กลุ่มเดอะแครน คือกลุ่มของคนผิวขาวที่เกลียดคนผิวสี บางคนก็ตั้งเวลาเคอร์ฟิว ห้ามคนผิวดำออกจากบ้านเวลากี่โมง โดยประวัติความเป็นมา เกิดจากพ่อของโจนส์ เป็นสมาชิกของลัทธิ คูล คัทช์ แครน ที่ขอเรียกย่อๆ ว่าเดอะแครน ซึ่งสมาชิกนี้ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านคนผิวสี เป็นลัทธิที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาทางตอนใต้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มของคนผิวขาวด้วยกันที่สนับสนุนชาติตัวเอง ปกติก็จะมีกลุ่มก่อการร้ายหลายๆ กลุ่มที่ถูกสร้างมาด้วยหลักแนวคิดบางอย่างทางการเมือง แต่ต่างกันตรงที่ว่า กลุ่มนี้จะเป็นลัทธิที่ต้องการมีอำนาจเหนือคนผิวสีแต่เป้าหมายหลักของพวกเขาแต่แรกไม่ใช่การใช้ความรุนแรง แค่ต้องการต่อต้านคนผิวสี แต่ไม่ใช่คนผิวสีหรอก พวกเขายังต่อต้านกลุ่มยิว ชาวโรมันคาทอลิก ลัทธิเกิดขึ้นเมื่อปี 1865 เป็นช่วงที่อเมริกายังมีสงครามการเมือง ระหว่างรัฐส่วนเหนือและส่วนใต้ สุดท้ายส่วนเหนือที่มีความคิดสนับสนุนชาวผิวสีเป็นฝ่ายชนะสงครามไป ฝ่ายใต้ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจที่ผิวสีที่เคยเป็นทาสได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ และได้แต่รอโอกาสที่จะปลดปล่อยความไม่พอใจออกมา ลัทธิ คูล คัทช์ แครน เลยเกิดขึ้น และเริ่มแผ่ขยายในหมู่คนผิวขาวในรัฐส่วนเหนือและส่วนใต้รวมกัน โดยมีเป้าหมายคือการโจมตีกลุ่มผิวสี โดยให้คนผิวสีรับรู้ว่า ยังไงคนผิวขาวก็เหนือกว่าคนผิวสีอยู่ดีกิจกรรมของพวกเขาตอนแรกก็ไม่มีอะไรมาก แค่ออกมาเดินรวมกลุ่มกันเป็นขบวน ใส่ชุดสีขาวและหน้ากากเป็นรูปกรวยสีขาว ถือคบเพลิง และเดินไปทั่ว เป็นการขู่ให้คนผิวดำรู้สึกกลัว ในสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าถูกผลิตมาให้ใช้งานเหมือนปัจจุบัน มีแค่เทียนและคบเพลิงเท่านั้นที่ให้แสงสว่าง แล้วมีคนมาเดินรวมกันเป็นร้อยๆ คนในชุดขาวล้วนก่อคบเพลิงแบบนี้ คนผิวสีก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาอยู่แล้วพอห้าปีผ่านไป ลัทธิเดอะแครนก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น อาจเพราะคนผิวขาวมีการหลงระเริงในอำนาจของตัวเองที่สามารถขู่คนผิวสีให้กลัวได้ เริ่มมีการยิงกันเกิดขึ้น มีการสร้างความรุนแรงกับคนผิวสี มีการคุกคามทำร้ายร่างกายคนผิวสีที่ออกจากบ้านในช่วงเวลานั้นจนในช่วงปี 1871 ประธานาธิบดีจอห์นสันของสหรัฐอเมริกา ก็เล็งเห็นว่ากลุ่มเดอะแครนเป็นผู้ก่อการร้าย จึงออกมาตรการมากวาดล้างกลุ่มเดอะแครน ก็หมดยุคเดอะแครนยุคเริ่มต้น ทีนี้มาถึงช่วงที่สองดีกว่า ในปี 1951 ได้มีบาทหลวงคนหนึ่งฝันว่าพระเจ้ามาบอกให้เขาฟื้นฟูลัทธิเดอะแครนขึ้นใหม่ ตอนแรกเขารวบรวมคนได้ 34 คน ก่อนที่จะขยายเป็นจำนวนที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะยุคนั้นเป็นยุคที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เพิ่งจะจบลง คนไม่รู้จะยึดเหนี่ยวอะไร ไร้ที่พึ่งพาทางจิตใจ และเข้าลัทธินี้ และมีจำนวนของผู้คนที่เข้าร่วมกลุ่มลัทธิเดอะแครน กลับมีมากกว่าตอนที่ก่อตั้งครั้งแรกซะอีก เพราะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาด้วยในปี 1922 รัฐเทกซัสมีการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายมากกว่า 100 คดีที่มีคนผิวสีเป็นเหยื่อ มีการเผาแม้แต่บ้านของคนผิวสี หากพวกเขาไม่ทำตามคำสั่งหรือย้ายออกจากเมือง บางครั้งพวกเขาก็เอาน้ำกรดไปราดบนตัวคนผิวดำเพื่อสร้างสัญลักษณ์ ตัดแขนตัดขาคนผิวดำก็ทำมาแล้ว บางคนก็เอาเชือกมาห้อยคอคนผิวดำ แล้วที่เลวร้ายที่สุดก็คือเอาคนผิวสีไปวางไว้บนรางรถไฟให้รถทับตายพอถึงปี 1954 ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาได้ยกเลิกกฎหมายร้อยปีระหว่างรัฐทางตอนเหนือและตอนใต้ โดยอนุญาตให้คนผิวสีสามารถขึ้นรถเมล์ได้เหมือนคนผิวขาวและสามารถไปโรงเรียนเรียนหนังสือร่วมกับคนผิวขาวได้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนผิวขาวถูกคนผิวสีทำร้ายหรือใช้ความรุนแรง รัฐบาลเลยส่งทหารมาดูแลความปลอดภัยของคนผิวสีจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่แล้วนักเรียนคนผิวสีสามคนแรกที่ได้เข้าไปเรียนพร้อมคนผิวขาวก็ถูกลักพาตัวไป โดยหลายคนเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนลัทธินี้ เลยสั่งให้ตำรวจทำการสอบสวน แต่ก็ไม่คืบหน้าสักที จน FBI ต้องเข้ามาทำคดีนี้ด้วยตัวเอง โดยไม่ได้รับความร่วมมือจากตำรวจท้องถิ่นและประชาชน FBI ใช้เวลาสองอาทิตย์ถึงพบศพนักเรียนผิวสีสามคนอยู่ใต้เขื่อน ซึ่งมีผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ถึง 21 คน ซึ่งแย่ที่สุดมีนายอำเภอและผู้ช่วยนายอำเภอเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย ทั้ง 21 คนถูกศาลตัดสินว่าไร้ความผิดแม้มีคนหนึ่งสารภาพความผิดแต่กลับถูกประกาศว่าไม่น่าเชื่อถือและถูกปล่อยตัวด้วยเงินประกันคนละ 5,000 เหรียญสหรัฐในปี 1965 รัฐบาลเล็งเห็นความไม่ปลอดภัยบางอย่างที่ลัทธิเดอะแครนอาจเป็นชนวนจุดสงครามได้ เพราะได้เห็นการลงชื่อสนับสนุนพรรคนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยสั่งให้ทหารไปกวาดล้างและพยายามยุบลัทธินี้ รวมไปถึงชักชวนให้ประชาชนเห็นถึงความเท่าเทียมของสีผิวโดยไม่แบ่งแยกชนชั้นของความเป็นมนุษย์ด้วยกันไม่ว่าสีอะไรขอบคุณ เครดิตรูปภาพ หน้าปกรูปภาพประกอบที่ 1 และ 3 โดย PDBVerlagรูปภาพประกอบที่ 2 โดย nsag