แว่วเสียงเพลงท่อนหนึ่ง ว่า "ภูเอ๋ย ภูเก็ต อาณาเขตที่เรารักกัน" ทำให้คิดถึงตำนานรักของคู่หนุ่มกับหญิงสาวที่กลายเป็นเรื่องราวรำลึกบนสะพานรักสารสินเมื่อได้ขับรถข้ามสะพานดังกล่าวที่เชื่อมโยงแผ่นดินใหญ่กับเกาะภูเก็ตเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวยังเกาะภูเก็ต มีสถานที่สำคัญหลายแห่งที่จะต้องแวะ เพื่อเก็บภาพความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปไหว้หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง การแวะสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีย์และท้าวศรีสุนทร ณ สี่แยกบ้านท่าเรือ อำเภอถลาง รวมทั้งสถานที่ ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างหาดป่าตอง หาดกะตะ กะรน รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้คนที่จะต้องเดินทางไปเยือนให้ได้ คือ การนั่งรอชมพระอาทิตย์ตก ที่แหลมพรหมเทพ ซึ่งเป็นสถานที่สาธารณะชมวิว 360 องศา ที่คุ้มค่า ผู้เขียนกับเพื่อนก็วางแผนการเดินทางขับรถไปชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพในช่วงบ่ายสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมทั้งสภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดเกินไป สามารถใช้เวลาในการเดินเล่นเพื่อเก็บภาพวิวทิวทัศน์และชมพื้นที่โดยรอบก่อนขึ้นไปยังจุดชมวิว และด้วยสภาพอากาศร้อนเป็นธรรมชาติของเมืองทะเล การได้กินไอติมกะทิสดโบราณ ที่ใช้ชื่อว่า “ไอติมกะทิสดโบราณภูเก็จ” ก็เป็นอะไรที่อร่อย ดับร้อนได้พอควร ความโดดเด่นของไอติมกะทิสดโบราณ ที่แหลมพรหมเทพเกือบทุกร้านที่ขายบนรถสามล้อ จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าเติมท็อปปิ้งได้ตามใจชอบ โดยหน้าท็อปปิ้งของไอติมนั้นก็มีให้เลือกมากกว่า 10 รายการไม่ว่าจะเป็นลูกชิด มันเดือย ข้าวโพด เกร็ดขนมปัง วุ้นหลากสี มะพร้าวขูด หรือถั่วลิสงคั่วสุก ที่ผู้ขายบอกว่าเติมได้ตามใจเลย จะใส่เท่าไหร่ก็ได้ ทำเอาผู้เขียนและเพื่อน ๆ ยิ้มปากกว้างไปกับความใจดีของผู้ขายสำหรับราคานั้นก็เริ่มต้นที่ 20 บาท เมื่อดับร้อนด้วยไอติมกะทิสดโบราณ ตามสูตรของภูเก็ตแล้ว ก็เดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวบนแหลมพรหมเทพ ความสวยงามของจุดชมวิวบนแหลมพรหมเทพ ก็จะเป็นวิวทิวทัศน์ของทะเลไกลโพ้นตัดกับผืนน้ำทะเลตามสีสันของท้องฟ้าและแสงสีของดวงอาทิตย์ในแต่ละวัน เมื่อเก็บภาพโดยรอบแบบ 360 องศาแล้ว ก็หาที่นั่งจับจองเฝ้ามองพระอาทิตย์ตก โดยจะต้องลุ้นว่า วันนี้จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำหรือไม่ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของผู้เขียนและเพื่อนที่ได้ชมบรรยากาศสวยงามของพระอาทิตย์ตกสาดแสงสีทองบนผิวน้ำทะเล ยากจะบรรยายบรรยากาศสวยงามเกินกว่าภาพถ่ายได้ แต่ภาพความสุขและรอยยิ้มของผู้คนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกลับเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับผู้เขียนไม่ต่างจากภาพพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ ว่ากันว่า หากใครได้ไปเยือนแหลมพรหมเทพครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะมีโอกาสกลับไปอีกครั้ง ผู้เขียนเชื่อว่า เมืองไทยของเรามีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงามมากมายที่รอรับนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะเมืองภูเก็ตที่มีเสน่ห์ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและความหลากหลายทางวัฒนธรรม หากใครได้ไปเที่ยวที่แหลมพรหมเทพสักครั้ง ก็ลองนั่งใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์สัก 2-3 ชั่วโมง เพื่อชมความงดงามของธรรมชาติระหว่างผืนน้ำกับผืนฟ้า เชื่อว่า จะหลงรักเมืองไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เครดิตทุกภาพถ่ายและภาพปกโดยผู้เขียน