ภาพโดย : ผู้เขียน เช้านี้ผู้เขียนเห็นกระดาษโปสเตอร์ติดอยู่ใกล้จุดสแกนนิ้วทีทำงาน เป็นโปสเตอร์ชวนร่วมงาน สดุดีท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ประจำปี 2563 ผู้เขียนจึงขออนุญาตนำข่าวสารนี้มาฝากผู้อ่านที่น่ารักทุกคนนะครับ เกี่ยวกับงานดี ๆ ของพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะพี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ต นั่นก็คือ งานสดุดีท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ประจำปี 2563 นี้ ทางจังหวัดมีกำหนดให้จัดงานขึ้น ในวันที่ 13-15 มีนาคม 2563 นี้ ณ อนุสรณ์สถานเมืองถลาง หรือ ทุ่งถลางชนะศึก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งในงานจะมีการจัดกิจกรรมขายของมากมายมีทั้งของกินและของใช้ที่หลากหลาย เตรียมไว้ให้ชมและชิมกัน มีนิทรรศการพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน และการแสดงบนเวทีสาธิตการทำศึกสงครามของคุณหญิงจัน คุณหญิงมุก และเหล่าวีรชนผู้กล้าในสมัยนั้น สถานที่จัดงานมีที่จอดรถกว้างขวางไว้รองรับ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ อาสา มาช่วยดูแลการจราจรและ ดูแลความปลอดภัยอย่างแน่นหนา อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมงานกันนะครับ อย่าลืม !!! สวมหน้ากากอนามัยมาด้วยนะครับ ภาพโดย : ผู้เขียน ผู้เขียนขออธิบายเกี่ยวกับสถานที่จัดงานกันนิดหน่อยนะครับ ทุ่งถลางชนะศึก หรือ อนุสรณ์สถานเมืองถลาง ตั้งอยู่ที่บ้านเหรียง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่แห่งนี้มีประวัติและเรื่องราวน่าสนใจเป็นอย่างมาก ผู้เขียนจะเล่าคร่าว ๆ ตามที่ได้ฟังมาให้ได้อ่านกันนะครับ เมื่อเกิดศึกสงคราม 9 ทัพ เกิดขึ้นในขณะนั้น คุณหญิงจัน(ท้าวเทพกระษัตรี) และคุณหญิงมุก(ท้าวศรีสุนทร) ซึ่งทั้งสองท่านนี้ เป็นพี่น้องกัน ได้นำกลุ่มสตรีแต่งกายคล้ายทหารโอบล้อมต่อสู้กับทหารพม่าที่ได้มาตั้งค่ายทัพที่ ทุ่งถลางชนะศึกแห่งนี้ จนชนะ ทหารพม่าแตกทักไปในที่สุดเมื่อวันจันทร์ เดือน 4 แรม 14 ค่ำ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม 2327 จึงถือเอาวันดังกล่าวเป็นวันถลางชนะศึก ตั้งดังเช่นสถานที่ หลังจากเสร็จสิ้นสงคราม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบำเหน็จผู้ทำคุณแก่แผ่นดินเกิดให้แก่คุณหญิงจัน เป็น ท้าวเทพกระษัตรี และ คุณหญิงมุก เป็น ท้าวศรีสุนทร ภาพโดย : ผู้เขียน ทางคณะกรรมการของจังหวัดภูเก็ตจึงได้มีมติให้สร้างอนุสรณ์สถานชนะศึก 9 วีระชน บนพื้นที่ 96 ไร่แห่งนี้ขึ้น ปัจจุบัน นอกจากเป็นสถานที่จัดงานใหญ่ ๆ เช่นนี้แล้ว ยังเป็นสถานที่ให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มาพักผ่อน มาวิ่ง มาปั่น มาออกกำลังกายกันได้อีกด้วย ผู้เขียนขอนำภาพบางส่วนของงานสดุดีท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรของปีก่อน ๆ มาฝากนะครับ ภาพโดย : ผู้เขียน ภายในงานมีการออกร้านขายของฝาก ขายสินค้าโอทอป สินค้าพื้นบ้าน สินค้าอุปโภค บริโภค ให้ได้ชม และ ได้ซื้อหากัน หลาย ๆ ร้านทีเดียว ถัดไปจะมีร้านของของกินอาหารคาวหวาน อาหารพื้นบ้าน มากมายเช่นกัน ภาพโดย : ผู้เขียน มุมการจัดนิทรรศการข้าวไทย เด็ก ๆ รุ่นใหม่ ได้เรียนรู้ไปกับละเล่น อุปกรณ์ในการกระเทาะเปลือกข้าว หรือตำข้าว ผัดข้าวด้วยกระด้ง ที่คนรุ่นเก่าเคยทำมา เด็ก ๆ ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความสนุกสนาน ภาพโดย : ผู้เขียน ถัดไป จะมีการละเล่นหนังตะลุง ฉบับจอจิ๋ว น้อง ๆ หนู ๆ แวะเวียนมานั่งเล่นกันไม่ขาดสาย ภาพโดย : ผู้เขียน เดินไปอีกหน่อย มาสะดุดกับการแสดงรำพื้นบ้านของป้า ๆ น่าจะมาจากกลุ่มชมรมสตรีผู้สูงอายุของ อำเภอถลาง ฟ้อนรำตามจังหวะเพลง บางท่านก็ร้องตามเพลงช่างเป็นภาพที่น่ารักมากทีเดียว ภาพโดย : ผู้เขียน ถ่ายรูปป้า ๆ น้า ๆ เสร็จแล้ว ได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงเพลงปี่พาทย์ ผู้เขียนรีบหยิบกล้องไปยืนส่องข้างเวทีในทันที บนเวที กำลังทำการแสดงรำมโนราห์พื้นบ้านกันอยู่ ผู้ชมข้างล่างรอบเวทีต่างจ้องดูการแสดงตาแทบไม่กระพริบ มีเสียงหัวเราะ เฮฮา ดังมาเป็นระยะ ๆ เนื่องจากผู้แสดงบนเวทีได้ปล่อยมุขขำ ๆ ตลก ๆ ออกมาเป็นระยะ ๆ ดูทุกคนด้านล่างเวทีมีความสุขกับงานนี้จริง ๆ ภาพโดย : ผู้เขียน สักพัก ผู้เขียนได้ยินเครื่องเสียงดังกระหึ่มมาจากทางฝั่งเวทีใหญ่ แสดงว่าได้เวลาที่มีการสาธิตการแสดงจำลองการทำสงครามในสมัยนั้นเริ่มขึ้นแล้วแน่ ๆ ผู้เขียนเลยรีบไปหามุมที่เหมาะ ๆ ในการถ่ายภาพ บนเวทีกำลังมีการแสดงอย่างยิ่งใหญ่อลังการทั้งแสง สี เสียง พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่เข้ามาชมงาน ต่างจับจองเก้าอี้นั่งชมกันแบบสบาย ๆ ส่วนด้านหลังจุดที่ผู้เขียนอยู่จะเป็นจุดที่สูงทำให้ได้มุมภาพที่ดีทีเดียว ภาพโดย : ผู้เขียน ผู้เขียนชมการแสดต่าง ๆ บนเวทีจนจบ ก่อนจบการแสดง ได้มีการจุดพลุเพื่อเป็นการสรรเสริญและสดุดีแด่วีรสตรีและวีรชนผู้กล้าทั้งหลายในอดีตของพวกเรา ทุกคนต่างมีความสุขและปลาบปลื้ม ถึงการเสียสละของท่าน ๆ เหล่านั้นที่รักษาผืนแผ่นดินเกิดแห่งนี้ ไว้ให้กับลูกหลานของเราในวันนี้ ภาพโดย : ผู้เขียน ก่อนที่จะเดินทางกลับ ผู้เขียนได้มากราบไหว้ขอพรที่หน้ารูปปั้นจำลองของคุณหญิงจัน คุณหญิงมุก เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัว ในการใช้ชีวิต งานนี้ผู้เขียนรู้สึกได้ถึงความสุข และ อยากย้อนเห็นภาพในช่วงที่เกิดสงครามว่าจะเป็นอย่างไร อาวุธ ต่าง ๆ ในสมัยนั้น คงขาดแคลน และทำกันเองด้วยฝีมือและสู้กันด้วยใจ ช่วงที่ชมการแสดงบางครั้งน้ำตาแทบจะไหล การเสียสละที่ใหญ่หลวงที่สุดคือการสละชีวิต เลือดเนื้อในการปกป้องผืนแผ่นดินบ้านเกิด ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบกับความกล้า ความเสียสละของท่านทั้งหลายเหล่านี้ได้แล้ว ผู้เขียนอยากจะฝากทุกท่านว่า วันนี้เราผืนแผ่นดินให้เหยียบ มีที่ให้เราทำมาหาเลี้ยงชีพ อยากให้นึกเสมอว่า เพราะเหล่าวีรชนผู้กล้ากอบกู้ไว้ให้เรา เราควรทำความดี รัก สามัคคีกันไว้ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน ยามที่เจอใครทุกข์ยากลำบาก เราก็ควรแบ่งปันช่วยเหลือ ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง เพื่อให้ส้งคมของเราน่าอยู่ และ เพื่อให้วิญญาณของวีรชนของพวกเราจะได้จากไปอย่างหมดห่วงและไปสู่ภพภูมิที่ดีครับ ฝากอีกนิด ... เมื่อจะแวะมาเยี่ยมชมงาน อย่าลืม !!! สวมหน้ากากอนามัยมาด้วยนะครับ ป้องกันโรคร้ายโควิด 19 กันด้วย