การจัดการเรียนรู้โดยองค์กรชุมชนเพื่อชุมชน..โดย นายศักรินทร์ สีหมะ ประธานมูลนิธิคลองโต๊ะเหล็มอะคาเดมีเมื่อหัวใจที่ถูกทุ่มเทไว้กับการเฝ้าปกปักรักษาผืนป่าอันเป็นมรดกล้ำค่าที่ตกทอดจากชนรุ่นก่อน..วันหนึ่งกลับต้องรู้สึกเหมือนโดนมีดแหลมคมกรีดเป็นรอยแผล ให้ต้องเจ็บปวด..จนถึงขั้นระบม.. หัวใจที่เคยหนักแน่น มั่นคง วันหนึ่งกลับต้องชอกช้ำ เพียงเพราะลูกหลานไม่ไยดีกับความปรารถนาที่อยากส่งต่อชีวิตและจิตวิญญาณแห่งการอนุรักษ์.. คำถามมากมายก่ายกองจึงถึงขั้นทะลักออกมาระหว่างคนที่ร่วมผลักดันงานอนุรักษ์ป่าชุมชนร่วมกัน..เกิดอะไรขึ้นกับลูกหลาน? อะไรคืออิทธิพลที่เข้ามาครอบงำให้พวกเขาอยากเปลี่ยน? โรงเรียนสอนอะไรพวกเขา? เกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน? ทำไมเยาวชนของเราถึงไม่เหมือนเราในวัยเด็ก? โลกกำลังเดินไปสู่ทิศทางใด? ลูกหลานของเราหลงลืมหรือไม่รู้คำสั่งของพระเจ้า? เรายังแก้ไขอะไรในชุมชนเล็กๆ ของเราได้บ้าง?...บทพิสูจน์ของผลงานย่อมต้องควบคู่กับความมั่นคงและความต่อเนื่องของงาน กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนหมู่ที่ 18 บ้านโคกพยอม ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล คือผลพวงที่เกิดขึ้นจากจิตสำนึกแห่งความหวงแหนป่าและชีวิต ที่คนในชุมชนได้รับเป็นมรดกจากชนรุ่นก่อน ซึ่งเคยดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายกับ ป่า ลำน้ำ และจิตวิญญาณแห่งศรัทธา.. แบบอย่างและข้อตักเตือนจากบรรพบุรุษยังเป็นเสมือนรากฐานอันมั่นคงในหัวใจให้ยืนหยัดที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่งความดีงามและธรรมชาติ.. เจตนารมณ์จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและสามัคคี ที่ต่างก็หยิบยื่นแก่กัน รวมไปถึงการร่วมปกปักผืนป่าและชีวิตร่วมกัน ตราบจนวันหนึ่ง เมื่อต้องมองถึงอนาคต จึงต้องผิดหวัง เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนและอนาคตของชุมชนเอง..เราแทบคาดหวังใดๆ จากลูกหลานไม่ได้เลย.. พวกเขาดีแต่จะมุ่งมั่นสู่การเปลี่ยนแปลงสู่วิถีอื่น วิถีแห่งความล้มเหลวทางจิตวิญญาณ.. พวกเขาไม่สนใจในสิ่งที่พ่อแม่เป็นอยู่ แต่กลับมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นในสิ่งที่แปลกใหม่ เหยียบย่ำเจตนารมณ์และความฝันของบรรพบุรุษ..(สังคมเป็นได้ถึงเพียงนี้) หากปล่อยเลยตามเลย..สักวันงานของเราคงต้องชะงัก ความฝันและความหวังทั้งหมดที่จะมีชีวิตและป่าที่สมบูรณ์ คงเหลือเพียงร่องรอยของการถูกบ่อนทำลายโดยลูกหลานของเราเอง..โรงเรียนในป่า..(ศูนย์เรียนรู้ชุมชน “โรงเรียนคลองโต๊ะเหล็ม”) แหล่งเรียนรู้ท่ามกลางผืนป่าชายเลน ล้อมรอบด้วยลำคลองน้ำเค็มที่ไหลออกทะเลใหญ่ จึงถูกสถาปนาขึ้นจากการต่อสู้และความหวัง.. เราเปลี่ยนแปลงสังคมจากระดับที่ใหญ่โตเกินความสามารถของเราไม่ได้.. แต่ตัวเรา ลูกหลานของเรา และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรานี่แหล่ะ ที่จะต้องเปลี่ยนก่อน.. เราแค่ส่งลูกไปโรงเรียนและหันหลังกลับโดยฉับพลันไม่ได้ แต่เราต้องรู้ด้วยว่า เด็ก ๆ ของเรากำลังเรียนอะไรที่นั่น..เราคาดหวังให้ครูและโรงเรียนสร้างลูกๆ ของเราให้ตรงตามเจตนาของเราไม่ได้ เพราะตัวเรานี่แหล่ะที่รู้จักลูกและโลกของเราดีที่สุด.. เราดำรงตนอย่างผู้ศรัทธาและมีวิถีดีงามก็ด้วยจริยาวัตรแห่งศาสดา เราเองนี่แหล่ะจึงควรเป็นแบบอย่างแก่บุตรหลานของเราเอง... เหล่านี้เสมือนความหวังใหม่ที่ถูกจุดขึ้นใจกลางผืนป่าดินดอนที่ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยลำน้ำและผืนป่าชายเลน...เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้เด็กและเยาวชนได้รับการเรียนรู้ตามอัธยาศัยตามธรรมชาติ การฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต การเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเกือกูลกันและกัน การเชื่อมโยงศักยภาพที่ซ่อนเร้นในตัวตนเพื่อแบ่งปันกับผู้อื่น ตลอดจนการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยมีผู้ใหญ่ใจดีจากชุมชนซึ่งเป็นภูมิปัญญาด้านวิถีชีวิต ระบบนิเวศ การประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และอาสาสมัครทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่คอยถ่ายทอดความรู้ด้านการฝึกใช้ภาษาอังกฤษเบื้องต้น และทักษะการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลาย การจัดการเรียนรู้ตามธรรมชาติ วิถี และการปลูกฝังให้เกิดความตระหนักและห่วงแหนทรัพยากรธรรมชาติในบ้านเกิด ผ่านกลไกการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชน "โรงเรียนคลองโต๊ะเหล็ม" เปรียบเสมือนการสร้างเกราะกำบังที่แข็งกล้าให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน เป็นการปลูกฝังเยาวชนให้เกิดความรักษ์ หวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น มีความเมตตาและจิตอาสาต่อชุมชนของตนเองและสาธารณะ เอื้อให้เกิดการใฝ่รู้ใฝ่เรียน พัฒนาตนเอง ครอบครัว นำไปสู่การเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติต่อไปบทพิสูจน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้เห็นเด่นชัดถึงความสำเร็จในขั้นเบื้องต้นของการดำเนินการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชน "โรงเรียนคลองโต๊ะเหล็ม" คือการเติบโตของเด็กๆ และเยาวชนในชุมชนที่เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง และการมีจิตอาสาในการส่งเสรมกิจกรรมของชุมชน หลายๆ คนเริ่มมีส่วนร่วมกับทางศูนย์เรียนรู้ฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จนปัจจุบัน แม้การศึกษาทำให้เขาต้องออกนอกหมู่บ้านเพื่อการเข้าเรียนในระดับที่สูงขึ้น แต่การเรียนรู้ในวัยเยาว์ท่ามกลางทรัพยากรชุมชนที่ทรงคุณค่า ยังส่งผลให้เขากลับมาส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมต่างๆ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ และเยาวชนรุ่นใหม่ เป็นแกนนำเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่หวงแหนในวิถีพื้นบ้าน ทรัพยากรธรรมชาติ และเห็นความสำคัญถึงการส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในชุมชนอย่างยั่งยืน กลายเป็นกลไกขับเคลื่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กับคนรุ่นต่อๆ ไป เข้ามายกระดับการพัฒนาชุมชนผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน ตลอดจนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นให้อยู่คู่ชุมชนตราบนานเท่านานศูนย์เรียนรู้ชุมชน "โรงเรียนคลองโต๊ะเหล็ม" โดยชุมชนบ้านโคกพยอม ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการพึ่งพาตนเอง การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของคนในท้องถิ่น ให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาตนเองและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นกำลังที่สำคัญของสังคมในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น ให้ทรงคุณค่าอย่างยั่งยืน เป็นวิถีแห่งการจัดการเรียนรู้โดยองค์กรชุมชน เพื่อชุมชนเอง.เรื่อง โดย ศักรินทร์ สีหมะภาพ โดน ศักรินทร์ สีหมะ และ มูลนิธิคลองโต๊ะเหล็มอะคาเดมีรายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.youtube.com/watch?v=dYHk9zOj36E&t=857sWebsite: www.klongtohlem-academy.com