ตื่นนอนมาแต่เช้าวันนี้รู้สึกกระปี้กระเป่ามากกว่าทุกวัน เพราะวันนี้พวกเรามีนัดกันจะไประนอง ซึ่งการเดินทางด้วยรถตู้ส่วนตัวจากกรุงเทพถึงระนองในครั้งนี้ใช้เวลาโดยประมาณแล้ว 8 ชั่วโมง มีเพื่อนพี่น้องร่วมทริปรวม 9 คน นำทีมโดยผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง (เป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์เมอร์ซี่) ที่เราจะเรียกท่านว่า “คุณแม่”ท่านมีอายุเกือบ 90 ปีแล้ว (แต่หัวใจยังแกร่งอยู่นะ) พวกเราตั้งใจว่าจะไปส่งความสุขในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ให้กับเด็กๆเกาะเหลา ที่อยู่ในการดูแลของศูนย์เมอร์ซี่ (เมอร์ซี่ เซ็นเตอร์ คือศูนย์ที่ให้ความช่วยเหลือเด็กและชุมชนแออัด ทั้งด้านการศึกษา การช่วยเหลือครอบครัว ด้านสุขอนามัยและชีวิตความเป็นอยู่ ด้านสิทธิเด็ก การปกป้องคุ้มครองสิทธิของผู้เยาว์ รวมถึงผู้ใหญ่และเด็กติดเชื้อ ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเชื้อเอชไอวี มีการจัดบ้านพักสำหรับเด็กกำพร้า เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เด็กที่มาจากการค้ามนุษย์ เด็กที่ถูกส่งตัวมาจากศาล ที่นี่ยังมีศูนย์เด็กปฐมวัยสำหรับเด็กเล็กและโรงเรียนยานุสคอร์ซัคแห่งเอเซียอาคเนย์สำหรับเด็กนอกระบบ ฝึกทักษะอาชีพและจัดการศึกษาแบบ กศน. (บาทหลวง โจเซฟ ไมเออร์) ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วหล่ะค่ะ แต่ก็ยังคงมีความสุขทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปเสมอเลย เอาหล่ะในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่พักที่บ้านเมอร์ซี่ที่ระนอง (เป็นบ้านของศูนย์เมอร์ซี่ที่รับเด็กชาวมอร์แกน เกาะเหลา มาอยู่เพื่อให้พวกเขามีโอกาสได้รับการศึกษาหาอาชีพเลี้ยงครอบครัว) หมดไปหนึ่งวันกับการเดินทาง คงไม่ต้องบอกว่านอนหลับไหม เพราะการได้นั่งรถเป็นเวลานานๆ สามารถช่วยให้พวกเรานอนพักผ่อนในค่ำคืนนี้ได้เป็นอย่างดีเลย วันที่สองนี้หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปยังท่าเรือ เพื่อจะเดินทางไปเกาะเหลา ไปจัดกิจกรรมให้น้องๆและชาวบ้านมอร์แกน ที่นั่นเป็นเกาะเล็กๆ อยู่กลางทะเล แต่ไม่ได้มีแค่เกาะนี้เกาะเดียวนะคะ ยังมีอีกหลายๆเกาะที่อยู่ที่นั่นซึ่งรวมไปถึงเกาะช้างด้วย แต่ที่เกาะช้างความเจริญมีมากกว่าเกาะเหลานั่นเองค่ะ ช่วยกันคนละไม้ละมือขนของลงเรือ พร้อมไปลุยแล้ว บรรยากาศกลางทะเลระหว่างเดินทางไปเกาะเหลา ฟินสุดๆไปเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจึงไปถึงที่เกาะ ชาวบ้านและเด็กมาคอยรับคุณแม่และรอรับพวกเรา เป็นภาพที่น่ารักและอบอุ่นมากๆเลยค่ะ เป็นภาพที่เห็นอบอวลไปด้วยความรักจริงๆ ที่นี่อยู่กันประมาณ 60 หลังคาเรือน มีผู้อาศัยอยู่ประมาณ 239 คน พวกเขาเป็นชาวบ้านที่ค่อนข้างจะยากจน มีอาชีพรับจ้างหาปลา จับปลา ดำปลิงทะเลไปขาย ชาวบ้านที่นั่นไม่ได้มีความรู้มากเพราะไม่ได้เรียนหนังสือ ภาพบรรยากาศที่อยู่อาศัยของชาวบ้านที่เกาะเหลา แต่ตอนนี้เด็กๆที่นั่นได้รับโอกาสทางการศึกษามากขึ้นแล้วหล่ะค่ะ ที่เกาะเหลาทางศูนย์เมอร์ซี่ได้เปิดโรงเรียนสำหรับสอน และดูแลเด็กเล็กๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางครอบครัวให้พ่อแม่ของเด็กๆเหล่านี้จะได้มีโอกาสทำงานหารายได้จุนเจือครอบครัว นี่คือโรงเรียนเล็กๆที่อยู่บนเกาะค่ะ วันนี้มีกิจกรรมสนุกๆมากมายที่เราได้ร่วมทำกับเด็กๆ ทั้งร้องทั้งเต้น เตรียมอาหารเที่ยงแจกชาวบ้าน ป้อนข้าวเด็กๆ เป็นอีกวันที่ใช้พลังงานจนหมด เหนื่อยแต่สนุกและมีความสุขมากๆค่ะ ถึงเวลาอาหารเที่ยงแสนอร่อยแล้ว…เห็นเด็กๆตัวเล็กๆแค่นี้แต่ทานข้าวกันเก่งมากนะคะ ไม่กินทิ้งกินขว้างด้วย^^ คุณแม่แจกขนมเด็กๆก่อนแยกย้ายกลับบ้าน ดูหน้าก็รู้ว่าพวกเรามีความสุขขนาดไหน เสร็จภารกิจในวันนี้เป็นที่เรียบร้อยพวกเราจึงเดินทางกลับไปยังที่พัก ใช้เวลาพักผ่อนสักหน่อย ประมาณสี่โมงเย็นพี่ๆที่ศูนย์พาคุณแม่และพวกเราไปแช่น้ำร้อนที่รักษะวาริน เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้ามาทั้งวัน รู้สึกผ่อนคลายดีจริงๆค่ะ ที่นี่แบ่งเป็นโซนคือ โซนที่เป็นน้ำร้อนมาก น้ำร้อนปานกลาง และร้อนน้อยมีหลายบ่อให้เลือก มีสถานที่ถ่ายรูปสวยๆกับบรรยากาศธรรมชาติที่งดงาม ลองมาเที่ยวกันดูนะคะ เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะแช่น้ำร้อนจนเพลินเลย หกโมงเย็น…ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เป็นมื้อที่อิ่มมากๆ และอร่อยสุดๆไปเลยค่ะ จานเด็ดที่สุดคงไม่พ้นเป็ดปักกิ่งจานนี้เลย เมื่อเห็นแล้ว ถ้ามีโอกาสได้ไปอีกก็จะแวะไปกินอีกแน่นอน ค่ำคืนนี้หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนเป็นธรรมดา และแล้ววันนี้ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว น่าตาดียังไม่พอ…แถมอร่อยอีกต่างหาก จะเอ๋…กับวันใหม่อีกวันหนึ่งนี้ เราจะไปเที่ยวกัน เย้ๆ ว่าแต่พี่ๆเขาจะพาเราไปไหนตามไปดูกันเลยค่ะ วันนี้เราจะไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยการนั่งเรือไปอีกแล้ว เดาได้ไหมคะว่าเป็นประเทศอะไร…ไม่ต้องเดาก็ตอบถูกอยู่แล้วแหละเนอะ ประเทศพม่านั่นเอง โดยทริปนี้เราเดินทางไปที่ เกาะสอง หรือเดิมที่ชื่อว่าวิคตอเรีย พอยต์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพม่า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดระนอง โดยมีแม่น้ำกระบุรีกั้นขวางตรงตัวจังหวัดระนองพอดี ถึงเกาะสองแล้ว พม่าจ๋า…พี่มาแล้วนะ ท่าเรือฝั่งพม่าที่เราเดินทางมาถึง ขอแชะภาพเป็นที่ระลึกหน่อย เมื่อเราขึ้นจากท่าเรือมา เดินตรงขึ้นมาจะมองเห็นทิวทัศน์อาคารบ้านเรือน และร้านขายของอยู่ตรงนี้ ได้เวลาขึ้นรถสองแถวไปชมเจดีย์ชเวดากองจำลอง อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนองจำลอง และร้านค้าให้ชอปปิ้งเครื่องประดับเก๋ๆ เจดีย์ชาเวดากองจำลองเหลืองทองอร่ามงามตา อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนอง สำหรับประวัติของพระเจ้าบุเรงนอง เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ถึงเวลาบอกลาระนองแล้วสิ สามารถพูดได้เลยว่าทริปนี้เป็นทริปที่ทำให้พวกเราได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ ได้เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ พร้อมที่จะเป็นผู้รับ และแน่นอนตอนนี้พวกเรามีพลังเต็มเปี่ยมพร้อมที่จะนำสิ่งที่เราได้รับเป็นประสบการณ์ของชีวิต ข้อคิดหรือแง่คิดดีๆมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเราแล้วหล่ะค่ะ สำหรับทริปนี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ เราจะมาพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป แล้วเจอกันอีกนะคะ^^ เครดิตภาพโดยผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !