เที่ยวภูเก็ต คุณจะพบเรื่องเด็ดที่มีมากกว่าทะเล ภูเก็ต เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรอินเดีย อยู่ในเขตฝนเมืองร้อนที่มีลมทะเลพัดผ่านตลอดเวลา อากาศชุ่มชื้นตลอดปี สภาพภูมิประเทศ 70% ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นภูเขาหินแกรนิต เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่ดีบุก ทั้งแร่ที่ได้จากสายแร่ในภูเขาหินแกรนิตและแร่ที่ถูกน้ำพัดมาสะสมตัวตามพื้นที่ราบแหล่งน้ำ,ชายฝั่งทะเล จึงมีการทำเหมืองทั้งบนบกทั้งในทะเล แร่ดีบุกนั้นมีราคาสูงเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้มา ณ เกาะกลางอันดามันแห่งนี้ แต่นั่น...เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกว่า 180 ปีมาแล้ว ปัจจุบัน ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาสัมผัสความงดงามตามสถานที่ธรรมชาติ ชายหาด ทะเล กิจกรรมทางน้ำ แต่เดี๋ยวก่อน ! ภูเก็ต ไม่ได้เด็ดแค่ทะเล หากคุณมีเวลาไป check-in ในเมืองเก่าภูเก็ต รับรองว่าประสบการณ์ใหม่น่าประทับใจแน่นอน ไม่ว่าที่พักของคุณจะอยู่โซนใดของเกาะ การเหมารถมาลงย่านเมืองเก่านั้นใช้เวลาโดยประมาณ 20-45 นาที สำหรับบางท่านที่พักในย่านนี้อยู่แล้ว รอแค่ให้แดดร่มลมตก แต่งตัวสวย ๆ มาเดินเล่นบนถนนถลาง ถนนสายวัฒนธรรมไทย-จีน-มุสลิมกันได้เลย เอ...แล้วทำไมถึงผสมผสานกันหลายวัฒนธรรมนัก เคยมีบันทึกของฟรานซิส ไลท์ (พระยาราชกปิตัน) พ่อค้าชาวอังกฤษที่มีบทบาทในการค้าแถบมลายูสมัยคาบเกี่ยวยุคธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น เคยกล่าวว่า “ชาวภูเก็ตเป็นพวกผสมผสานกันทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรมกับชาวมลายู” ชาวเล เป็นชนกลุ่มแรกที่อาศัยอยู่เกาะแห่งนี้มาแต่เดิม ทำอาชีพประมงจับสัตว์น้ำ เมื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมแร่ดีบุกมาถึง มีชนชาติต่าง ๆ ทยอยย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกราก เช่น อังกฤษ โปรตุเกส ฝรั่งเศส อินเดีย ปากีสถาน ฯ ที่มีการย้ายมามากที่สุดคือ ชาวจีน จึงไม่แปลกที่ย่านนี้จะเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เกิดจากการรวมหลายวัฒนธรรม ความเชื่อ โดยที่โดดเด่นที่สุดและยังคงดำรงค์อยู่คงหนีไม่พ้นวัฒนธรรมจีน เวลาผ่านไปความรักระหว่างชนพื้นเมืองและชาวจีน บังเกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมา เราเรียกว่า “บ่าบ๋า ย่าย๋า” วัฒนธรรมผสมผสานแสดงออกด้วย สถาปัตยกรรม สไตล์ ชิโน-โปรตุกิส