เชิญรับชมรับฟังให้เพราะพี่น้อง...ขึ้นเครื่อง“วงลูกเนียง” เป็นวงดนตรีจากภาคใต้ที่ปัจจุบันมีแฟนเพลงที่ติดตามพวกเขาจากทั่วประเทศ รวมทั้งแฟนเพลงจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย Interview By ฉันท์ชมา จึงพลาดไม่ได้ที่จะไปทำความรู้จักกับ “แม็กน๊อต-อิสราม ศรประสิทธิ์” นักร้องนำของวง “วงลูกเนียง” เป็นวงโคฟเวอร์ ที่มีแฟนเพลงติดตามใน เพจ วงลูกเนียง เกือบ 6 แสนแล้ว ทำไมวงนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับคนที่ยังไม่เคยติดตามฟังเพลงวงลูกเนียงมาก่อน ก็คงต้องบอกว่าลองเข้าไปกดติดตามเพจ ฟังเพลงของพวกเขา แล้วจะรู้ว่าทำไมมีคนติดตามเขามากมายอย่างนี้แต่สำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามพวกเขาอยู่แล้ว ก็คงให้คำตอบได้ใกล้เคียงกันว่า ชอบในน้ำเสียง ลีลาการร้องและการโชว์ที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใครของ “แม็กน๊อต” นักร้องนำ และชอบบุคลิกที่นิ่ง ๆ ดุ ๆ แต่ดูยังไงน่ารักในแบบฉบับที่เป็นตัวของตัวเองของมือกีตาร์ “บ่าว- วุฒิไกร จิระพงศ์” เมื่อไหร่ที่ได้ชมคลิปเพลงต่าง ๆ ที่พวกเขาเลือกมาร้อง เลือกมาเล่นดนตรีให้ฟังเชื่อว่าทุกคนจะยิ้มสนุกไปกับพวกเขาทุกครั้งไป และในเวลานี้ “วงลูกเนียง” ก็มีผลงานเพลงของพวกเขาเองแล้วคือเพลง “ขึ้นเครื่อง” เป็นเพลงที่ “แม็กน๊อต” แต่งเอง ร้องเอง แถมยังเป็นพระเอกเอ็มวีเองด้วย และถัดจากนี้ไปก็จะมีเพลงอื่น ๆ ออกมาให้ได้ฟังกันอีกเรื่อย ๆ มาทำความรู้จัก "แม็กน๊อต" ให้มากขึ้นดีกว่า...“ผมชื่ออิสราม...รามสะกดด้วย ร.เรือนะครับ แต่ผมไม่ได้เป็นคนอิสลาม ผมเกิดที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ แม่เล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นเตียงรอบ ๆ เป็นคนอิสลามหมดเลย ผมเกิดท่ามกลางชาวอิสลาม ซึ่งแม่รู้สึกดีกับทุกคนในที่นั้น แม่ก็เลยตั้งชื่อนี้ให้ เป็นอิสรามที่ไม่ใช่คนอิสลาม พื้นเพผมเป็นคนจังหวัดสงขลาอยู่อำเภอสะเดา เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนในหมู่บ้านเลย โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 80 จาก ป.1-ป.6 หลังจากนั้นไปต่อม.1-ม.6 โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ ที่อำเภอหาดใหญ่ บ้านผมจะติดกับอำเภอหาดใหญ่เลยช่วงที่จบม.6 ผมก็ลังเลนิดหน่อยว่าจะเรียนอะไรดี ตอนแรกจะเรียนศิลปะทัศนศิลป์ แต่เพื่อนลงให้ผิดลงภาษาอังกฤษให้ ผมก็ชอบอังกฤษอยู่ด้วยเพื่อนก็นึกว่าผมจะเรียนอังกฤษ ก็เลยลงอังกฤษให้ แต่ผมทำ Portfolio เป็นทัศนศิลป์หมดเลย เพราะเรียนศิลป์-จีนมา ตอนแรกผมลังเลอังกฤษกับทัศนศิลป์ว่าจะเรียนอะไร ก็คิดว่าถ้าผมไปศิลปะผมจะมีงานทำมั้ย เพราะศิลปะหางานทำยากกว่าภาษาอังกฤษ ช่วงตัดสินใจก็พูดกับเพื่อนว่าอังกฤษดีมั้ย หางานเกี่ยวกับท่องเที่ยวได้ เลยทำให้เพื่อนคิดว่าผมตัดสินใจไปแล้ว”“สมัครแล้วก็ต้องไปสอบครับ ตอนนั้นใจยังลังเลแต่ก็ไปกับเพื่อน ตอนไปไม่ได้เอาหลักฐานอะไรไปเลย แต่พอรู้ว่าต้องใช้หลักฐาน เพื่อนให้พ่อกับแม่เขาขับรถวนกลับมาที่บ้านผมมาเอาเอกสารให้ ต้องขับรถมาประมาณ 30 กม. ได้ก็เลยตั้งใจสอบ เลยได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา ก็สอบได้ภาษาอังกฤษ ก็ไหน ๆ ก็ได้แล้ว เลยเรียนอังกฤษไปเลย ทิ้งทัศนศิลป์ไป ในที่สุดก็จบศิลปศาสตรบัณฑิต ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล ผลการเรียนค่อนข้างดี เกรดผมเทียบเท่ากับเกียรตินิยมอันดับ 2 แต่ว่าผมไม่ได้เกียริตินิยม เพราะผมติด D วิชาสาระสนเทศ เป็นวิชาเลือกนอกสาขา ผมไม่ค่อยถนัด พอเรียนก็ไม่ค่อยตั้งใจ ก็เลยทำให้พลาดไป”ในวัยมัธยม “แม็กน็อต” เป็นหนุ่มน้อยที่มีบุคลิกร่าเริง สนุกสนาน เฮฮา และรักดนตรีมาก เครื่องดนตรีที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ๆ คือกลอง .. ฝึกตีกลอง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีกลองเป็นของตนเอง“ช่วงมัธยมปลาย ประมาณ ม. 4- ม. 5 ตั้งวงกับเพื่อน ผมชอบกลอง แต่ไม่มีกลองที่บ้าน ผมตีกับที่รองรีดผ้าแล้วเอาหมอนมาวาง ๆ เป็นกลองทอม ตอนตีก็จินตนาการเอา แล้วใช้ประสาทเท้ากระทืบพื้น เหมือนเป็นกระเดื่องกลอง ฝึกแยกประสาทกับพื้น ตีไปอย่างนั้นโดยไม่มีกลอง แล้วไปซ้อมกับเพื่อนในห้องซ้อมด้วยกัน ไปลองกลองครั้งแรกผมตีได้เลยครับ พอเข้ามหาลัยก็ไปสมัครเล่นดนตรีของมหาลัย เล่นกลอง เวลามีประกวดในมหาลัย หรือที่มหาลัยอื่นก็ไปกันครับ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ บางครั้งก็ประกวดร้องเพลงด้วย” ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย “แม็กน๊อต” มุ่งมั่นทางด้านการเรียน ขณะที่เล่นดนตรีเพราะความรัก ไม่ได้คิดว่าจะยึดอาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพ และช่วงที่เรียนใกล้จบก็ทิ้งทางด้านดนตรีไปเลย เพราะต้องฝึกงาน และหลังจากเรียนจบก็เริ่มทำงาน