ม้าทรง ความเชื่อ และประเพณี

เป็นแบบนี้จริง ๆ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า  ทุก ๆ อย่างไม่ใช่เรื่องง่าย เทพเจ้าไม่ใช่ของเล่น พวกคุณรู้หรือไม่คนที่จะสามารถขึ้นเป็นม้าทรงองค์เทพเจ้าได้นั้น ต้องผ่านการทดสอบจากสวรรค์ หรือ ชะตาชีวิิตของผู้ที่เป็นม้าทรงได้หมดลง เทพเจ้าจึงลงมาประทับต่อชะตาชีวิตให้

ดังนั้น ผู้ที่สามารถเป็นม้าทรงได้ คือ คนที่ถูกเลือกจากสวรรค์ ผู้ที่มีชะตาชีวิตที่หมดอายุ การที่เป็นม้าทรงไม่ได้เป็นกันได้ง่าย ๆ ทุกคน

ภาพถ่ายโดยผู้เขียน

ม้าทรงในที่นี้ จะประทับทรงในโอกาส หรือ เทศกาลเท่านั้น ม้าทรงของเทพเจ้าจีน ซึ่งจะลงมาประทับร่างม้าทรง ทุก ๆ เทศกาลถือศีลกินผัก หรือในโอกาสงานต่าง ๆ ตามแต่เทพเจ้าที่ประจำม้าทรงนั้นจะลงมาประทับ ไม่ใช่ว่าจะลงมาได้ทุก ๆ วัน เพราะท่านเป็นเทพแล้ว ไม่ใช่จะลงมาโลกมนุษย์ได้ตลอดเวลา

ถึงจะเป็นเทพแต่ท่านก็ต้องบำเพ็ญศีล บารมี เพื่อที่ท่านจะลงมาได้ก็ต้องมีเรืื่องสำคัญจริง ๆ

ม้าทรงจะเป็นตัวแทนขององค์เทพเจ้าในการช่วยเหลือมนุษย์ เช่นคนที่ป่วย คนมีเคราะห์ จะมาปัดเป่าทุกข์ร้อน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอำนวยความเป็นสิริมงคล การอัญเชิญเทพเจ้าประทับทรง จะมีการตีล่อดก๊ะ ตีกลอง จุดธูป เผาไม้หอม เซ่นไหว้ผลไม้บูชาหน้าตั๋วพระ

ภาพถ่ายโดยผู้เขียน

เมื่อพระจีนเข้าประทับทรง จะมีอาการตัวสั่น มือสั่น สส่ายหน้าไปมา เสียงหัวเราะดัง และม้าทรงจะวิ่งไปที่โต๊ะตั๋ว พี่เลี้ยงจะเตรียมต้อไว้ใส่ให้ หยิบฮอเล่ง ฮวดโส๊ะ อาวุธประจำตัวของพระจีนแต่ละองค์ ให้

การแสดงอิทธิฤทธิ์ ของพระจีน ในสถานที่ สี่แยก สามแยก จะมีการเอาดาบ ง้าว ขวาน เหล็กแหลม ลูกตุ้มหนาม ทิ่มแทงตามร่างกาย เช่นการฟาดฟัน ทิ่มร่างการตนเอง ตัดลิ้น การกระทำนั่น ม้าทรงจะไม่รู้สึกตัว แลไม่มีความเจ็บปวด หลังเทพเจ้าออกจากร่างม้าทรงแล้ว ร่างม้าทรงจะมีบาดแผลเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเอง โดยใช้กระดาษกิ้มปิดแผลไว้

ผู้ที่เป็นม้าทรงจะต้องอยู่ในศีล รักษาความสะอาดของร่างกาย รวมทั้งการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ อบายมุข สุรา สถานบันเทิงต่าง ๆ จริง ๆ ก็ไม่ควรที่จะเข้าเพราะมันเป็นที่ อโคจร ทั้งหมด