เมื่อเอ่ยถึงโรคไมเกรน จัดว่าเป็นโรคยอดฮิตที่หนุ่ม-สาววัยทำงานอย่างเรา ๆ รู้จักกันดีรวมถึงผู้เขียนเองต่างก็เคยมีประสบการณ์แย่ ๆ กับโรคไมเกรนนี้มาแล้วแทบทุกคน วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกคนมารู้จักกับโรคไมเกรน พร้อมวิธีรับมือหรือป้องกันไม่ให้เราเป็นไมเกรนในวันทำงานที่สดใสของเราได้อีกต่อไป จากประสบการณ์ตรงของตัวผู้เขียนเอง...ไปดูกันเลย มารู้จักโรคไมเกรน โรคไมเกรน ทางการแพทย์นั้นจัดเป็นโรคปวดศีรษะแบบไม่ทราบสาเหตุชนิดหนึ่ง จัดเป็นโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่เป็นโรคที่รบกวนการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก โดยมีอาการเด่นชัดคือ อาการปวดศีรษะเพียงข้างใดข้างหนึ่งโดยที่ไม่มีไข้ อาการปวดจะเกิดขึ้นเป็นพัก ๆ โดยจะปวดเป็นจังหวะ ตุบ ๆ เหมือนมีใครมาทุบหัวของเรา บางคนปวดจนต้องหยีตาและเอามือบีบขมับโดยหวังว่าจะดีขึ้น ปัจจัยในการเกิดโรคไมเกรน ความเครียด เป็นสาเหตุหลักของไมเกรน เราจะสังเกตว่าวันไหนที่เราอยู่บ้านแบบไม่ต้องทำงานอะไร ไม่มีภาระต้องรับผิดชอบ เดินรดน้ำต้นไม้ ให้อาหารหมาแมว เราจะแทบไม่ปวดหัวเลย แต่วันทำงาน เพียงแค่ก้าวขาออกจากบ้านอาการปวดตุบ ๆ ก็เริ่มมาทันที หรือเพียงแค่เห็นข้อความจากหัวหน้าส่งมาสั่งงาน อาการปวดก็เริ่มถามหาเช่นกัน พักผ่อนน้อย เชื่อหรือไม่ว่า 90% ของคนที่เป็นไมเกรนนั้น หากสืบย้อนถามกลับไปว่าเมื่อคืนนั้นนอนกี่ทุ่ม ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่านอนตี 1 ตี 2 หรือนอนน้อย หรือยังไม่ได้นอนกันแทบทั้งสิ้น เรื่องนี้ก็ยังไม่เป็นที่สรุปทางด้านการแพทย์ แต่มีข้อสันนิษฐานว่า หากเรานอนหลับไม่เพียงพอ สมองของเราจึงยังไม่ได้พักผ่อน ทำให้ไม่สามารถรับมือกับความยุ่งเหยิงของงานในวันใหม่ได้ จึงทำให้เราปวดศีรษะไมเกรนนั่นเอง อาการหลักของโรคไมเกรน ปวดศีรษะข้างเดียว ซึ่งเป็นอาการที่เด่นชัด โดยจะปวดเป็นจังหวะเริ่มจากศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งอาจจะย้ายอาการปวดไปมาระหว่างศีรษะสองข้าง หรือลุกลามปวดทั้งศีรษะก็ได้ คลื่นไส้-อาเจียน ในรายที่มีอาการหนัก อาจจะมีการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก ถูกกระตุ้นด้วยแสงจ้า ผู้ที่กำลังปวดไมเกรนอยู่นั้นหากได้มองเห็นแสงจ้าส่องดวงตาเช่น แสงไฟจากรถ หลอดไฟ หรือแม้แต่หน้าจอโทรศัพท์ก็สามารถกระตุ้นให้ปวดศีรษะมากขึ้นได้ การรักษา ปัจจุบันยังไม่มียาที่กินปุ๊บแล้วหายปั๊บ ยาที่กินก็เป็นกลุ่มยาขยายหลอดเลือดและยาที่ทำให้ง่วงซึม ทั้งนี้ก็เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น พร้อมทำให้เกิดอาการง่วงนอน ซึ่งเมื่อเรางีบหลับ หรือนอนพักซัก 45 นาที - 1 ชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ส่วนมากอาการจะดีขึ้นทันที แต่ถ้าเราโหมทำงานหนักอีกครั้ง อาการไมเกรนก็อาจจะกลับมาถามหาอีกก็เป็นได้ การป้องกัน หลังจากรู้จักโรคไมเกรนแบบคร่าวๆแล้ว ส่วนสำคัญของวันนี้ ผู้เขียนจะพาทุกคนมารู้จักวิธีป้องกันที่สามารถทำได้ง่าย ๆ สบาย ๆ และผู้เขียนก็ทำอยู่เป็นประจำนั่นก็คือ “การนอน” ...ใช่แล้วครับ การนอนธรรมดา ๆ นี่แหละเพียงแต่มีข้อแม้นิดหน่อยว่า ต้องพยายามนอนคร่อมช่วงเวลา 5 ทุ่ม – ตี 2 ให้ได้มากที่สุดและนอนติดต่อกันอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เพียงเท่านี้ นอกจากจะได้พักผ่อนเต็มที่ ตื่นมาสดชื่น วันทำงานต่อมาก็จะไม่เป็นไมเกรนอีกด้วย มีข้อแนะนำเพิ่มเติม สำหรับใครที่ใส่ใจสุขภาพ ขอแนะนำให้กินวิตามินบีรวม และวิตามินซี ซึ่งวิตามินบีรวมจะช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองทำให้สมองเราสามารถรับมือกับเรื่องซับซ้อนหนักๆได้ดีขึ้น ส่วนวิตามินซีจะช่วยป้องกันไม่ให้เราเจ็บไข้ได้ป่วยและหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองแข็งแรงยิ่งขึ้นและที่สำคัญที่สุดคือการออกกำลังกายเป็นประจำ ที่จะช่วยส่งเสริมให้สิ่งที่รับประทานบำรุงเข้าไปออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้นคูณสองนั่นเอง สุดท้ายขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่แจ่มใส ห่างไกลจากโรคไมเกรนกันทุกคนนะครับ