ภูเก็ตไม่ไปไม่รู้ เราเคยได้ยินว่า เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ แต่นี่ได้มาสัมผัส กับคำว่าภูเก็ตไม่ไปไม่รู้ เพราะเราเคยได้ยินแต่ว่า นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมมาเที่ยวภูเก็ตกัน เมื่อเราไม่ได้มาสัมผัสกับตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าภูเก็ตนั้นมีเสน่ห์ขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติของชายหาด กิจกรรมทางน้ำ อาหาร และผู้คน เมื่อได้มาสัมผัสกับตัวเอง จึงได้คิดขึ้นได้ว่า ถ้าเป็นคนไทย แล้วไม่ได้มาเที่ยวภูเก็ต คงเสียชาติเกิดแน่นอน เพราะขนาดชาวต่างชาติ ข้ามน้ำข้ามทะเลมา เขายังเดินทางมาเลย เมื่อบิ้วซะขนาดนี้แล้ว เพื่อนๆ จะรออะไรอยู่ ถ้ามีโอกาส หรือมี trip วันหยุดสัก 3 วัน 2 คืน รีบแพ็คกระเป๋ากันมาเลยจ้า ซึ่งแน่นอนรูปภาพที่ทำให้เรานึกถึงภูเก็ต และเรามักจะเห็นในโปสเตอร์ ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ คือ แหลมพรหมเทพ คุณจะรู้สึกภูมิใจแค่ไหน ว่าวันหนึ่ง คุณได้ไปยืน ในจุดจุดเดียวกับในภาพที่คุณเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนกระทั่งโต คุณสามารถเก็บรูปภาพ ความประทับใจ ไปอวดในโลก Social ได้อย่างคูล ๆ เลยทีเดียว ว่าแล้วก็แพ็คกระเป๋ากันเลยดีกว่า การมาภูเก็ตนั้นมาได้หลายทาง ทั้งรถทัวร์ รถไฟ และเครื่องบิน ถ้าเพื่อนๆ คนไหนต้องการความสะดวกรวดเร็ว แนะนำให้มาเครื่องบิน โดยค่าเครื่องบิน นั้นก็อยู่ที่ช่วงในการจอง บางช่วงอาจจะราคาถูก บางช่วงราคาแพง แต่ก็ไม่เกิน 2,000 บาท ทั้งไปและกลับ โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากสนามบินสุวรรณภูมิ ทันทีที่เครื่องลงจอดที่สนามบินภูเก็ต การผจญภัยก็เริ่มขึ้น ที่สนามบิน เขาจะมีที่ให้เราสามารถเช่ารถได้ และจอง ทริปดำน้ำดูปะการัง โดยเราสามารถเลือกได้ ว่าเราจะไปเกาะไหน โดยเขาจะมีรถรับส่งจากโรงแรมให้เราเพื่อไปดำน้ำดูปะการัง และบริการทุกอย่าง ในขณะที่เราเดินทางไปทริปดำน้ำกับทางเขา ซึ่งในการไปครั้งนี้ แน่นอนไปภูเก็ตแล้ว ไม่ให้ไปดำดูปะการัง เขาจะว่ามาไม่ถึง จึงจัดไปกับทริปตำน้ำ ที่เกาะพีพี เมื่อตกลงแล้ว ก็จ่ายเงิน และขอเขาว่าไหน ๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยหารถไปส่งที่โรงแรมให้หน่อย เขาก็ใจดี และมาส่งให้ที่โรงแรม และพร้อมกับเอารถมาส่งให้เรา ในช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นรถที่เราตกลง ว่าเราจะเช่ารถเขา และจะมาส่งให้ในวันที่เรากลับมาขึ้นเครื่องที่สนามบิน แน่นอนการมีรถเช่า อยากจะขับไปไหนมาไหนก็ได้ในเกาะภูเก็ต