ซึ่งไม่ใช่สายดนตรีอีก“ตอนนั้นผมเลือกมาฝึกที่ภูเก็ต มาฝึกไกด์ ฝึกมักคุเทศก์ แล้วพอเรียนจบก็ทำงานต่อที่ซาฟารีที่ฝึกงานเลย งานที่ทำช่วงฝึกงานคือ พาแขกไปขี่ช้าง พาไปชมการแสดงโชว์ลิง โชว์ช้าง พอเราพาแขกไป เราก็ต้องพากษ์การแสดงนั้นเอง พากษ์แนวตลก ผมจะขี้เล่น ตลก ๆ ชอบทำงานในบรรยากาศสนุก ๆ ผมตั้งใจยึดอาชีพไกด์ไปเลย ไม่ได้คิดเรื่องดนตรีเลย ตอนแรกว่าจะไปสมัครเรือสำราญด้วย อยากขึ้นไปอยู่บนเรือสำราญ แต่ไม่ได้ไป เพราะว่าเขาต้องการประสบการณ์ของการทำงานโรงแรมด้วย เพราะว่าผมไม่ได้ทำงานโรงแรมมาก่อน แต่ฝึกงานโรงแรมแค่เดือนกว่า ๆ เอง ตอนอยู่มหาลัยปี 3 เคยไปฝึกงานโรงแรมที่เกาะสมุย ผมฝึกงานสองครั้ง ครั้งแรกโรงแรม ครั้งที่สองมัคคุเทศน์ แต่ระยะเวลาไม่ได้ถ้าจะไปขึ้นเรือสำราญ ก็ต้องไปฝึกงานโรงแรมให้ได้สักปี 2 ปีก่อน ค่อยไปขึ้นเรือ ผมว่ามันเสียเวลา ก็เลยทำไกด์มาเรื่อย ๆ ผมเป็นไกด์เรือสปีดโป๊ท พาลูกค้าต่างชาติไปเที่ยวเกาะสิมิลัน เกาะพีพี หลาย ๆ เกาะในภูเก็ต ผมทำมาตั้งแต่เรียนจบ 4 ปีได้แล้วสำหรับการเป็นไกด์ที่ภูเก็ต แต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างที่ทุกคนประสบปัญหาเดียวกันนั่นคือไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้การทำงานต้องชะงัก ผมก็ว่างงาน ซึ่งก็ใช้เวลาช่วงนี้ในเรื่องของการแต่งเพลงบ้าง ร้องเพลงบ้าง”อาชีพไกด์ เป็นอาชีพที่แม้จะมีความเป็นอิสระอยู่ แต่ก็เป็นงานที่มีความรับผิดชอบสูง ถ้าจะให้เล่าเรื่องการทำงานในบทบาทของไกด์ เวลาเพียงช่วงสั้น ๆ คงไม่พอที่จะเล่าให้ฟัง“หน้าที่ของผมเวลาทำหน้าที่ไกด์บนเรือก็จะดูแลลูกทัวร์ทั้งหมด กัปตันก็คุมเรื่องเรือของเขา แล้วผมจะคอยบอกกัปตันว่าไปที่ไหนอะไรยังไง ต้องคอยดูสถานการณ์น้ำขึ้นน้ำลงว่าตรงไหนเข้าได้ ตรงไหนเข้าไม่ได้ตามเกาะ ตามที่จะดำน้ำต้องคอยสื่อสารกับลูกเรือซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด เรือลำนึงก็ 40 กว่าคน มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเยอะมากเวลาออกเรือ อย่างบางช่วงที่ ไปกับสปีดโบ๊ท แล้วเกิดมีลมแรงขึ้นมา คลื่นประมาณ 2-3 เมตร แขกตกใจช็อกก็มี ชักก็มี ต้องช่วยเหลือไปตามสถานการณ์ เพราะมันมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเยอะมากครับ พอเกิดเหตุการณ์ลูกทัวร์ก็ด่าทั้ง ๆ ที่เป็นเหตุสุดวิสัย ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง พยายามรักษาสถานการณ์ตรงนั้นให้ดีที่สุด