หรือ ชิโน-ยูโรเปี้ยน ตึกแถวหลากสีเรียงรายสีสันสดใสสวยงาม เรียกได้ว่า เป็นจุด Check in ได้ตั้งแต่หัวถนนยันท้ายถนน บางตึกยังคงการตกแต่งแบบเดิมอายุกว่าร้อยปี “หงวน ชุน ต๋อง” ร้านสมุนไพรยาจีนเก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ ศิลปะบนกำแพง อย่างเจ้ามาร์ดี้น้อย เต่าแดงแห่งโชคลาภตามความเชื่อจีน นกอินทรีที่ผงาดบนกำแพงสร้างสรรค์จากกล่องขนม หรือตึกคูหายาวสีชมพูในซอยรมณีย์ ที่ครั้งนึงเคยสร้างความรื่นรมย์อย่างจัดจ้านให้คนในย่านนี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ให้ภาพถ่ายในโซเชี่ยลของคุณดูเริ่ดแรงและแพงมาก นอกจากวิวสวยงาม มีที่มาที่ไปอย่างน่าสนใจแล้ว อาหารย่านนี้ก็เด็ดเช่นกัน เพราะการแสดงออกทางวัฒนธรรมนั้น ไม่ใช่แค่อาคารสถานที่ แต่รวมไปถึงการแต่งกาย ภาษาและอาหารด้วย โกปี้เตี่ยม ร้านที่ตั้งอยู่กลางถนนถลาง ตกแต่งสไตล์ต้นฉบับบ๋าบ่า ย่าย๋า เปิดบริการมาจนถึงทายาทรุ่นที่ 4 เป็นอาหารสไตล์เพอรานากัน คือการประยุกต์ระหว่างอาหารมุสลิม+อาหารจีน ที่รสชาติบรรยายได้ไม่หมด จุดน่าสนใจคือ “โกปี๊ตั่งกั๊ว” หรือกาแฟที่ทางร้านคิดสูตรประยุกต์ใช้ ”ฟักเชื่อม”มาทานพร้อมกาแฟรสเข้มข้นเพื่อใช้รสชาติกลมกล่อมขึ้น เสิร์ฟพร้อมน้ำชา และขนมพื้นเมืองที่รับประกันว่าไม่ซ้ำภาคไหน “ฉ่ายแช๊” สลัดที่ใส่ผักบุ้ง ถั่วงอกลวก เต้าหู้ ไข่ต้มและหมี่กรอบราดด้วยซอสแบบเข้มข้นเผ็ดจัดจ้าน เมนูนี้สายสุขภาพต้องชิม “เตากั่วเจี๊ยน” เต้าหู้ขาวย่าง น้ำจิ้มน้ำมะขามหวานอมเปรี๊ยว ส่วนของหวานนั้นคือ “ผังเปี๊ยะทอด” ที่ทำจากแป้งข้าวจ้าวใส่ใส้ด้วยรำข้าวหมัก เป็นขนมที่ดื่มคู่กับของร้อน เช่น ชา กาแฟ ดีนักแล ปัจจุบันนี้ ถนนถลางและซอยรมณีย์มีร้านกาแฟ ร้านอาหารพื้นเมืองที่ตกแต่งในสไตล์เชิญชวนให้มาเช็คอินมากมายหลายร้าน แต่ละร้านมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน บ้างขายความเป็นต้นฉบับ บ้างขายความทันสมัย บ้างขายการประยุกต์วัฒนธรรมในแต่ละช่วงวัยของบรรพบุรุษใส่ลงไปในอาหาร เครื่องดื่ม และของหวาน ที่ผู้มาเยือนจึงตื่นตาตื่นใจกับการนำเสนอ ยิ่งได้รู้ข้อมูลสถานที่เป็นทุนอยู่แล้ว การเดินในย่านเมืองเก่าภูเก็ตนี้จะเป็นอีกหนึ่งจุด Check-in ที่คุณพลาดไม่ได้ ไม่เช่นนั้น องค์การยูเนสโก้คงไม่ยกให้จังหวัดภูเก็ตเป็น City of Gastronomy เมืองแห่งการสร้างสรรค์ด้านอาหาร อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเตรียมจัดกระเป๋าหรือยังคะ ภาพหน้าปก และ ภาพถ่ายประกอบบทความ โดย : จันทร์เจ้าขา