อื่นๆ

เรื่องเล่าจาก 5 สาว : บ้านหลังนี้มีคนตาย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องเล่าจาก 5 สาว : บ้านหลังนี้มีคนตาย

เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 5 ปีที่แล้ว ณ แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตเกาะแห่งหนึ่งของภาคใต้ ไม่ขอเอ่ยชื่อเกาะนะครับ เดี่ยวจะไปกระทบกับการท่องเที่ยวด้วย เรื่องมีอยู่ว่ามี  5 สาว อยากออกเที่ยวเพื่อพักผ่อน จากที่ทำงานหนักๆ อยุ่กับสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ  เลยพากันออกอุบายอยากไปเที่ยวกันดีกว่า เริ่มจากการหารือตกลงว่าจะไปไหน ให้ทุกคนออกไอเดียกันให้คิดไว้ว่าชอบไปไหน ชอบที่ไหนค่อยมาเคาะสถานที่กันอีกที  โดยถึงเวลาเคาะต่างคนต่างเสนอในสิ่งที่ตัวเองชอบอยากไป แต่ในที่สุดพากันเลือกที่จะเที่ยวทางภาคใต้ อยากดำน้ำ ดูปาการัง ริมชมหาดทรายขาวๆ พอได้ข้อสรุปจึงทำการเลือกเกาะๆ หนึ่ง จากนั้นเตรียมการจองที่พัก 3 คืน 4 วัน กันเลย 2 คืน พักที่เกาะ อีก 1 คืน กลับพักที่ตัวเมืองก่อนกลับ

ออกเกาะ ออกทะเล

ช่วงเวลาที่ไปเป็นช่วง Low Season นักท่องเที่ยวจะน้อยหน่อย ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ พอเวลาเที่ยวแล้ว ต้องบอกก่อนว่า 5 สาวนั้นทำงานอยู่ กทม. เช้าตรู่เดินทางกันเลยด้วยเครื่องบิน จากนั้นนั่งรถตู่ไปลงเรือเพื่อขึ้นเกาะกันที่ท่าเรือ พอถึงรีสอร์ทในเวลา 14.00 น. เราจะพักที่ได้ทำการเช็คอินบ้านพักที่จองไว้ 1 คืนทันที   โดยจะมีลักษณะรีสอร์ทเล็กๆ 2 ชั้น ทำด้วยไม้ทั้งหลัง รวมห้องน้ำด้วย เรียกได้ว่าถ้ามีคนแอบมองคงเห็นได้เลยทีเดียว ตัวรีสอร์ทจะคล้ายๆกระท่อมปลายนา ที่ดีสุดคือมีเตียงนอนนุ่มๆ ให้บริการเท่านั้น โดยทางโอเปอร์เรเตอร์บอกว่ามา 5 คน ไม่สามารถนอนด้วยกันทั้งหมดไม่ได้ ต้องจอง 2 หลังนะคะ ซึ่งบ้านพักจะมี 3 หลังจะห่างกันประมาณ 50 เมตรของบ้านแต่ละหลัง โดยเราจึงเอา 2 หลังที่ว่าง คือจะได้เป็นบ้านหลังที่ 1 ซึ่งจะใหญ่ที่สุดพักได้ 3 คน ส่วนเราและเพื่อนเล็กบ้านหลังที่ 3 เป็นบ้านหลังเล็กอยู่ได้ 2 คน ส่วนบ้านหลังที่ 2 จะมีคนมาเช่าแล้วก่อนหน้า

Advertisement

Advertisement

พอได้แยกย้ายกันเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บตามบ้านพักของแต่คนเสร็จ แต่มี 1 คนจะมีอาการเมาเรือจึงให้อาบน้ำนอนพักผ่อนแต่อยุ่บ้านหลังเล็กนะคะ ซึ่งเราก็อยุ่บ้านหลังนี้  จากนั้นเราและเพื่อนอีก 3 คน พากันไปหากินข้าว ไปดำน้ำ ดูปาการัง กับทัวร์ที่ได้ซื้อไว้ พอถึงเวลากลับช่วงนั้นฝนตกตัวก็เปียกปอน  มาถึงจะอาบน้ำแต่งตัวและออกไปหากินข้าวกัน ปรากฏว่าเพือนคนที่นอนอยู่หาไม่เจอ เข้าบ้านพักไม่ได้ จึงโทรหาบอกว่าออกเดินสำรวจเส้นทาง หาของกินไว้รอเพือน ๆ สักพักเพือนก็กลับมา พากันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพร้อมจะพากันไปกินข้าวเย็น