กัปตันก็ให้ความมั่นใจว่าเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้แน่ ช่วงที่เกิดเหตุการณ์น่ากลัวครับ คลื่นยกเรือสูงขึ้นแล้วเทลูกทัวร์ลงมา จากชั้นบนลงมาข้างล่างเลย ตอนนั้นมีเรือไปด้วยกัน 2 ลำ จะมองไม่เห็นอีกลำ เพราะมันอยู่ในร่องคลื่นที่ใหญ่มาก ช่วงไปทำงานแรก ๆ ผมก็กลัวเหมือนกับ แต่ทำไปก็ชิน บางวันที่เจอคลื่นใหญ่สุด ๆ คาถามีบทไหนผมท่องหมด”“มีเหตุการณ์เครียด ๆ อีกเหตุการณ์คือลูกทัวร์ประท้วง วันนั้นเป็นวันที่เครียดสุด ๆ เราออกเรือไป 2 ลำคู่กันไปเกาะพีพี วันนั้นคลื่นใหญ่มาก แล้วลูกทัวร์ได้รับบาดเจ็บ เมื่อไปถึงเกาะแล้ว ขากลับลูกเรือบางคนกลัวมากอยากกลับกับเรือเฟอร์รี่ แต่โดยสภาพอากาศตอนกลับ เรือเราสามารถกลับได้ปกติ ถ้าเกิดจะต้องการเปลี่ยนเรือ ทางลูกทัวร์ต้องเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายนั้นเอง ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงอยู่แล้ว ลูกทัวร์ที่เข้าใจเขาก็จ่ายเงินเพื่อเปลี่ยนเรือ ผมก็พากลุ่มนี้กับคนที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นส่วนที่บริษัทต้องดูแลจ่ายค่าใช้จ่ายให้ไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ แต่ก็มีแขกที่ไม่จ่ายเงิน แต่อยากจะเปลี่ยนเรือด้วย ก็อ้างว่าบาดเจ็บให้เราต้องรับผิดชอบ ก็ก่อม้อบกัน รุมด่าผมกับเพื่อนตั้งแต่หน้าหาด แล้วตอนไปที่เรือเฟอร์รี่ ผมส่งลูกค้าที่จ่ายเงินขึ้นเรือไปหมดแล้ว ลูกค้าที่เหลือพยายามโดดขึ้นเรือเฟอร์รี่ ต้องช่วยกันกันว่าไม่ได้ วันนั้นเป็นวันที่ชุลมุนวุ่นวายมาก ผมกับเพื่อนโดนฝรั่งรุมด่า70-80 คน เป็นประสบการณ์ที่เครียดมาก แต่ที่สุดก็พยายามพูด พยายามเคลียร์จนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ต้องอดทนกันมากเพื่อที่จะทำให้ลูกทัวร์เข้าใจ”ช่วงวันหยุดงาน “แม็กน๊อต” กับ “บ่าว” ซึ่งเรียนมาด้วยกัน และมาทำงานที่ภูเก็ตด้วยกัน แม้จะทำงานกันคนละแห่ง แต่ก็นัดพบกันเสมอ จึงได้มาจับกีตาร์ ร้องเพลงกันอีกครั้ง และตั้งชื่อวงว่า “ลูกเนียง” “วงลูกเนียงเริ่มกันจริง ๆ คือต้นปี 2019 นี่เองครับ ปีกว่า ๆ เอง ตอนตั้งชื่อวงไม่ได้คิดอะไรมาก อยากให้ตลกเท่านั้นเอง อยากให้ตลก เฮฮา พอคนฟังแล้วเอ๊ะอะไร เป็นคนใต้ก็อยากให้เป็นลูกตอ ลูกเนียงอะไรแนวนี้ เลยได้มาเป็นลูกเนียง นำเสนอความเป็นภาคใต้ เพราะลูกเนียงเป็นผักชนิดหนึ่ง ไว้กินกับน้ำพริก ซึ่งตั้งชื่อนี้มาก็ชอบกัน