เมื่อกล่าวถึงทีมฟุตบอลทีมชาติเดนมาร์ก หรือ "ทีมโคนม" สมญานามที่แฟนบอลไทยได้ตั้งให้ อันเนื่องจากประเทศเดนมาร์กเป็นดินแดนแห่งโคนมพันธุ์ดีที่มีชื่อเสีียง ในเมืองไทยเราก็มีฟาร์มโคนมชื่อดังคือ ฟาร์มไทย-เดนมาร์ก สำหรับทีมฟุตบอลทีมชาติเดนมาร์ก เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยคงจะจดจำทีม "เดนิชไดนาไมท์" ชุดหักปากกาเซียนคว้าแชมป์ยูโร 1992 ซึ่งถือเป็นตำนานเทพนิยายเดนส์อันเลื่องชื่อลือลั่นสนั่นวงการฟุตบอลทั่วโลกได้เป็นอย่างดี โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของยุโรปในปี 1992 หรือ ศึกยูโร 1992 ที่ประเทศสวีเดนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเกิดเหตุวุ่นวายก่อนการแข่งขันทำให้ทีมชาติยูโกสลาเวีย (ในสมัยนั้น) ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันเนื่องจากเกิดสงครามกลางเมือง ทำให้ทีมชาติเดนมาร์ก รองแชมป์กลุ่มที่ 4 ในรอบคัดเลือก ได้สิทธิ์ลงแข่งรอบสุดท้ายแทนทีมชาติยูโกสลาเวีย โดยทีมชาติเดนมาร์กมีเวลาเพียง 11 วันในการเตรียมทีมก่อนเริ่มการแข่งขันเท่านั้น ทีมชาติเดนมาร์ก ลูกทีมของกุนซือ ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่นในชุดนั้นประกอบผู้เล่นดาวดังอย่างเช่น ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล,ไบรอัน เลาดรูป ,จอห์น เจนเซ่นและคิม วิลฟอร์ท ซึ่งทีมเดนิชไดนาไมท์สามารถปราบสุดยอดทีมแชมปยูโร 88 อย่างทีมอัศวินสีส้ม ทีมชาติฮอลแลนด์ในรอบรองชนะเลิศศและเอาพลิกล็อคเอาชนะทีมอินทรีเหล็ก เยอรมนี แชมป์ฟุตบอลโลก 1990 ไป 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์ยูโร 92 แบบช็อคโลกกันเลยก็ว่าได้ เหตุการณ์ครั้งนีั้นจึงกลายเป็นตำนานเทพนิยายเดนส์ที่เล่ากันจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าในปัจจุบันทีมชาติเดนมาร์ก อาจจะมีผลงานตกลงไปในการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ เพราะไม่ได้แชมป์รายการใด ๆ อีกเลยรวมถึงการแข่งขันยูโร 2016 ในครั้งก่อนทีมโคม เดนมาร์ก ก็ไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกได้ แต่ในฟุตบอลยูโร 2020 หนนี้ ทีมโคนม เดนมาร์ก ได้ผ่านเข้ารอบคัดเลือกมาได้และพร้อมที่จะสืบสานตำนานเทพนิยายเดนส์ในศึกฟุตบอลยูโรหนนี้ แต่การสืบสนาตำนานเทพนิยายเดนส์อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะ อาเก้ ฮาไรเด้ กุนซือทีมชาติเดนมาร์กได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม สืบเนื่องจากที่ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ถูกเลื่อนไปแข่งขันในช่วงวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 อันเนื่องจากวิกฤตการแพร่เชื้อของไวรัสโควิด 19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วทวีปยุโรป โดยทาง อาเก้ ฮาไรเด้ ไม่ยอมต่อสัญญาการคุมทีมที่จะหมดในช่วงกลางปีนี้ อาเก้ ฮาไรเด้ กุนซือทีมชาติเดนมาร์ก ประกาศลาออกจากตำแหน่งไปก่อนการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 