เข้าที่พัก

แล้วเราเริ่มที่จะเจออะไรสักอย่าง เมื่อเราต้องการกล้องถ่ายรูปที่ได้พกมา เพราะเราหากล้องถ่ายรูปเราไม่เจอ จึงถามเพือนว่าเห็นกล้องถ่ายรูปเราไหม เพือนตอบกลับมาว่าเห็นอยู่ที่บ้านหลังที่ 1 ชั้น 2 เราจึงขึ้นไปเอามองไปรอบ ๆ ห้องจะมีเตียงใหญ่ โต๊ะนั่งเล่น แถมมีระเบียบบ้านด้วย เราจึงเดินที่ระเบียบบ้านได้เช็คดูกล้องถ่ายรูปสักหน่อย ก็ได้ยินเสียงคนพูดที่อยู่ข้างบ้านน่าจะเป็นสาวประเภทสองที่พักอยู่บ้านหลังที่ 2 เดินออกมาหน้าบ้าน แล้วพูดขึ้นว่า "บ้านหลังนี้มีคนตาย" เราถึงตกใจ อุทานว่า ห่ะ! ทันใดเราหันมองหน้าสาวประเภทสองทันที นางยังบอกชี้บอกเพือนมาทางบ้านที่เราอยู่ "บ้านหลังนี้มีคนตาย" เราเริ่มคิดว่าคืนนี้เพือนเราทั้ง 3 คน ต้องนอนบ้านหลังนี้นะ พอนางพูดซุบซิบกลุ่มเพือนของนางเสร็จนางก้อออกไปข้างนอกกัน

Advertisement

Advertisement

จากนั้นเรามานั่งคิดว่าทำไมนางรู้ว่า คนตาย หมายถึงสาวประเภทสองคนนั้น พอเช็คกล้องเสร็จเรียบเลยไม่พูดอะไร เดินลงไปข้างล่างเพือหาเพือนทันที เพือไปหาอะไรกินกัน แต่เรายังไม่ได้บอกเพือนนะ  พอกินเสร็จจะกลับห้องเพือนจึงหาซึ้อเบียร์ สปาย มาสังสรรค์สักหน่อยนานๆรวมตัวกันได้เที่ยวด้วยกัน พอเดินกลับที่พักมีเพือนคนหนึ่งชื่อ เตี้ย ได้พูดขึ้นในขณะที่เดินทางกลับที่พักบ้าน คือหลังที่ 1 ที่พักหัน 3 คน มันดูแปลกๆ เพื่อนๆก็ถามกันว่าแปลกยังไง เพือนเตี้ย จึงบอกว่าไปถึงบ้านจะพาดู กลับถึงบ้านพักน่าจะ 20.00  น. ได้ ต่างคนต่างเข้าบ้านพักกันหมด

เหลือเราที่ยังอยู่ถ่ายรูปตัวบ้าน เลยเข้าช้ากว่าคนอื่นทันใดที่เข้าไปภายในบ้าน รู้สึกว่าบ้านเงียบจนผิดปกติเหมือนมีอะไรอยู่ในบ้านหลังนี้  แล้วเราพูดประโยคหนึ่งว่าเหมือนแกล้งเพือน เฮ้ย! ที่นั่งกันครบคนพอดีเลยนะ เพือนทั้ง 4 คนต่างตกใจแล้ว อุทานด่ามาที่เราว่า คนกำลังพูดเรื่องผีๆกันอยู่ ขึ้นมาก็พูดเสียงดังเลยนะ ขวัญมาขวัญมาเลยทีเดียว  เพือนเตี้ย ก็เลยพูดขึ้นว่าอยากดูอะไรแปลก ๆ ไหม เราเลยถามว่าอะไรหรอ เพือนเตี้ยเลยดึงแขนเราไปดูอะไรแปลกๆ ใยห้องนอนเตียงใหญ่ที่อยู่ชั้นบนบ้านพัก เรามองดูรอบๆ ห้องก็เจอภาพติดฝาฝนังห้อง ทั้ง กรอบรูปคนเก่าๆเหมือนมีคนจ้องมอง รูปการบวงสรวง รูปพระสวดมนต์มือจับสายสิญจน์เต็มฝนังห้อง

Advertisement

Advertisement

หน้าบ้านพัก

เพือนเตี้ยยังถามเราว่าเห็นอะไรอีกไหม เราเลยตอบไปว่ามีอะไรอีกหรอ เพือนเตี้ยเลยถามว่า "ไม่เห็นหรอ" เราได้แต่มองหน้าเพือนแล้วพูดว่าอะไรอีกหรอ เพือนบอกให้เราเงยหน้าที่ประตูทางเข้าจอ เราเลยเงยหน้าเจอกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่ในรูปถ่ายที่ติดอยู่ในฝนังห้อง เราต้องใจ "ขนลุกขึ้นมาทันใด" ใต้แท่นที่วางพระพุทธรูปจะมีตู้เก่า ๆ เพื่อเก็บธูปเทียน และ ตรงหน้าตักพระพุทธรูปยังมีพวงมาลัยดอกไม้เก่าๆ ซึ่งคุณลองคิดซิว่า ห้องนั้นไม่มีการปัดกวาดหยากไย่เลย บนเศียรพระมีแต่หยากไย่เต็มไปหมด   ซึ่งแปลกใจทำไมแม่บ้านไม่มาทำความสะอาดเลย ทั้ง ๆ ที่บ้านพักหลังนี้จะคอยบริการลูกค้า มันต้องมีอะไรแน่ หรือจะตามคำพูดของสาวประเภทสองคนนั้นก็เป็นได้

จากนั้นลงมาด้านล่างของบ้านพัก พอประมาณเวลา 21.00 น. เรานั่งคุยกันกับเพือนทั้ง 5 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยทั้งกลัวทั้งหลอนปนกันไป เราเลยบอกเพื่อน ๆ ว่า เมื่อตอนบ่าย ๆ เราได้ยินสาวประเภทสองที่พักบ้านหลังที่ 2 พูดว่า "บ้านหลังนี้มีคนตาย" เพื่อนถึงตกใจ อุทานว่า ห่ะ! อะไรนะ  "บ้านหลังนี้มีคนตาย" ต่างคนต่างอย่างรู้ว่ามีจริงหรือป่าว ลองดูคิดว่าไม่ต้องกลัวเพราะเรามีทั้ง 5 คน จากนั้นเราทั้ง 5 คนได้คุยกัน พร้อมกินเบียร์ สปายกัน หัวเราะกันไป จู่ๆ ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่บนบ้าน ไอ้เราตกใจ บอกทุกคนเงียบ ลองว่าเราหูแว่วหรือเปล่า พอเงียบทุกอย่างก็มาเลย ภายในบ้านมีลมเย็นพัดผ่าน ขนลุกไปตาม ๆ กัน เพื่อนเตี้ยบอกว่า มาพวกมึงใครจะขึ้นไปดูกับกูบ้าง อย่างรู้ว่าข้างบนมันมีอะไรกันแน่  พวกเรามองหน้ากัน ซึ่งคงมีแค่เรากับเพือนเตี้ยเท่านั้นแหละที่กล้าขึ้นดู พวกเราค่อย ๆ ย่องขึ้นไปบนบันได แต่ก็ได้ยินเสียงเดินบนบ้านอยู่เลย พวกเรารวบรวมสติแล้วค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป พอเปิดเท่านั้นละความอยากรู้อยากเห็น  จู่ ๆ เสียงคนเดินกลับหายไป แต่ ๆ ได้กลิ่นธูป เหมือนมีใครจุดธูปไหว้อะไรแถวนี้ เมื่อเหตุการณ์เริ่มไม่ดีละ พากันลงมาด้วยความกลัว เพือนทั้ง 3 ที่อยู่ด้านล่างนั่งรออยู่นั่งกอดกันด้วยความกลัว

