"ชาวอิ้วเมี่ยน" เป็นชนชาติเชื้อสายจีนเดิม ชนเผ่านี้เรียกตัวเองว่า เมี่ยน หรือ อิ้วเมี่ยน ซึ่งแปลว่า มนุษย์ และชื่อที่เราได้ยินเรียกบ่อย คือ "เย้า" ตามประวัติศาสตร์ถิ่นฐานเดิมของอิ้วเมี่ยนอยู่ทางตะวันออกของมณฑลไกลเจา ยูนนาน หูหนาย และกวางสี ในประเทศจีน ต่อมาด้วยสภาพอากาศที่แห้งแล้งอาหารการกินไม่สมบูรณ์รวมถึงถูกรบกวนจากชาวจีน อิ้วเมี่ยนจึงอพยพเข้ามา ทางตอนใต้ เข้าสู่ประเทศเวียดนามเหนือ ซึ่งติดกับทางตอนเหนือของลาวและทางตะวันออกของพม่า บริเวณรัฐเชียงตุง และทางภาคเหนือของไทย ปัจจุบันจึงมีชาวอิ้วเมี่ยนเข้ามาอาศัยอยู่จำนวนมากในหลายจังหวัดในทางเหนือของไทย เช่น เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน กำแพงเพชร ตาก เพชรบูรณ์ สำปาง สุโขทัย เป็นต้น "อิ้วเมี่ยน" มีทั้งครอบครัวแบบเดี่ยวและขยาย และมีทัศนะคดิ คำว่าญาติพี่น้อง หมายถึง นอกจากญาติพี่น้องทางสายโลหิตแล้วยังรวมถึง ชนเผ่าต่างๆ ที่มารวมอยู่ในชุมชนของอิ้วเมี่ยน ทุกคนในเผ่าจึงถือว่าเป็นพี่น้องกันทั้งหมดทำให้การเป็นอยู่ของอิ้วเมี่ยนมีความสนิทสนมกันในชุมชน และรักกันเหมือนญาติผ่านสายโลหิตจริง ๆ "อิ้วเมี่ยน" มีความเชื่อในเรื่องภูตผี และเชื่อว่าทุกแห่งมีผีสิงสถิตอยู่ เช่น ผีภูเขา ผีน้ำตก ผีต้นไม้ ผีบ้าน ผีเรือน ผีป่า เป็นต้น ผีมี 2 พวก คือผีดีและผีร้าย ผีดี คือผีที่อยู่บนสวรรค์ ผีร้าย คือผีที่อยู่ในป่าเขา ตามแอ่งน้ำ ลำธาร นอกจากนี้ผีที่มีความสำคัญที่สุดของชาวอิ้วเมี่ยน คือ ผีใหญ่ หรือ จุ๊ซัง เมี้ยน ซึ่งมีความเชื่อว่ามี 18 ตน มีอำนาจลดหลั่นกันเป็นลำดับ สำหรับวันนี้เราจะนำทุกท่านมารู้จักกับชุมชน “อิ้วเมี่ยน” หรือเย้า ในจังหวัดระนอง อาจจะเป็นอิ้วเมี่ยนกลุ่มเดียวที่มาอาศัยในภาคใต้เลยก็ว่าได้ ท่านคงอยากรู้แล้วสิว่า “อิ้วเมี่ยน” มาทำอะไรที่จังหวัดระนอง เพราะเมื่อเรานึกถึงกลุ่มชาติพันธุ์เราก็จะนึกถึง สาวผิวขาว หน้าหมวยๆ บนดอยสูงทางภาคเหนือของไทย จากดอยสูงไม่น่าจะมาไกลยังดินแดนทะเลอันดามันได้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปรู้จัก “อิ้วเมี่ยนระนอง” กันเลยดีกว่า เดินทางมาตามถนนเส้นชุมพร-ระนอง บรรยากาศ 2 ข้างทางร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ทำให้รู้สึกถึงความผ่อนคลายกับความเครียดต่างๆ ขับรถมาเรื่อยๆเราก็จะผ่าน หินสลัก จ.ป.ร. เป็นลักษณะหินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งเป็นที่เคยประทับของ รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งพระองค์เสด็จมาเยือนเมืองระนอง ขับต่อมาอีกประมาณ 17 กม. เราก็จะเจอ 3 แยกปากทางเหมือง เราก็เลี้ยวขวาเข้าไป เส้นทางที่เราผ่านมาช่างคดเคี้ยวหวาดเสียวน่าเวียนหัวเสียจริง ขับรถเข้ามาตามเส้นทาง อีกประมาณ 12 กม. ก็ถึงจุดหมายคือบ้านในกรัง ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ติดตะเข็บชายแดน ไทย-เมียนมา เป็นหมู่บ้านที่ผสมผสานหลายหลายวัฒนธรรม เพราะสังเกตได้ว่าในหมู่บ้านนี้แบ่งเป็นคุ้มต่างๆ เช่นคุ้มโคราช คุ้มพิจิตร คุ้มขอนแก่น คุ้มหนองคาย เป็นต้น แต่ละคุ้มตั้งตามภูมิลำเนาเดิมที่ผู้คนอพยพมาอยู่ที่นี่นั่นเอง คนที่นี่ประกอบอาชีพปลูกกาแฟ ปลูกยางพารา เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกมีชื่อว่า "งามมีสี" เป็นน้ำตกที่มีความงามไม่แพ้ที่ไหนเลย บวกกับน้ำใสๆ พาให้รู้สึกเย็นสบายไปด้วย มีหมู่ปลาแหวกว่ายเต็มไปหมดแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่ มันช่างคุ้มค่ากับการเดินทางจริงๆ แล้วก็มีเจ้าบ้านมาต้อนรับเราซึ่งการแต่งกายแปลกๆไม่เหมือนผุ้คนทั่วไป คล้ายกับกลุ่มชาติพันธุ์ทางภาคเหนือ ใช่แล้วเรามองไม่ผิด แต่นี่เราอยู่ จ.ระนอง นะ อยากรู้แล้วสิว่าเขาเป็นใครกัน เจ้าบ้านทักทายผู้มาเยือน สวัสดีครับ (แบบคนจีนฝึกพูดไทย) คุณเฉิงโจว แซ่ฟุ้ง หรือ อาเซง เป็นคนอิ้วเมี่ยนรุ่นแรกที่ได้อพยพครอบครัวมาอยู่ที่จังหวัดระนอง เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว แต่เดิมนั้นอาศัยอยู่ที่จังหวัดพะเยาและพื้นที่แถบทางภาคเหนือ เนื่องจากประสบกับปัญหาไม่มีที่ดินเพียงพอที่จะทำมาหากิน เพราะประชากรอิ้วเมี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงอพยพออกมาหาที่ทำกินแหล่งใหม่ ครั้งแรกอพยพไปที่ จังหวัดลำปาง ก็เกิดปัญหาเหมือนเดิม จึงอพยพครั้งที่สองไปที่ อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ต่อมาในปี พ.ศ.2526 ทางการได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองลาน จึงต้องย้ายกันอีกครั้งโดยครั้งนี้ได้รับการชักชวนของนายโซลิ่น แซ่จ๋าว ให้มาอยู่ที่ บ้านในกรัง หมู่ที่ 9 ตำบล จปร. อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ด้วยกัน ซึ่งนายโซลิ่น ได้มาทำสวนกาแฟ ปลูกผลไม้ อยู่ก่อนแล้ว และต่อมาจึงได้ชักชวนญาติพี่น้องอพยพมาทำมาหากินที่นี่ จนถึงปัจจุบัน จึงเกิดชุมชน “อิ้วเมี่ยน” ขึ้นในจังหวัดระนอง “อิ้วเมี่ยน” ในจังหวัดระนองยังคงรักษาวัฒนธรรม ประเพณีที่สำคัญของบรรพบุรุษไว้ เช่น การเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีน สารทจีน และก่อนที่จะมีการเพาะปลูกพืชผลก็จะมีการตั้งศาลเจ้า เรียกว่า “เจี๊ยะต้อง” ซึ่งพิธีกรรมก็จะคล้ายกับการไหว้เจ้าที่ของไทยเรา โดยมีความเชื่อว่าผีบรรพบุรุษจะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรที่ลูกหลานได้ทำมีความอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตจำนวนมาก ไม่มีภัยทางทำชาติที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลของลูกหลาน และสำหรับอุปนิสัยของคน “อิ้วเมี่ยน” ในจังหวัดระนองค่อนข้างที่จะเก็บตัวไม่ค่อยมาร่วมกิจกรรมกับคนในพื้นที่ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนชาติพันธุ์ “อิ้วเมี่ยน” ในชุมชนตนเอง “อิ้วเมี่ยน” จึงเป็นชุมชนที่ปิดไม่ค่อยสุงสิงคนภายนอก ต่อมาปี พ.