นอกจากนี้นักเตะทีมชาติเดนมาร์กยังมีปัญหากับทางสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก (DBU) ในเรื่องการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวกับสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนทีมชาติ ซึ่งทำให้นักเตะทีมชาติเดนมาร์กหลายคนนำโดย คริสเตียน อิริคเซ่น ไม่ยอมลงเล่นให้กับทีมชาติ ซึ่งปัญหาต่างๆเหล่านี้ทางสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก จะต้องรีบแก้ไขโดยด่วนก่อนการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งตอนนี้ทางสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก ได้แต่งตั้ง แคสเปอร์ ฮมูจมุนด์ อดีตกุนซือทีมไมนซ์ 05 ในฟุุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี มาคุมทีมชาติเดนมาร์กแทนอาเก้ ฮาไรเด้ แคสเปอร์ ฮมูจมุนด์ ผู้มาคุมทีมชาติเดนมาร์กแทนอาเก้ ฮาไรเด้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าปัญหาต่าง ๆ ของทางสมาคมฟุตบอลเดนมาร์กจะแก้ไขได้สำเร็จในเร็ววันนี้ โดยฟุตบอลยูโร 2020 หนนี้ ทีมโคนม เดนมาร์ก จับสลากได้อยู่ในกลุ่ม B ร่วมกลุ่มกับทีมชาติฟินแลนด์,เบลเยียมและรัสเซีย โดยท่ีมโคนมจะได้เปรียบท่ีมร่วมกลุ่ม เพราะจะได้เล่นที่สนามกีฬาพาร์เคน ในกรุงโคเปนเฮเก้นของตนเองในรอบแรกทั้ง 3 นัด เราจะมาส่องดูขุมกำลังของทีมโคนม เดนมาร์ก ในศึกยูโร 2020 ทีมที่พร้อมจะมาสืบสานตำนานเทพนิยายเดนส์ดังที่เคยทำไว้ในปี 1992 หรือไม่ ตามกันมาได้เลย เริ่มจากตำแหน่งผู้รักษาประตู เชื่อว่าตำแหน่งนายทวารมือ 1 ของทีมชาติยังคงจะเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ลูกชายแท้ๆของ ปีเตอรื ชไมเคิ่ล นายทวารยักษ์เดนส์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติเดนมาร์กชุดยูโร 92 ผู้เป็นตำนานเทพนิยายเดนส์นั้นเอง เพราะฝีมือของแคสเปอร์นั้นจัดว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลย และแคสเปอร์ ยังโชว์ฟอร์มสุดยอดช่วยทำให้ทีมจิ้งจอก สยามเลสเตอร์ ซิตีิ้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วในปี 2016 นอกจากนั้นผลงานในทีมชาติเดนมาร์ก แคสเปอร์ ยังคงไว้วางใจได้เสมอ นายประตูคนอื่นคงจะได้แต่นั่งดูข้างสนามพร้อมเป็นตัวสำรองในทีมชาติต่อไปไม่ว่าะเป็น เฟรดเดริก รอนเนาว์ นายทวารของทีมไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ตและ โยนาส ลอสเซิ่ล นายประตูจากทีมเอฟเวอร์ตัน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูมือ 1 ทีมชาติผู้จะสานตำนานเทพนิยายเดนส์อย่างทีมคุณพ่อทำไว้ในปี 1992 ไซม่อน เคียร์ กัปตันทีมชาติและแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล รองกัปตันทีมชาติ 2 กำลังหลักในเกมรับของทีมโคนม แผงกองหลังขุมกำลังหลักจะต้องเป็น ไซม่อน เคียร์ กองหลังตัวแกร่งกัปตันทีมชาติจากทีมเอซี มิลาน นอกจากนี้ทีมโคนมเดนมาร์กยังมีกองหลังตัวเก่งหลายคนที่น่าจะได้ติดทีมดังเช่น อันเดรียส คริสเตียนเซ่น