พัทลุง จังหวัดที่กำลังมาแรงในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว เมื่อเลี้ยวรถเข้าไป จะพบผนัง Welcome to เดอลอง เก๋ ๆ แบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จังหวัดพัทลุงมีการพัฒนาในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวชนิดที่เรียกได้ว่า หน้ามือเป็นหลังมือ จากเดิมทีเคยมีสโลแกนว่า “ไม่แวะเที่ยว แวะเยี่ยวก็ยังดี” เราคงต้องปรับเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ เพราะปัจจุบันนี้พัทลุงเขาไฉไลกว่าเดิมเยอะ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นมากมาย ทั้งล่องแก่งหนานมดแดงที่เป็นจุดเริ่มต้นของการดึงดูดนักท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียง นาโปแกที่เลื่องลือในการพัฒนา “นาข้าว” ที่หลายคนมองว่าเป็นแค่ที่นาธรรมดา แต่ใครจะรู้ว่า เมื่อนำมาปรับให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมจะได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ส่งผลให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย รวมถึง บิ้งนาคาเฟ่ ที่ได้นำเอาเอกลักษณ์ความเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเมืองพัทลุงมาใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ตอนนี้ สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็เริ่มอยู่ตัว นักท่องเที่ยวต่างก็เดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย การขับรถมาจากต่างจังหวัด หากใช้เส้นทาง เขาพับผ้า (กรณีเดินทางมาจากตรัง-กระบี่) จะเห็นได้ว่านาน น้านสักทีกว่าจะเจอปั๊ม หรือจุดพักรถ แต่เดี๋ยวนี้ พัทลุงเขามีจุดแวะพักที่เพิ่งเปิดใหม่ ชื่อว่า “สวนเดอลอง” แค่ฟังจากชื่อก็น่าแวะลงไปลองซะแล้ว เราถือโอกาสตอนขับรถกลับหอ แวะชิลที่สวนเดอลองซะเลย สวนเดอลอง เพิ่งเปิดทำการอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ชื่อ “เดอลอง” ฟังแล้วคล้ายภาษาฝรั่งเศส เรียบหรู ดูโก้ แต่จริง ๆ แล้วเขามีสโลแกนหลักว่า “เมืองเกษตรแปรรูป” ดังนั้นของที่ขายต่าง ๆ ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ขึ้นชื่อของจังหวัดพัทลุง สวนเดอลองไม่ได้มีแค่ของกินนะจ๊ะ ของฝากเขาก็มีเด้ออ ปล. ด้านหน้าคือชาเย็น ด้านหลังคือของฝาก ถามว่าฝากใคร ไม่บอกหรอก อุอิ เมื่อแวะเข้าไปจะพบสองโซนหลัก ๆ คือคาเฟ่ และโซนผลิตภัณฑ์แปรรูป นี่คือโซนผลิตภัณฑ์แปรรูป เข้าไปนี่กลิ่นหอมของอาหารตีจมูกตลอดเวลา //กระเป๋าตังค์สั่นแรงมาก สำหรับโซนผลิตภัณฑ์แปรรูปด้านหน้าก็จะจำหน่ายของฝากขึ้นชื่อของเมืองพัทลุง มี food center ส่วนด้านหลังจะเป็นสวนที่จัดไว้เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ง่าย ๆ ก็คือไว้ถ่ายรูปแหละ สวนเก๋พอตัวอยู่นะ แต่เราไม่ได้ถ่ายเพราะลืมกล้อง เลยได้แค่เดินชมความสวยงาม แล้วเดินออกไปสั่งกาแฟที่คาเฟ่ แต่ก่อนสั่งกาแฟ แวะเข้าห้องน้ำ อยากบอกว่าห้องน้ำมีหลายห้องมาก ๆ และที่สำคัญคือ สะอาดมากเวอร์ //ประทับใจ บรรยากาศจากมุมข้าง ๆ คาเฟ่ ก็ดูเก๋ไม่เบา นี่คือด้านหน้าของคาเฟ่ ก่อด้วยอิฐบล็อคสีเขียว ถ่ายรูปแล้วดูชิค ๆ ดีนะ ในส่วนของคาเฟ่เดอลอง ขอบอกว่าเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่นั่งแบ่งเป็นสองโซน คือโซนด้านในร้าน สำหรับคนที่หนีอากาศร้อน ๆ มา ก็เข้าไป จิบกาแฟ ตากแอร์เย็นฉ่ำได้ หรือจะสั่งกาแฟแล้วนั่งรับลม ชมสวนตรงโซนด้านนอกก็ได้เช่นกัน บรรยากาศโดยรวมดูชิค ๆ ดี เมนูในร้านก็เป็นชา กาแฟ เครื่องดื่มทั่วไป แต่มีเมนูแนะนำคือ “สังข์หยด สตาร์ มัคคิอาโต้” เป็นการนำข้าวสังข์หยดมาผสมผสานกับกาแฟ ซึ่งอร่อยมาก อร่อยจนงงอะ คิดไม่ถึงว่าข้าวกับกาแฟรวมกันแล้วมันจะอร่อย ยืนยันว่าละมุนจริงต้องลอง (แน่นอนว่าของอร่อยได้ถึงก็ทานหมดจนลืมถ่ายรูปอีกเช่นเคย 55555) ส่วนเคาเตอร์สั่งกาแฟ สั่งแล้วจะได้รับสลิปที่เป็นบัตรคิว วันนั้นเราได้คิวที่ 102 รอนานพอตัว 55555 เมนูเบเกอรี่ วันที่เราไปมีเมนูให้เลือกไม่มากนัก นอกจากนี้เมนูเบเกอรี่ต่าง ๆ อันนี้ก็มาตรฐานเบเกอรี่ทั่วไป (สำหรับเราเมนูเบเกอรี่ไม่ค่อยว้าวนะ เมนูเครื่องดื่มว้าวกว่า ทั้งในด้านความ Create และรสชาติ) ขอกระซิบว่าราคาบางเมนูก็แอบแรง แต่ถ้าเทียบกับความสร้างสรรค์ บรรยากาศ รสชาติ และรอยยิ้มหวาน ๆ ของพนักงานเข้าไปก็ถือว่าคุ้มที่จะจ่าย และที่สำคัญเราก็ไม่ได้เดินทางบ่อย ๆ และไม่ได้แวะทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้ามันดีจริง ก็จ่ายเหอะ ^^ นี่ก็ขอเก็บภาพบรรยากาศเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากกัน บรรยากาศของ food center //มองจากคาเฟ่ บรรยากาศของสะพานคล้องใจ ด้านหลังจะเป็นนาขั้นบันไดจำลอง ส่วนที่เห็นหลังคาเขียว ๆ คือ ลานฮอล์จำลอง มีเปิดเสียงซาวน์ฮอล์ประกอบด้วย เก๋ไปอี๊ก ขอลาไปด้วยภาพคำขวัญเก๋ ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดประสงค์สำคัญของสวนเดอลองแห่งนี้ สุดท้ายนี้ถ้าใครขับรถผ่าน หรือใช้ถนนเส้นนี้ แล้วเกิดเบื่อ ๆ ตาล้า หรือง่วงนอน ก็ขอแนะนำลงไป “จิบกาแฟ แลเครื่องบิน เช็คอินนาขั้นบันได คล้องใจสะพานรัก รู้จักเกษตรแปรรูป” ที่สวนเดอลองกันนะคะ > //เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่มเลยน้าาา