ทันใดพวกเราหันมองหน้ากันด้วยความกลัว เท่านั้นละ เพือนอีกคนได้โทรศัพท์หาโอเปอร์เรเตอร์ของรีสอร์ททันที ทางเราขอย้ายที่บ้านพักในคืนนี้ได้ไหม ทันใดนั้นโอเปอร์เรเตอร์ ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกค้าหรอคะ ทำไมขอย้ายห้องกลางคืนแบบนี้  เพื่อที่โทรคุยบอกว่าทำไมห้องมันแปลก ๆ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่   มีธูปเทียน และตรงหน้าตักพระพุทธรูปยังมีพวงมาลัยดอกไม้เก่า ๆ ไม่มีการปัดกวาดหยากไย่เลย มีอะไรเกิดขึ้นกับบ้านหลังนี้ไหม ทางโอเปอร์เรเตอร์ บอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังแรกในการสร้างรีสอร์ท บวกกับเป็นเจ้าของเป็นคนต่างชาติ เลยมีการตกแต่งแบบแปลก ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ลูกค้าวางใจได้เลย อีกอย่างบ้านพักที่นี้ตอนนี้เต็มหมดแล้วไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้

พอโอเปอร์เรเตอร์วางสายเสร็จ เราพร้อมเพือนตกลงพากันย้ายที่อยู่ไปอยู่บ้านหลังที่ 3 เราได้จองไว้แล้ว ที่ตอนแรกทางรีสอร์ทบอกให้นอนได้ 2 คน พวกเราไม่สนใจละ พากันขนกระเป๋าออกทันทีเพราะกลัวมาก พอย้ายที่พักใหม่ก็พากันดื่มเบียร์ สปาย ที่ซื้อมาทั้งเยอะ สิ่งนี้แหละจะช่วยลดความกลัวได้ จนถึงตี 1 บรรยากาศช่างเงียบสงบจริง ๆ ส่วนบ้านพักหลังที่สองที่มีสาวประเภทสองกลับมาจากเที่ยวพอดี พอได้ยินเสียงเท่านั้นแหละ พวกเราโคตรดีใจอย่างน้อยก็ยังมีคนอยู่ไกล้ ๆ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้

กินเบียร์ cr : pbs.twimg.com

พอถึงเวลานอนต้องแยกกันนอน 3 คน นอนบนเตียงใหญ่ชั้น 2  อีก 2 คนนอนข้างล่าง แรก ๆ พวกเรานอนไม่หลับ นอนพลิกไปพลิกมา สักพักก็หลับเอง บวกกับดื่มเบียร์ สปายเยอะมากถึงเมาเลย ทำให้นอนหลับไปเลยจนถึงเช้า ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเราจะทำการเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทได้ถามโอเปอร์เรเตอร์ ว่ามีจริงไหมที่เราถามเมื่อคืน แต่ก็ไม่มีใครบอกว่าจริงไม่จริง กลัวว่าจะไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการพวกเราคิดว่างั้น จากนั้นทำการหาข้อมูลว่ารีสอร์ทนี้เลย และเจอคำตอบว่า มีคนผูกคอตายที่บ้านหลังนี้เป็นคนต่างชาติด้วย จึงเห็นเป็นการเอาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ มีธูปเทียน เอาไว้ไหว้  โอ้ชีวิตนักท่องเที่ยวต้องมาเจออะไรแบบนี้  นักท่องเที่ยวที่เคยมาพักบ้านหลังนี้ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน คนละแวกนั้นลือกันว่ามีคนเดินบนระเบียงบ้านตอนกลางคืนตลอด  ตอนนี้ไม่รู้ว่ารีสอร์ทปิดตัวลง หรือมีการสร้างใหม่หรือยัง

เรื่องนี้มันก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เรื่องจริงไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผมขอบคุณช่องทางนี้ที่ทำให้ผมได้เล่าเรื่องของผมให้กับคนอื่นได้อ่าน และเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ไว้ตอนหน้าผมจะเล่าเรื่องอะไร ฝากทุกคนติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณที่อ่านนะครับ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์