กองหลังตัวเก่งจากทีมเชลซี,ยานนิก เวสเตอร์การ์ด กองหลังร่างโย่งจากทีมนักบุญ เซาท์แธมตัน,เฮนริค ดาลส์การ์ด จากทีมเบนท์ฟอร์ด, โยนาส คุดเซ่น จากทีมมัลโม และเยนส์ สไตรย์เกอร์ ลาร์เซ่น กองหลังจอมโหดจากทีมอูดิเนเซ่ เมื่อส่องดูขุมกำลังในแดนหลังแล้ว รู้สึกอุ่นใจสำหรับลูกทีมของ แคสเปอร์ ฮมูจมุนด์ พอที่จะต่อกรกองหน้าของทีมร่วมกลุ่มบีได้อย่างสบาย ๆ ขุมกำลังแดนกลาง ห้องเครื่องคนสำคัญของทีมโคนม คงจะต้องเป็น คริสเตียน อิริคเซ่น มิดฟิลด์จอมทัพจากทีมอินเตอร์ มิลาน ถือเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทีมชาติเดนมาร์กเพราะเป็นตัวทำเกมและมีทีเด็ดจากการสังหารลูกยิงฟรีคิก คริสเตียน อิริคเซ่น จอมทัพจากทีมอินเตอร์ มิลาน หัวใจในแดนกลางทีมชาติ ส่วนกองกลางคู่ใจของอิริคเซ่น ในแดนกลางจะต้องเป็น โธมัส เดลานี่ย์ กองกลางแสนขยันจากทีมเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เชื่อว่าทั้ง 2 คนนี้หากได้ลงสนามพร้อมันทีมโคนมสามารถต่อกรกับทีมร่วมกลุ่มบีได้อย่างแน่นอน นอกจากนั้นกองกลางคนอื่นๆ ของทีมโคมได้แก่ ลาสส์ โชน กองกลางตัวเก๋าของทีมเจนัวและเพื่อนร่วมทีมเจนัว คือ ลูคัส เลราเกอร์ ,ไมเคิ่ล โครห์น-เดห์ลี่ ทีมเดปอร์ติโบ้ ลา กอรุนญา, วิลเลียม ควิสต์ ทีมเอฟซี โคเปนเฮเก้น และ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก กองกลางสารพัดประโยชน์ของทีมเซาแธมป์ตัน เชื่อว่าผู้เล่นเหล่านี้จะเป็นตัวหลักของทีมที่จะไปลุยศึกยูโร 2020 ขุมกำลังในแดนหน้าของทีมโคนม จะต้องกล่าวถึง มาร์ติน ไบรธ์ไวต์ หัวหอกป้ายแดงจากทีมบาร์ซ่า ที่เพิ่งย้ายทีมจากทีมเลกาเนส ถือเป็นผู้เล่นท่ี่น่าจับตามองเพราะโดดเด่นตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย มีความแข็งแกร่งและความดุดัน เชื่อว่าจะลงสนามไปข่มขวัญบรรดากองหลังทีมชาติเบลเยี่ยม,ฟินแลนด์และรัสเซีย ทีมร่วมกลุ่มได้อย่างดี มาร์ติน ไบรธ์ไวต์ หัวหอกป้ายแดงจากทีมบาร์ซ่า ตัวความหวังของทีม กองหน้าทีมชาติเดนมาร์กที่น่าจะติดทีมไปฟุตบอลยูโร 2020 หนนี้ น่าจะมีชื่อผู้เล่นอย่าง ยูสซุฟ โพลเซ่น หัวหอกตัวเก่งของทีม แอร์เบ ไลป์ซิก,นิโคไล จอร์เกนเซ่น กองหน้าจากทีมเฟเยนูร์ด และ อันเดรียส คอร์นีเลียส กองหน้าจากท่ีมปาร์มา นอกจาก 3 คนนี้คงจะต้องให้เวลากับแคสเปอร์ ฮมูจมุนด์ ผู้จัดการทีมชาติเดนมาร์กได้ไปสรรหามาร่วมทีม เมื่อเราได้ส่องมองขุมกำลังของทีมโคนม เดนมาร์กแล้ว คงจะต้องเอาใจช่วย แคสเปอร์ ฮมูจมุนด์ ผู้มาคุมทีมชาติเดนมาร์กแทนอาเก้ ฮาไรเด้ ในการปรับตัวเข้ากับผู้เล่นในทีมชาติที่ตนเป็นคนเลือกมาติดทีม ยังพอมีเวลาถึงปีหน้าให้ปรับจูนให้เข้ากัน หลังช่วงพ้นวิกฤตโควิดผ่านไป เชื่อว่าทีมโคนม จะเป็นทีม "โคขวิด" ที่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมที่จะสืบสานตำนานเทพนิยายเดนส์ในฟุตบอลยูโร 2020 นี้ต่อไป ขอขอบคุณภาพถ่ายที่ลงในบทความนี้ โดย trueid.net และ wikipedia.org เครดิตภาพปก โดย https://sport.trueid.net/detail/AJw3nwP8zL4J (ภาพประกอบภาพที่ 1,2,3,4,5,6)