คนก็จำง่ายด้วยปกติผมก็อัดเพลง เล่นกีตาร์โพสต์เฟซบุ๊กของผมเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ว่าไม่ได้ทำให้ตลก ผมก็ร้องธรรมดาเฉย ๆ แต่วันนึงก็นึกสนุกเล่นกับเพื่อน เล่นกันอยู่ 2 คนก็ถ่ายคลิปลงมาเรื่อย ๆ ร้องตลก ๆ ตอนแรก ๆ ก็มีแต่งหน้าด้วย คนก็เริ่มชอบ เริ่มแชร์เยอะ เรื่อย ๆ คนเริ่มแชร์ เริ่มตามผมที่ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง อยู่ ๆ ยอดแชร์ก็ 300 กว่า ภายในเวลาไม่นาน สำหรับผมกับบ่าว เรารู้สึกว่ายอดแชร์เยอะมากเลย ก็เลยคิดสร้างเพจขึ้นมา ลงเพลงมาถึงปัจจุบัน ๆ ก็มีคนติดตามขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกเริ่มต้นทำไม่มีคนดูเยอะขนาดนี้ เพราะว่าถ้าผมร้องปกติธรรมดาคนจะไม่ดูหรอกผมว่า มันก็มีคนร้องเพราะเยอะแยะ ผมไม่ได้คิดว่าผมร้องเพราะอะไรขนาดนั้น แต่ที่เขาเข้ามาดูเพราะว่ามันตลกดี มันแปลกดี ดังเพราะว่าความแปลกดี”และด้วยความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ผสมผสานกับน้ำสียงเพราะ ๆ และลีลาฮา ๆ ของ "แม็กน๊อต" ก็มีงานติดต่อเข้ามาให้ "วงลูกเนียง" ไปร้องเพลงโชว์ตามที่ต่าง ๆ“มีติดต่อเข้ามา แต่ว่าผมยังรับงานไม่ค่อยได้ เพราะมีงานประจำ และที่สำคัญการเดินทางค่อนข้างลำบาก เพราะผมไม่มีรถ แต่ก็เคยรับบ้าง ไปแสดงที่พัทลุง ที่สตูล ไปกัน 2 คน แต่ในอนาคตก็คิดว่าน่าจะมีความพร้อมขึ้น เพราะการร้องเพลง การเล่นดนตรีก็เป็นงานที่รักครับ ชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว แล้วยิ่งพอเราเริ่มร้องเพลง เริ่มทำคลิป แล้วมีคนมาติดตามก็ยิ่งรู้สึกดี ช่วงแรก ๆ ผมจะร้องเพลงใต้ ร้องเพลงเพื่อชีวิต ร้องเพลงที่ชอบ เพลงไหนไม่ชอบก็ไม่ร้อง แต่ตอนหลัง ๆ ก็ร้องเพลงหลากหลายขึ้น บางเพลงยังไม่เคยร้องพอคนขอมาผมก็ไปฟัง แล้วมาซ้อมมาร้องให้ฟัง แล้วคนก็แชร์ไปเยอะ ตอนหลัง ๆ มีคนมาดูจากภาคอื่น ๆ เยอะมาก ภาคอีสาน คนลาวก็มีนะครับ”และสิ่งที่แฟน ๆสงสัยกันมาก ถามกันอยู่เสมอ ๆ ก็คือ ทำไม “แม็กน๊อต” ต้องถอดเสื้อ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขาไปแล้ว“ช่วงแรก ๆ ผมก็ยังใส่เสื้ออยู่นะครับที่ทำคลิปมา ก็คิดไปเรื่อย ว่าจะแต่งตัวยังไงเพื่อไม่ให้คนเบื่อ แล้วทีนี้ตอนที่อัดเพลง ห้องอัดร้อนเพราะเราจะเปิดแอร์ เปิดพัดลมไม่ได้เสียงจะเข้าไมค์ แล้ววันนึงผมอัดหลายเพลง เพราะผมกับบ่าวทำงานประจำกัน เรามีวันว่างตรงกันแค่วันเดียวเท่านั้นเองในหนึ่งอาทิตย์ พออัดเพลงก็จะอัดหลาย