ศ.2557 เริ่มเป็นที่รู้จักของคนภายนอกมากขึ้น เพราะสืบเนื่องจากทางราชการได้เข้ามาพัฒนาและส่งเสริมการผลิตกาแฟให้ได้คุณภาพรวมถึงได้รับการสนับสนุนจาก คุณก้อง วัลเลย์ (เจ้าของร้านกาแฟ ก้อง วัลเลย์) หลังจากนั้นทำให้อิ้วเมี่ยนเป็นที่รู้จักของคนภายนอกมากยิ่งขึ้น และตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะเปิดประตูบ้านต้อนรับแขกผู้มาเยือนทุกท่าน ด้วยรอยยิ้ม หน้าตาที่ใสซื่อและเป็นมิตร ให้เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตอิ้วเมี่ยนกันมากขึ้น สำหรับเหตุผลที่เมื่อก่อนอิ้วเมี่ยนไม่ค่อยไม่เปิดชุมชน เนื่องจากความแตกต่างทางด้านภาษา (พูดไทยสำเนียงจีน) มักจะถูกหัวเราะ หรือแม้แต่การแต่งกายที่แตกต่างกับคนอื่น วัฒนธรรม ประเพณีที่แตกต่าง รวมถึงโดนมองว่าหน้าตาเหมือนคนโง่ๆ ดูไม่สะอาด ไม่น่าคบหา และสิ่งสำคัญที่สุดคือ โดนมองว่าเป็นพ่อค้ายาเสพติด แต่ตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะพิสูจน์ให้คนภายนอกเห็นว่าสิ่งที่บางคนคิดมันผิดและ”อิ้วเมี่ยน” มีดีมากกว่าที่คุณคิด เรื่องราวชาวอิ้วเมี่ยนในจังหวัดระนองยังมีอีกมากมายในหลายๆ แง่มุมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมการละเล่น ความเป็นอยู่ รวมถึงการผสมผสานของคนในพื้นที่ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในชุมชนเดียวกันแม้จะมีที่มาจากหลากหลายที่ หลายหลายความเป็นอยู่แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีข้อขัดแย้ง และอีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของ “อิ้วเมี่ยนระนอง” คือ กาแฟสูตรอิ้วเมี่ยน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีที่นี่ที่เดียว เริ่มต้นจากการปลูก เก็บเมล็ด ตาก คั่ว บด ชง และชิมกาแฟหอมๆ และยังมีการทดลองคั่วกาแฟด้วยตนเอง พร้อมชงกันแบบสดๆ กันเลยทีเดียว สำหรับการมาทีนี่ไม่เพียงแต่ได้ดื่มกาแฟโรบัสต้าปลอดสารพิษประกอบกับการคั่วแบบโบราณ มันช่างมีมนต์เสน่ห์กาแฟ บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นกลางหุบเขา ได้ยินเสียงธารน้ำไหลจากน้ำตกงามมีสี และเสียงนกนานาพันธ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้านในกรัง ณ แห่งนี้ ถึงจะเป็นเพียงหมู่เล็กๆ ติดชายแดน ที่ไม่ได้มีความสะดวกสบายมากมายหรือแม้แต่ความเจริญบางอย่างยังเข้าไม่ถึง แต่หากใครได้มาสัมผัสบรรยากาศของที่นี่และดูวิถีชีวิตของผู้คนรับรองว่าทุกท่านจะต้องประทับใจและอยากกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน ขอบคุณรูปภาพจาก Gong Coffee