เคยมีสุภาษิตที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เราจะย้อนไปดูความสวยของผู้หญิงในยุคสมัยก่อนๆโดยจัดอันดับ 5 อันดับแรกเพราะความงามของหญิงสาวในอดีต เฮเลนแห่งทรอยกับน้ำส้มสายชูแท้ พลอยแท้ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์และสวยขนาดนี้ว่าผู้ชายหลายพันคนต้องทึ่งในความสวยอะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ความงามของผู้หญิงคนนี้งามจนผู้ชายห้ามใจไม่อยู่ก็ต้องบอกว่าเราโชคดีมากนะที่มีบางส่วนของประวัติศาสตร์ได้เก็บเรื่องราวในเอาไว้ซึ่งก็เป็นเคล็ดลับ ที่ผู้หญิงคนไหนถ้าฟังแล้วไปทำตามในมหากวีของกรีกโบราณมีใจความว่า ผู้หญิงที่งามที่สุดในโลกในเวลานั้น เธอมีผิวพรรณที่ที่เนียนเหมือนพระจันทร์เลยซึ่งการที่เธอมีผิวพรรณอย่างนี้ เพราะว่าเธอมีสูตรลับ คือการใช้น้ำส้มสายชู แช่ตัวทุกวันคนใช้ของเธอรับน้ำส้มสายชูมาเพื่อให้เธอแช่แล้วก็แช่ตัวเพื่อ ทำให้ผิวพรรณของเธอดูเปล่งประกายเหมือนทองคำแล้วก็ดูชุ่มชื่นขึ้น ถึงแม้ว่าบันทึกจะไม่ได้บอกอย่างละเอียด ว่าเธอมีวิธีการลงไปแช่ยังไง และน้ำส้มสายชูชนิดไหน แต่นักวิชาการคาดว่าน้ำส้มสายชูที่เธอใช้เนี่ยก็น่าจะเป็นพวก Apple Cider vinegar ที่เอาไปผสมกับน้ำผึ้ง ถ้าไม่ผสมและก็ลงไปแช่ในตู้แช่น้ำส้มสายชู และผลส้มที่ออกมาก็คงอาจจผลส้มที่กลายเป็นชิ้นเล็กๆและทำพิธีกรรมบูชาส้มเลยก็ได้ จะได้มีผู้หญิงจำนวนมากแนะนำวิธีนี้ไปใช้แล้วเห็นผลจริงด้วยเนื่องจากว่าน้ำส้มสายชู มีคุณสมบัติในการปรับค่า PH ของร่างกาย แล้วก็ยังมีส่วนในการขจัดของเสียที่คั่งค้างอยู่ตามผิวอีกด้วย ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆอยากจะเอาวิธีนี้ไปใช้ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ต้องบอกก่อนนะว่าคนสมัยก่อนเขาเอาน้ำส้มสายชูธรรมชาตินะ ไม่ใช่ไปหยิบน้ำส้มสายชูกลั่นมาแล้วก็ลงไปแช่เป็นเวลาหลายวัน ลูกสาวของพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6 มหาศาสดาพุทธที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของศาสนา เราจะบอกขอเล่าถึงเรื่องความงามของเธอ โดยเฉพาะ เส้นผมของเธอเนี่ยจะมีสีทองราวกับทองคำเลย ในขณะที่คนในครอบครัวของเธอเนี่ยมีสีผมน้ำตาลดำ ซึ่งเธอก็มีเคล็ดลับในการบำรุงผมมองเธอก็คือการเอาผมของเธอไปแช่ในน้ำตาลสลับกับน้ำมะนาว และนำผมไปตากแดด กว่าจะทำพิธีกรมให้เสร็จก็กินเวลาเป็นวันเลยวิธีที่เธอใช้ เป็นต้นแบบของรูปภาพศิลปินหลายๆคนในยุคนั้น ถึงกับให้เธอเป็นแม่แบบของภาพ สีผมอีกหลายๆครั้ง และความงามตามสไตล์ยุคนั้นคือสูตรพอกหน้าด้วยสูตรหมักไก่ เป็นวิธีการที่ทำให้หน้าขาวแล้วก็ได้ผลด้วยนะ หรือไม่ก็ดูดเอาเลือดออกเพราะเลือดที่ถูกนำออกจะทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้นและอีกวิธีการหนึ่งก็ การการถอนขนในยุคนั้น เพราะว่าจะเน้นผิวเกลี้ยงเกลาและคิ้วบางมากซึ่งจะมีขนยิ่งน้อยยิ่งดี อย่างเช่น หน้าผากของคนยุคนั้น บางรายที่จะดึงออกทีละเส้นทีละเส้นละ 6-7 ใช่ไหมคะสมัยก่อนเนี่ยเขาก็เลยใช้วิธีในการเผามันหมูหรือไม่ก็นำสารหนูผสมกับน้ำส้มวสายชู ไปแปะทิ้งไว้ตรงบริเวณเส้นขนเส้นผมเท่านั้น และขัดกับกระดาษทรายก่อนดึงออกบางคนจะมีวิธีในการดูแลรักษาเส้นผมของเขา ก็คือการเอาแก้วใส่น้ำปัสสาวะมาย้อมเส้นผมฟังดูแล้วมันน่าขยะแขยง แต่เขาวิจัยมาแล้วมันใช้ได้ผลจริง เพราะว่าในปัสสาวะคนเรา มันจะมีสารที่เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่ง จะเปลี่ยนให้สีผมของสาวยุโรปทางตอนใต้มีที่มีสีดำน้ำตาลจะกลายเป็นสีทองคำ แบบเล็กๆความงามจากเนื้อวัวดิบ จักรพรรดินีเอลิซาเบธหรือจักรพรรดินี 14 เป็นผู้คิดค้น หนึ่งในสิ่งที่สวยที่สุดในยุคศตวรรษที่ 19สูตรความงามของเธอ ก็เป็นหลักสูตรที่สาวๆยุคนี้ สามารถเอาไปปฏิบัติตามได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่ส่วนผสมของเธอก็จะเป็นพวกเนื้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อนกกระทา เนื้อกวาง เนื้อวัว พ่วงกับเครื่องมือช่วยนิดหน่อยที่ทำให้เธอมีเอวเล็กขนาดแค่ 19 นิ้วครึ่งเท่านั้นเองแล้วก็คือคอเสมหะเป็นเครื่องมือที่ผู้หญิงสมัยนั้นนิยมนำมารัดเอวแล้วก็ให้มันแน่นเลยนะ ให้ไขมันได้ลงไปที่เอว ก่อนนอน องค์ราชินีก็จะพอกหน้าที่ทำมาจาก สตรอว์เบอร์รีบดละเอียด น้ำมันมะกอก เนื้อวัวดิบ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ขององค์จักรพรรดินีพรุ่งนี้เลยก็คือเส้นผมมันยาวสลวยของเธอ ซึ่งมันดกดำราวกับเปลือกเกาลัดเลยทีเดียววิธีการการดูแลเส้นผมของเธอนั้น ก็ค่อนข้างจะเยอะนิดหนึ่ง ในการสระผมมองเธอ จะต้องเตรียมเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเอาไว้เผื่อเลยทีเดียวพระราชินีนะครับให้ความสำคัญกับเส้นผมอย่างมากจนกระทั่งมีเรื่องเล่าว่าในบางครั้ง องค์ราชินีนั้น ไม่อยากจะออกนอกบ้านกลัวว่าลมข้างนอกมันจะแรงจะทำให้ผมเคยอัดเสียทรง ผู้หญิงทำทุกอย่างได้เพื่อความงามจริวๆและองค์ราชินีขึ้นชื่อเรื่ององคราชินีผู้นำแฟชั่นของยุโรปที่ทุกคนมักจะจำภาพของเธอได้ในความรู้ใส่ชุดกระโปรงวิโก้ไปงานเลี้ยงรุ่นความงามของเธอคือการพอกหน้าก่อนนอน แต่จะไม่ได้ทำมาจากเนื้อวัวแบบนั้น อย่างเดียว บางทีเธอก็จะมาส์กหน้าด้วยมาส์กที่ทำมาจากแป้ง ไข่ดิบ หนูและก็นกพิราบ บางทีการตั้งหม้อปัสสาวะต้มเพื่อฉีดเข้าเส้นเลือดยังไงสูตรพอกหน้ามาส์กอันนี้ก็ยังเป็นความลับพอๆกับสูตรส่วนผสมน้ำอัดลมนั่นล่ะค่ะขอบคุณ เครดิตรูปภาพ หน้าปกรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 โดย xaaranovackรูปภาพประกอบที่ 3 โดย Sponchia