ย่อมสะดวกสบายแน่นอน ดีกว่าการเรียกรถไปส่งเป็นเที่ยวๆ ไปนอกจากแพงแล้ว ยังไม่สะดวกสักเท่าไหร่ อันนี้เหมาะกับการที่มีเงินในกระเป๋าเยอะหน่อย หรือไปเป็นหมู่คณะ และหารกัน ราคาก็จะออกมาคนละไม่กี่บาท แต่ถ้าไปคนเดียว ก็อาจจะใช้วิธี เรียกรถรับจ้างเป็นเที่ยวๆ ไปน่าจะดีกว่า โรงแรมในภูเก็ตนั้นมีให้เลือกมากมายเลย แต่ที่เลือกโรงแรมนี้ เพราะ facility หรือที่เราเรียกว่าเครื่องอำนวยความสะดวก โรงแรมนี้ถือว่าใช้ได้เลย แถมราคาก็ไม่แพงด้วย ราคาในช่วงที่ไปนั้น คือ นอน 3 คืน กับราคาเพียง 500 บาทเอง ซึ่งถือว่าหาได้ยากมาก กับโรงแรมที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดอันดับหนึ่งของประเทศไทยขนาดนี้ แค่ว่าโรงแรม ไม่มีอาหารเช้าเท่านั้นเอง ซึ่ง โรงแรมนั้นอยู่ไม่ไกลจากหาดป่าตองเท่าไหร่นัก ถ้าคุณเป็นคนชอบเดินชิวๆ เรื่อย ๆ ไปตามทางเพื่อดูบรรยากาศ คุณก็สามารถเดินเท้าไปหาดป่าตองได้ แต่ช่วงที่มานี้ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า เป็นช่วงที่เขาไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามานั่นเอง ราคาก็เลยอาจจะถูกจนน่าใจหาย เมื่อมาถึงโรงแรมแล้ว แน่นอน เมื่อหิ้วท้องมาทั้งวัน ก็ต้องหาอะไรหนักๆ ท้องกิน การตระเวรหาของกินก็เริ่มขึ้น ที่ชายหาดป่าตองในยามค่ำคืน กับอาหาร street food พร้อมกับลมทะเล และเสียงคลื่น พร้อมกับการพูดคุย ด้วยเสียงเฮฮา จากการเหนื่อยล้าจากการทำงานในเมืองใหญ่มาพอสมควร รุ่งเช้า เราก็ตื่นมาด้วยความสดชื่น เพราะได้นอนในห้องแอร์แบบเต็มอิ่ม พร้อมกับทริปในเช้าวันใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยสถานที่ ที่เลือกไป ก็จากการที่เราได้ทำการบ้านไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าอาหารที่เป็น highlight ของเมืองภูเก็ต คืออาหารอะไร ร้านไหนเป็นร้านอาหารเด่น อาหารดังของเมืองภูเก็ต แน่นอนติ่มซำ เป็นอาหารที่คนนิยม มากินกัน ดังนั้นเราไม่ควรพลาด ที่จะต้องมากินติ่มซำ ในภูเก็ต ซึ่งร้านที่ไปคือร้านจ่วนเฮี้ยง เป็นร้านขึ้นชื่อในภูเก็ต ใครมาแล้วแนะนำให้มาลอง แล้วคุณจะไม่อยากหยุดสั่ง เนื่องจากความอร่อย นอกจากนั้นยังมีขนมจีนน้ำยาปู ที่แสนจะอร่อย มาพร้อมกับผัดสด ๆ อร่อยจนหยุดไม่อยู่ และมีตบท้ายด้วยกาแฟโบราณยามเช้า ตามสูตรของชาวภูเก็ต เมื่อเริ่มอิ่ม เราก็เริ่มมองหาที่เที่ยวสถานี ต่อไป คือการไปนั่งเตียงผ้าใบชายหาด เพื่อรับลมทะเล พร้อมกับสั่งน้ำมะพร้าวปั่นหวานๆ เย็นๆ มาดื่ม พร้อมกับหามุมเก๋ๆ ถ่ายภาพนั่นเอง ช่างเป็นช่วงที่อยากจะหยุดเวลาไว้จริง ๆ เมื่อนอนริมชายหาด