จากที่ได้เกริ่นไว้ค่อนข้างพอสมควรเกี่ยวกับย่านเมืองเก่าสงขลา ในบทความก่อนหน้า เรื่อง “ส่งต่อความทรงจำดี ๆ ผ่านโปสการ์ดภาพวาดย่านเมืองเก่าสงขลา ณ ร้านอินทรา” ว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าประทับใจยิ่งที่ย่านเมืองเก่าสงขลาได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่า เมื่อไหร่ที่มาเที่ยวย่านเมืองเก่าสงขลา อย่างหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนอกจากสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่แล้ว ก็คือ อาหารและขนมพื้นเมือง โดยในรีวิวนี้จะขอเน้นไปที่ของอร่อยแห่งถนนนางงามซึ่งมีทั้งอาหารและขนมที่อร่อยตั้งแต่หัวถนนนางงามไปยังท้ายถนนกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่าหากคนไหนลองชิมตั้งแต่หัวถนนยันท้ายถนนแล้ว พุงไม่โต ก็ให้มันรู้ไปค่ะ วันนี้จะขอเน้นไปที่ ร้านข้าวสตู เกียดฟั่ง ซึ่งตั้งอยู่ส่วนกลางของถนนนางงาม ใกล้กับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลาค่ะ ความเป็นมาของร้านก็คือเริ่มตั้งแต่ “โกลัก” ซึ่งเป็นพ่อครัวบนเรือฝรั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คิดค้นสูตรการทำสตูซึ่งเป็นอาหารที่มีวัฒนธรรมด้านอาหารผสมผสานกันทั้งหมด 4 ชนชาติ อันได้แก่ อังกฤษ อินโดนีเซีย จีน และไทย โดยโกลักได้ถ่ายทอดสูตรการทำสตูให้กับ “โกยาว” ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเกียดฟั่งรุ่นที่ 1 ซึ่งโกยาวก็ได้ปรับปรุงสูตรสตูเพื่อให้มีรสชาติถูกปากกับคนในพื้นที่ เช่น การใช้กะทิแทนเนย หรือ การใช้เครื่องเทศบางอย่างจากประเทศอินโดนีเซียมาใช้ในการปรุงรส สำหรับข้าวสตูนั้น ก็คือ มีน้ำซุปสตู ซึ่งสามารถที่จะเลือกเป็นสตูหมู สตูไก่ หรือสตูผสมหมูและไก่และเครื่องในได้ค่ะ โดยทั่วไปก็จะทานกับข้าวสวยร้อน ๆ และทางร้านเกียดฟั่งนี้ก็มีของเด็ดอีกอย่างค่ะ คือน้ำจิ้มที่ออกรสชาติเปรี้ยวและหอมกระเทียมและพริก (ดูจากภาพประกอบนะคะ) ที่มาตัดกับรสชาติของกะทิและเนื้อสัตว์ได้อย่างลงตัวเลยค่ะ เนื่องจากร้านเกียดฟั่งอยู่ตรงข้ามบ้านของเราเอง เราจึงการันตีได้ว่าทางร้านเคี่ยวน้ำสตูสดใหม่ทุกวัน อร่อยเลยจ้า พูดเลยค่ะ แค่เดินเข้ามาในร้าน กลิ่นเครื่องเทศของสตูก็ลอยมาเตะจมูกจนต้องรีบสั่งเลยค่ะ และนอกจากข้าวสตูแล้วก็จะมีเครื่องเคียงให้สั่งได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นของเด็ดของทางร้านอีกอย่าง ก็คือ หมูกรอบ กรอบนอก นุ่มใน หอมมาก ๆ และก็มี หมูแดงและกุนเชียงด้วยจ้า สั่งมาทานเพิ่มทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ฟินกันไปค่ะ สำหรับสตูนั้นก็มีราคาพร้อมข้าวอยู่ที่ ชุดละ 70 บาท ค่ะ นอกจากนี้ทางร้านก็ยังทำซาลาเปาที่ทุกคนแถวย่านเมืองเก่าสงขลารู้จักกันในนาม “ซาลาเปาลูกใหญ่” นั่นก็เพราะว่าขนาดของซาลาเปาที่นี่มีขนาดใหญ่มาก ๆ เลยค่ะ ดูจากภาพประกอบได้เลยนะคะ ซาลาเปานึ่งร้อน ๆ สดใหม่ทุกวันค่ะ ซึ่งซาลาเปานั้นจะสุกประมาณ 10.00 น. เป็นต้นไปค่ะ ขายไปเรื่อย ๆ จนหมด ซึ่งบางวันนั้นไม่ถึงเที่ยงก็หมดแล้วค่ะ ซาลาเปาที่นี่มีสูตรต้นตำรับมายาวนานมาก ๆ ค่ะ ทางร้านทำทั้งหมด 3 ไส้นะคะ ที่ขึ้นชื่อและห้ามพลาดก็คือ ไส้หมู และอีก 2 ไส้คือ ไส้ถั่วดำ และไส้สังขยา ค่ะ ส่วนตัวเรา เราชอบไส้ถั่วดำด้วยค่ะ สำหรับคนไหนที่คิดว่าทานซาลาเปาลูกใหญ่ไม่ไหว ทางร้านก็มีซาลาเปาขนาดกลางและขนาดเล็กขายเช่นกันนะคะ ราคาซาลาเปาลูกใหญ่ ลูกละ 35 บาท ขนาดกลาง ลูกละ 25 บาท และขนาดเล็ก ลูกละ 20 บาทค่ะ และหากใครกลัวหมดจริง ๆ ก็สามารถโทรศัพท์มาสั่งทางร้านไว้ได้ค่ะ หรือหากใครจะสั่งใส่กล่องซื้อเป็นของฝากก็สามารถทำได้นะคะ เราหิ้วไปกรุงเทพฯ บ่อยมากเลยค่ะ ปัจจุบันร้านเกียดฟั่งก็มีทายาทรุ่นที่ 2 มาดำเนินกิจการร้านต่อนะคะ โดยทายาทที่ดูแลร้านหลัก ๆ มีสองท่านก็คือ คุณหล่านและคุณเจินค่ะ (ขออนุญาติเรียกชื่อเล่นนะคะ) หากใครแวะทาทานข้าวสตูก็จะเห็นพี่ ๆ ทั้งสองที่ร้านเสมอค่ะ คอยดูแลตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการทำสตูในทุกวันเพื่อรักษามาตรฐานของรสชาติที่ดีอร่อยเลิศไว้ค่ะ เรากินข้าวสตูมาตั้งแต่จำความได้ ก็ร่วม ๆ 30 กว่า ปี แล้วค่ะ (รู้อายุกันแล้วใช่มั๊ยคะ) รสชาติอร่อยเหมือนเดิมเสมอมาเลยค่ะ หรือพูดแนวใต้ ก็ หรอยแรง ค่ะ ร้านเกียดฟั่งมีบริเวณร้านกว้างขวาง (3 ล็อค) และมีโต๊ะบริการลูกค้ามากมายเลยค่ะ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7.00 น. จนของหมด ก็ราว ๆ 13.00 น. ค่ะ ส่วนซาลาเปา ตามที่แจ้งข้างต้นก็ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. เป็นต้นไปค่ะ อาจจะมีปิดร้านเป็นบางวันที่พี่ ๆ เจ้าของร้านเค้าติดธุระกันจริง ๆ ค่ะ โทรศัพท์ทางร้าน 074-311998 หรือ 089-197-3103 ค่ะ สำหรับท่านใดที่มาด้วยรถจักรยานยนต์ก็สามารถจอดหน้าร้านได้เลยค่ะ แต่หากมาด้วยรถยนต์อาจจะต้องใช้ความพยายามสักนิดในการหาที่จอดนะคะ เนื่องจากถนนนางงามค่อนข้างแคบและเป็นย่านการค้า รถจึงจอดเต็มสองข้างทางถนน เอาเป็นว่าหากเจอที่ตรงไหนริมถนนว่างพอจอดได้ก็จอดเลยค่ะ ถนนนางงามไม่ได้ยาวมาก สามารถเดินเล่นและหาของว่างอย่างอื่นชิมระหว่างทางได้ค่ะ มีเพียบเลยค่ะ เรียกได้ว่า แทบทุกย่างก้าว หากคนไหนแวะมาเที่ยวย่านเมืองเก่าสงขลาก็แวะมาทานข้าวสตูเกียดฟั่ง สูตรต้นตำรับของแท้ของสงขลาได้เลยนะคะ ตบท้ายด้วยรูปหมูกรอบอีกสักจานค่ะ ป.ล. ต้องขออภัยท่านผู้อ่านด้วยที่รูปชามสตูในโพสนี้บางภาพเป็นชามที่บ้านเราเอง เพราะเราไปซื้อมาทานที่บ้านค่ะ ตามที่บอกจ้า บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านเลยค่ะ จริง ๆ สตูในชามของที่ร้านบนโต๊ะหินอ่อน นั่งทานแล้วคลาสสิคมาก ๆ ค่ะ แต่ช่วงที่เรากลับบ้านสงชลาทุกครั้ง คนแน่นร้านทุกครั้ง เลยเกรงใจ พี่เค้าจะได้ไม่เปลืองโต๊ะให้ลูกค้าท่านอื่นได้นั่ง เราเลยซื้อมาทานที่บ้านค่ะ ป.ล. 2 สำหรับช่วงเทศกาลนั้น ลูกค้าจะค่อนข้างเยอะ หากท่านใดจะแวะมาก็รีบมาก่อน 11.00 น. นะค้า เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะขายหมดก่อนค่ะ จะได้มาไม่เสียเที่ยวนะคะ และหลัง ๆ มานี้ทางร้านมีบัตรคิวแล้วค่ะ อิอิ