สวัสดีค่า ดิฉันขอแบ่งปันประสบการณ์จากการลงพื้นที่ทำงานในชุมชน และได้มีโอกาสติดตามนาย พร้อมพี่เจ้าหน้าที่พื้นที่ เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจชาวบ้านในชุมชน ม.10 ตำบลกำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเป็นขุดเรียนรู้การส่งเสริมอาชีพตามเศรษฐกิจพอเพียงพอลงจากรถนั้นความรู้สึกแรก มีแมลงตัวน้อยหลากหลายบินกำลังบินว่อนมากมาย จึงถามพี่ๆผู้นำชุมชนว่า“พี่คะตัวแมลงเหล่านี้เป็นผึ้งใช่ไหมคะ"ผู้นำชุมชนตอบ "ใช่ ๆ ชอบกล่องไหนไปเปิดดูข้างหลังได้เลย ยังมีอีกเยอะ" (จะดีหรอคะพี่และในขณะเดียวกันแอบขนลุกเห็นภาพเหล็กในลอยมาและเพิ่งกินยาแก้แพ้จากอาการแพ้ยุงก่อนมาพอเราลงพื้นที่จึงกลัวแพ้แมลงเข้าไปอีก)หลังจากนั้นพี่ ๆ แกนนำชาวบ้านก็ไม่รีรอคะ พานายและเราเดิน "ชม ชิม แชะ" จากรัง พร้อมไปเปิดกล่องพร้อมอธิบายว่า ภาษาใต้เรียกอุง หรือที่เรียกกันว่า ชันโรง มีบทสำคัญในการช่วยผสมเกสร นางพญาไม่ทิ้งรังทำให้สมาชิกอยู่นาน เลี้ยงง่าย สร้างรายได้ที่งดงามให้ชุมชน ที่สำคัญถ้าผู้หญิงทานแล้วผิวพรรณเปล่งเปล่ง (เริ่มน่าสนใจตรงนี้ค่ะ) พร้อมอธิบายต่อว่า แม้ราคาแพงกว่าน้ำผึ้งเพราะเก็บยากกว่าแต่คนสั่งเยอะ"ส่วนยางที่อุงนำมาเป็นชันยังทำเป็นยาแก้แมลงสัตว์ต่อย และทำเครื่องรางของขลัง มีคนมาสั่งกิโลละเป็นพันก็ทำให้เขาไม่ทัน”ซึ่งเราฟังอย่างทึ่งกับสรรพคุณจิ๋วแต่แจ๋วของเจ้าชันโรงผึ้งน้อยแล้วล่ะสิพอเรา "ชม ชิม แชะ" อยู่ได้ซักพัก ตอนนี้บอกตามตรงเลยค่ะว่า ความรู้สึกเราเริ่มเปลี่ยน เรารู้สึกเริ่มหลงรักเจ้าแมลงตัวจิ๋วแต่แจ๋วแล้วซิ มันน่ารัก ไม่ทำร้ายใครก่อนและไม่วุ่นวายเลย จึงถามเขาต่อว่ารู้สึกยังไงที่เลี้ยง จึงได้คำตอบว่า“รู้สึกรักเขานะ ผูกพันเพราะเขาสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับเรา แต่ก็แปลกใจเพราะอยู่มันเกาะผิวของชาวบ้านอีกคนหนึ่งแล้วเขาก็ไม่ปัด”ซึ่งพี่เขาบอกว่า เพราะเข้าไปเก็บน้ำผึ้งเหมือนทำร้าย เขาจึงกัดนิดหน่อย จึงเข้าใจว่า ชาวบ้านในชุมชนนี้คุ้นเคยเป็นชันโรง จนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชาวชุมชนไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้เห็นบทเรียนจากการลงพื้นที่ทำงานเสมือนเราได้เที่ยวและเรียนรู้ทุนที่มีค่าของชุมชนไปด้วย แม้ว่าชันโรงจะสร้างรายได้แต่การชูโรงให้เกิดเรื่องนี้ คือ การร่วมพัฒนาอาชีพของคนในชุมชน คือ การติดตั้งระบบวิถีคิด ร้อยเรียง ถักทอให้เกิดการมีส่วนร่วมและสร้างการเรียนรู้จากวิถีชิวิตและธรรมชาติของคนในชุมชน โดยไม่ต้องรอการพึ่งพาจากภายนอก แต่เลือกที่จะพึ่งพิงตัวเองเป็นอันดับแรก เห็นจากต่างคนต่างเลี้ยงชันโรงเป็นของตัวเองแต่จุดสุดท้ายไม่ได้ต่างคนต่างอยู่หรือต่างขาย ผลผลิตที่ได้ต้องมาขายและแปรรูปที่ศูนย์นี้เท่านั้นเพื่อให้เกิดการรวมตัว รวมคิด ร่วมนำพาชุมชนของตัวเองไปข้างหน้า และชุมชนที่นี้มีความเชื่อว่า การพัฒนาของเขายังไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมที่จะยกระดับต่อไป🙏🏻ต้องขอบคุณนายใจดีที่เปิดโอกาสให้ได้ติดตามและเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ใหม่ ๆ และเจ้าหน้าที่พื้นที่ที่เป็นธุระเอื้ออำนวยให้ได้มาลงพื้นที่ครั้งนี้และพี่ ๆ ชาวบ้านทุกคนในตำบลนี้ที่ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี แถมอุตส่าให้ได้ชิมทั้งรัง ซึ่งเรารับรู้ได้เลยว่า มันของดีที่มีมูลค่า แต่คนในชุมชนต้องการมอบความประทับใจให้ผู้มาเยือน ซึ่งเป็นความประทับใจที่อยากบอกต่อ ถ้ามีโอกาสเที่ยวลองแวะเข้าไปเยี่ยมชม หรือจะสั่งซื้อชันโรงไปเลี้ยงกันดูก็ได้นะคะ มีตั้งแต่ 3,000-4,000 บาทแล้วแต่ชนิดของพันธ์ุและขนาดค่ะ เขาบอกว่าส่งเคอร์รี่ให้ถึงที่เลยค่า