กันได้อยู่พักใหญ่ เราก็เริ่มหาที่เที่ยวแห่งใหม่ สุดท้ายก็ไปจบที่ Phuket Aquarium ซึ่ง ณ ที่นั่นเราก็จะเพลิดเพลินกับสัตว์น้ำ และสัตว์อื่น ๆ หลากหลายชนิด และมีน้องเพนกวิน น่ารักให้เรามาถ่ายภาพด้วย พร้อมกับการอยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ ทำให้รู้สึกฟินมาก ๆ ณ ที่นั่น เราก็สนุกกับการถ่ายภาพกันอยากมาก กับสัตว์น้ำ และได้ความประทับใจมามากมายเลย เมื่อย้อนกลับมาดูนาฬิกาอีกที ก็เริ่มบ่ายคล้อยแล้ว เมื่อออกจาก Phuket Aquarium ก็รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดิน และถ่ายภาพมาทั้งวัน จึงขับรถกลับที่พัก เพื่อไปชาร์ตแบต ในวันต่อไป แต่ระหว่างทาง ต่างคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าท้องเริ่มร้องและหิวแล้ว เราจึงเริ่ม หาร้านอาหารชื่อดังในภูเก็ตอีกครั้ง สุดท้าย เราก็ไปจบที่ร้านน้ำย้อย ซึ่งเป็นร้าน ชื่อดัง ในเมืองภูเก็ตอีกเช่นกัน ซึ่งร้านนี้ จะเป็นอาหารสไตล์พื้นบ้าน ซึ่งมาภาคใต้ ไม่กินผัดผักเหลียงผัดไข่ก็จะดูมาไม่ถึง เราจึงสั่งมา พร้อมด้วย เมนูอื่น ๆ อีกหลายเมนู เมนูหมูฮ้อง เป็นเมนู เด็ดอีกเมนู ที่ฟังดูแล้ว แปลกดีจึงสั่งไป แต่พอมีคนมาเสิร์ฟ ก็นึกในใจ ว่าหน้าตาก็ไม่ต่างอะไรจากพะโล้ แต่แค่ไม่มีไข่นั่นเอง แต่พอตักใส่ปากเท่านั้นเอง วางช้อนแทบไม่ลง เพราะหมูมันนุ่มและเปื่อยมาก สั่งข้าวเพิ่มอีกโถ แทบจะไม่ทัน เมนูนี้ ถ้าคนไม่กลัวอ้วนก็เหมาะมาก แต่ถ้าใครกลัวอ้วน ก็อาจจะสั่งเมนูอื่น แต่ความอร่อยไม่ต้องพูดถึง เพราะทุกเมนูนั้น หมดเกลี้ยงทุกจาน เมื่ออิ่มท้อง ก็ตรงกลับที่พัก เพื่อเก็บพลังงานไว้ไปทริปดำน้ำ ในวันถัดไป เช้าวันรุ่งขึ้นก็มาถึง มีรถตู้มารับ เพื่อไปส่ง สถานที่ที่จะนั่งเรือไปเพื่อดำน้ำดูปะการัง เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง คือเกาะพีพี ก็รู้สึกตื่นตา ตื่นใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า คือ ภูเขาสีเขียว กับน้ำทะเล สีเขียวมรกต พร้อมกับความใสของน้ำ ที่มองลงไปแล้วเห็นตัวปลา แหวกว่ายอยู่ในน้ำ อีกเกาะหนึ่งที่เขาพาไป คือ เกาะไข่ ซึ่งคุณจะเห็นชายหาดสีขาว เม็ดทรายละเอียด พร้อมกับน้ำใสสะอาด เหมาะกับการดำดูปะการังอย่างมาก พร้อมกับด้วยเวลานั้น เป็นช่วงที่แดดร่มลมตก จึงทำให้ รู้สึกถึงความ Amazing Thailand จริง ๆ ถ้าใครอยากลองเปิดประสบการณ์ หรืออยากออกจาก Comfort Zone ลองมาทริปภูเก็ตดูสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่พลาด ในการเที่ยวแบบ Unseen Thailand Credit : ภาพถ่าย เป็นภาพถ่ายของผู้เขียนทั้งหมด