพ์นะคะ สำหรับเราการที่ได้มานั่งอ่านอีกครั้งเพื่อที่จะมาทำรีวิว ได้มานั่งทำภาพข้อความอยากจะบอกว่า นี่คือ ความสุขของเรา สิ่งที่อยากจะทำมานานมากแล้ววันนี้เราได้ทำแล้ว "ทุกอย่างจะมาเมื่อถึงเวลา" ข้อความนี้มักจะเข้ามาเป็นคำตอบให้เราเสมอ "โลกสวยงามขึ้นเมื่อเดินช้าลง" หนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด 76 หัวข้อ แต่ละหัวข้อก็มีเพียง 2 หน้ากระดาษ ตัวอักษรมีขนาดปกติบ้าง ใหญ่บ้าง บางข้อความก็มีสีสรรทำให้น่าอ่าน ไม่น่าเบื่อด้วยจำนวนตัวอักษรที่ไม่ได้เยอะแยะมากมาย ถ้าอ่านจริงจังไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็อ่านจบบนถนนของชีวิตบางที..เราก็บอกไม่ได้ว่าควรจะเลือกเดินทางแบบไหน เร็ว หรือ ช้าเร็ว......อาจทำให้ถึงปลายทางโดยไม่เสียเวลา แต่นั่นก็อาจหมายถึงการพลาดจากบางสิ่งบางอย่างไปก็ได้ช้า......อาจทำให้ไม่ได้ถึงปลายทางเป็นคนแรก แต่นั่นก็อาจหมายถึงการได้มีเวลาสังเกตรายละเอียดต่าง ๆ ระหว่างทางเป็นสิ่งชดเชย โดยที่ในรายละเอียดนั้นอาจมีแง่มุมที่งดงามให้ได้ค้รพบบางที.....ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปว่าสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง ข้อความบางตอนจากในหนังสือ "โลกสวยงามขึ้นเมื่อเดินช้าลง" ....ผู้แต่ง "ปูปรุง" หนังสือเล่มนี้ให้กำลังใจได้ทั้งในเรื่องของการทำงาน ชีวิตส่วนตัวแม้กระทั่งในเรื่องของความรัก สำหรับเราแค่เพียงชื่อหนังสือ "โลกสวยงามขึ้นเมื่อเดินช้าลง" ก็ทำให้ใครเราได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ในฐานะที่เราเป็นครูสอนเด็กสมาธิสั้นจากประสบการณ์ของเรา การที่ผู้ปกครองคอยเร่งลูกให้ทานข้าว เร่งให้อาบน้ำ ทุกอย่างมีแต่ความเร่งรีบ นั่นคือตัวกระตุ้นที่จะมีผลทำให้เด็กมีแนวโน้มของการเกิดภาวะสมาธิสั้นได้ ลองปรับให้ช้าลง รอให้เป็น เย็นให้ได้ ปลูกฝังวินัยให้มากขึ้น ให้เด็กรู้จักรับผิดชอบในเรื่องของตัวเอง แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าเร่งรีบไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นการกดดันตัวเองด้วยเผลอ ๆ ก็จะไปกดดันลูกด้วย "โลกสวยงามขึ้นเมื่อเดินช้าลง" หนังสือเล่มนี้แม้กระทั่งปกหลังก็ยังอะไรดี ๆ ให้ได้อ่าน สุดคุ้มจริง ๆ ค่ะ ใครที่กำลังหมดพลัง หมดไฟในการทำงาน ลองหาหนังสือแนวนี้มาอ่านดูค่ะ ความสุขเล็ก ๆ อีกทางเลือกที่จะเพิ่มพลังให้กับชีวิต เครดิตภาพโดยผู้เขียน