บทความครั้งนี้ ขอเล่าเรื่องต่อจากครั้งก่อน นั้นคือ ตามรอยประวัติศาสตร์ชนชาติยิว ตอนที่ 1 โดยครั้งก่อนเล่าถึงเรื่องเมืองชิโลห์(Shiloh) ครั้งนี้ขอนำมาที่เมืองอีกเมืองในประเทศอิสราเอลที่น่าสนใจ นั่นคือ "เบธเอล" (Bethel בֵּית אֵל ) ภาษาฮีบรูหมายถึง "บ้านของพระเจ้า" (เบธ คือ บ้านและเอล คือ พระเจ้า ) ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ เมืองเบธเอล เป็นสถานที่ที่ ยาโคบ(Jacob יַעֲקֹב ) นอนฝันเห็นบันไดที่ทอดจากโลกขึ้นบนสวรรค์และมีเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้ากำลังขึ้นลงบันไดนั้น ภาพวาด ยาโคบเห็นบันไดที่ทูตสวรรค์ขึ้นลงมายังโลก เรื่องราวจากหนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์ในพระธรรมปฐมกาล ได้บรรยายว่า "ยาโคบได้พบกับพระยาห์เวห์ที่เมืองเบธเอลแห่งนี้ และสถานที่แห่งนี้ทำให้ท่านได้พบอัตตลักษณ์ของตนเอง คือ ยาโคบจะเป็นบิดาของพงศ์พันธ์ุของคนอิสราเอล โดยท่านได้วิงวอนของต่อพระยาห์เวห์ไม่ยอมให้พระองค์จากไปจนกว่าท่านจะได้รับพร ท่านได้ปล้ำสู้ต่อพระยาห์เวห์จนเอวของท่านเคล็ดยอกไป ปฐมกาล 32:28 บุรุษนั้นจึงว่า "เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะเรียกว่า อิสราเอล {แปลว่า เขาผู้ปล้ำสู้กับพระเจ้า หรือพระเจ้าทรงปล้ำสู้} เพราะเจ้าสู้กับพระเจ้าและมนุษย์ และได้ชัยชนะ" ดังนั้นด้วยความเชื่ออันแรงกล้าของยาโคบทำให้ท่านได้รับพรจากพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเปลี่ยนชื่อของท่านใหม่จาก ยาโคบ หมายถึง จับส้นเท้าเพราะท่านมีพี่ชายฝาแฝดคือเอซาวและท่านได้จับส้นเท้าของพี่ชายออกมาตอนคลอด และชื่อความหมายอีกอย่างคือ "การหลอกลวง" ซึ่ีงไม่ใช่สิ่งที่พระยาห์เวห์ต้องการให้ท่านเป็นแบบนี้ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "อิสราเอล" (Israel יִשְׂרָאֵל ) แปลว่า ผู้ปล้ำสู้และได้ชัยชนะ ดังนั้นยาโคบเป็นที่มาของชื่อประเทศอิสราเอล นั้นเอง ข้อคิดที่ได้จากสถานที่นี้คือ เราต้องพบอัตลักษณ์ของเราในแผนการของพระเจ้า เพื่อเราจะไปสู่เป้าประสงค์ของพระองค์ สถานทีี่นี้ผมได้นำก้อนหินมาหนุนศีรษะและนอนลงบนสถานที่นี้(ทำแบบยาโคบ) และอธิษฐานให้พระเจ้าทำให้ผมได้ค้นพบอัตลักษณ์ในชีวิตเพื่อส่งผลต่อการดำเนินชีวิตทที่มีเป้าหมายตามแผนการของพระเจ้า ร่วมใจกันอธิษฐานอวยพรบริษัทเบธเอลทัวร์ คณะทัวร์ที่นำมาประเทศอิสราเอลนี้ ก็ชื่อว่า "เบธเอลทัวร์" เราจึงได้อธิษฐานขอพระพรต่อพระยาห์เวห์เพื่อให้บริษัทนี้มีความเจริญรุ่งเรือง อีกเรื่องราวหนึ่งของเมืองเบธเอลนี้ คือ ในสมัยของกษัตริย์เรโหโบอัม พระโอรสของกษัตริย์โซโลมอน ประเทศอิสราเอลแตกแยกเป็น 2 ส่วนคือ 1. ทางตอนเหนือ ปกครองโดย กษัตริย์เยโรโบอัม โดยมี "สะมาเรีย" เป็นเมืองหลวง เรียกว่า "อิสราเอล" เมืองเบธเอลอยู่ทางตอนเหนือด้วยเช่นกัน 2. ทางตอนใต้ ปกครองโดย กษัตริย์เยโรโบอัม มีกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง เรียกว่า "ยูดาห์" จึงเป็นที่มาของการเรียกคนอิสราเอลว่าคนยิว(Jew) มาจากคำว่า "ยูดาห์"(Judah) นั้นเอง กษัตริย์เยโรโบอัมได้สร้างวัวทองคำและสถานบูชาไว้ที่เบธเอลเพื่อดักไม่ให้คนอิสราเอลเดินทางไปนมัสการพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม เนื่องจากกษัตริย์เยโรโบอัมเกรงว่าจิตใจของชาวอิสราเอลจะฝักใฝ่และกลับไปสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์เรโหโบอัมนั่นเอง นอกจากนี้กษัตริย์เยโรโบอัมทรงทำผิดต่อพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ นั่นคือ ทําหน้าที่เป็นปุโรหิตถวายเครื่องบูชาเสียเองและทรงแต่งตั้งปุโรหิตจากคนที่ไม่ใช่จากตระกูลเลวี และพระองค์ทรงกําหนดเทศกาลตามใจชอบ เป็นการตั้งตนเองเป็นพระเจ้าแทนพระยาห์เวห์ ทำให้นำการแช่งสาปมาสู่เมืองในเวลาต่อมา เดินทางด้วยรถรางในกรุงเยรูซาเล็ม นี่คือเรื่องราวที่บันทึกไว้ในประวัติศาตร์ของคนยิวเพื่อเป็นข้อเตือนใจให้จดจำที่จะไม่ทำ "บาปแบบเยโรโบอัม" เพราะอิทธิพลความบาปนี้นำคำแช่งสาปตกทอดไปสู่ลูกหลานของอิสราเอล หลังจากเราได้ชมสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองเบธเอล ก็ถึงเวลาที่เราจะได้เดินทางเข้าสู่ กรุงเยรูซาเล็ม(Jerusalem)יְרוּשָׁלַיִם ในภาษาฮีบรู อ่านว่า "ยะรูซาลาอิม" หมายถึง "นครแห่งสันติภาพ" ในครั้งนี้ ขอจบไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ติดตามตอนต่อไปเมื่อเราได้เดินทางเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มนะครับ (หมายเหตุภาพต่าง ๆ ในบทความผู้เขียนได้ถ่ายภาพเอง และขอบคุณเครดิตภาพปกโดยภาพโดย IrinaUzv จาก Pixabay และภาพประกอบบทความเรื่อง ยาโคบเห็นบันไดที่ทูตสวรรค์ จาก wikipedia.org)