ๆ เพลง อัดจนเหงื่อแตก ร้อนมาก แล้วถ้าใส่เสื้อต้องซ้ำ ๆ ไม่สะดุดตา เพราะเด็กวัยรุ่นเล่นโทรศัพท์เขาจะเลื่อนดูเร็ว ๆ ถ้าเขาสะสุดตา เขาจะเลื่อนกลับมาดู พอคิดอย่างนี้ก็เลยถอดเสื้อ แล้วใส่วิกผม หาเครื่องประดับมาประกอบแทนตอนแรกคนยังไม่ชินกัน บางคนก็ว่าเราไม่ควรถอดเสื้อมันน่าเกลียด แต่พอไม่ถอดก็มีคนถามอีกอ้าว ทำไมไม่ถอด มันเหมือนไม่ใช่ตัวเรานะ วงลูกเนียงนักร้องต้องถอดเสื้อสิ ผมก็เลยมานั่งคิดกันว่าจริง ๆ ก็ไมน่าจะเป็นอะไร เราแค่ถอดเสื้อ มันเป็นสไตล์ของเรา ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีสักหน่อย ตอนหลังก็เลยถอดเสื้อร้องเพลง จนทุกวันนี้คนก็ชินกันแล้ว และก็ชินที่เราจะบอกว่า"เชิญรับชมรับฟังให้เพราะพี่น้อง....ขึ้นเครื่อง...คล็อก..." ซึ่งคำว่าขึ้นเครื่องก็มาจากเพลงโนราห์ เมื่อก่อนผมชอบดูเอกชัย ศรีวิชัย จะร้องตามตลอด ชอบมากแล้วจะเห็นคนที่ตีกลอง ตีฉิ่ง ตีทับ ต้องขึ้นเครื่องก่อนแสดง เป็นความประทับใจที่เรามีมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้คนจำเรามาถึงทุกวันนี้”แม็กน๊อต-อิสราม ศรประสิทธิ์ บ่าว- วุฒิไกร จิระพงศ์ นอกจากมี เพจ วงลูกเนียง ในเฟซบุ๊กแล้ว ปัจจุบัน วงลูกเนียง มีช่อง วงลูกเนียง Production ใน youtube เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะให้แฟน ๆ ติดตามได้ และสำหรับเป้าหมายในชีวิต มีหลาย ๆ อย่างที่ “แม็กน๊อต” อยากทำ“ผมฝันไว้เยอะมาก อยากทำอะไรเยอะแยะมากมาย งานไกด์ก็ยังคงเป็นงานหลัก อยากทำเพลงออกมาให้เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ อยากมีทัวร์คอนเสิร์ต ทำสตูดิโอเองที่บ้าน เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีโฆษณาเข้ามา เช่นงาน Krungthai Connext ซึ่งเป็นงานอย่างเป็นทางการ มีงานรีวิวสินค้าต่าง ๆ ด้วย และทางด้านศิลปะก็ไม่ทิ้งครับ รับวาดภาพโฆษณา รับออกแบบวาดรูปด้วย ไม่ทิ้งศิลปะ แม้ว่าจะไม่ได้เรียนต่อทางด้านนี้อีกเลย มีอยู่ช่วงเคยอยากเป็นนักเขียน ลองเขียนนิยายแนวไซไฟแต่ว่าไม่ได้จริงจังอะไรแต่ว่าสิ่งที่ผมยังทำอยู่เรื่อย ๆ ก็คือการฝึกแต่งเพลง ก็แต่งมาเรื่อย ๆ แต่ว่าไม่ได้จริงจัง จนมาแต่ง เพลงขึ้นเครื่อง อาจารย์ที่มหาลัยฟังเพลงแล้วชอบ ก็ช่วยทำมิวสิควิดีโอเพลงนี้ให้ แต่ว่าเพลงออกมาช่วงโควิด-19 พอดี ก็เลยไม่ได้โปรโมทอะไรจริงจัง แต่ว่าช่วงที่ทำมิวสิควิดีโอนี่สนุกครับ อาจารย์วางแผนให้ทุกอย่าง รวมทั้งหาตัวนักแสดงให้ด้วย งานก็เลยออกมาในแนวที่สนุก ๆ เล่นไปแล้วย้อนกลับมาดูตัวเอง บางครั้งก็คิดวาทำอะไรลงไป แต่ว่าทำให้คนดูแล้วยิ้มได้ หัวเราะได้ผมก็มีความสุขแล้วครับ”ช่วงเวลานี้ “แม็กน๊อต-อิสราม ศรประสิทธิ์” กำลังแต่งเพลงหลายเพลง เพื่อจะร้องให้ทุกคนฟัง "เพลงใหม่จะเป็นเพลงภาษาใต้นี่แหละครับ แนวดนตรีเป็นเพลงสตริงวัยรุ่น ทำให้ออกแนวที่ทันยุคทันสมัย...ฝากทุกคน...รับชมรับฟังให้เพราะพี่น้อง...ขึ้นเครื่อง...คล็อก...." เรื่องราวของ "แม็กน๊อต" เชื่อว่ายังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่แฟน ๆ อยากรู้ และสิ่งที่ไม่ได้ถามไว้ในสัมภาษณ์ในครั้งนี้คือ"มีแฟนหรือยัง ?" ถ้าอยากจะรู้คำตอบคลิกเข้าไปฟังกันเลยที่ Q&A ตอบคำถามจากทางบ้าน และถ้าอยากรู้จัก "วงลูกเนียง" มากกว่านี้ ก็ติดตามทได้ที่ เพจ วงลูกเนียง เช่นกัน...ขอบคุณภาพประกอบจาก เพจ วงลูกเนียงมาร่วมสนุกกันค่ะ ทุกคน^^เรามี Code Wemall มูลค่า 200 บาท แจก 3 รางวัลเงื่อนไขง่ายแสนง่าย แค่คอมเมนต์ด้านล่างว่า .. " Who is next ?" .. อยากให้สัมภาษณ์ใครบ้าง บอกกันมาเลยค่ะ หรือจะเขียนใน- Facebook ของเรา ฉันท์ชมา- เพจ CM magazineเราจะคัดผู้ที่ได้รางวัล จากการจับฉลาก ง่ายแสนง่าย เพื่อแจกรางวัลให้ 3 ท่านค่ะ เงื่อนไข:ระยะเวลาในการเข้าร่วมสนุกกิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. - 31 ก.ค. 63 เวลา 12.00ทาง In-Trend Influencer จะทำการประกาศชื่อบุคคลที่ได้รับของรางวัล 3 ชื่อ ในวันที่ 31 ก.63 เวลา 18.00 น. โดยการคอมเมนต์ม้นรายชื่อผู้ชนะผ่านทางโพสต์ที่ประกาศเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรมบน Facebook ของ In-Trend Influencer สำหรับผู้ที่เข้ามาร่วมกิจกรรม หากคุณเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล Code ส่วนลด Wemall ทาง In-Trend Influencer จะทำการติดต่อคุณไปยัง inbox ทาง Facebook เพื่อสอบถาม ชื่อและอีเมล ของคุณ เพื่อให้ทีมงานส่ง Code Wemall ไปให้ตามอีเมลที่ระบุไว้ Code Wemall จะถูกทำการส่งไปยังอีเมลของผู้ชนะ 3 ท่านภายใน 7 วันทำการ ภายหลังจากที่ทาง In-Trend Influencer ได้ทำการประกาศผู้ที่ได้รับรางวัลในส่วนของการคัดเลือกผู้ชนะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความในการคัดเลือกเท่านั้น ทางทีมงาน TrueID In-Trend ไม่มีส่วนในการคัดเลือกผู้ที่ได้รับของรางวัล Code Wemall แต่อย่างใด