"ภาษาไทย" เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทย เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ภาษาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์ จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ภาษายังเป็นเครื่องมือประกอบกิจธุระ การงานและดำรงชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างราบรื่น ปัญหาภาษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คนไทยส่วนหนึ่งมองว่าปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาจากความแตกต่างทางภาษา นำมาซึ่งการไม่เข้าใจในการบริหารงานของภาครัฐ เพราะรัฐบาลไม่สามารถสื่อสารกับประชาชนได้ดี ภาษามลายู เป็นภาษาที่คนจังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้เป็นส่วนใหญ่ในการติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน หากมองในมุมของเศรษฐศาสตร์แล้วภาษามลายูถือเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีการค้าที่สำคัญของประเทศไทย หากไม่สามารถสื่อสารภาษามลายูได้ ผลที่ตามมาคือธุรกิจระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซียจะลดน้อยลง แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาษาไทย ก็เป็นภาษาหลักของประเทศ เป็นภาษาราชการของประเทศไทย ภาษาที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ในเมื่อภาษาที่หลากหลายสังคมในสามจังหวัดชายแดนใต้ถูกเปรียบเทียบดั่งต้นไม้หลากสีที่แผ่กิ่งก้านไปยังทิศทางต่าง ๆ ในสังคมพหุวัฒนธรรม ทุกๆฝ่ายจำเป็นที่จะต้องเห็นพ้องเป็นหนึ่งเดียวกันว่า กิ่งก้านเหล่านั้นจะยังคงเชิดชูเเละถูกประคองให้มีความสวยงาม มั่นคงได้โดยลำต้นที่เรียกว่าประเทศไทย แม้ในบางคราความเชื่อของผู้คนจะต่างกัน แต่ภาษาไทยยังคงสวยงามดั่งลำต้นเดียวกันอันจะหล่อหลอมรวมใจไทยให้เป็นหนึ่ง ถึงเท่าทุกวันนี้ชาวตะวันตกที่มาจากหลายชาติพันธุ์ หลากหลายสีผิวยังสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ด้วยพวกเขาสื่อสารภาษาเหมือนกัน ยิ่งตอกย้ำให้สังคมบ้านเราได้ทบทวนและครุ่นคิด เมื่อเราย้อนมองถึงอดีตที่ผ่านมา มุสลิมสามจังหวัดมีทัศนคติว่า คนที่พูดภาษาไทยก็จะถูกตีความว่าเป็นคนพุทธ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเลือกที่จะปฏิบัติตนอย่างแตกต่าง ทัศนคติดงกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาอันแยบยลในปั้นปลาย หากว่าภาษานั้นเปรียบดั่งน้ำผึ้งในขวดแก้ว ความหอมหวานยังคงให้คุณค่ากับผู้คนที่หลากหลาย แต่ตราบใดที่ถูกเพิกเฉยและทอดทิ้งให้ตกต่ำ เพียงน้ำผึ้งหยดเดียวที่ตกหล่นก็เพียงพอที่จะนำมาซึ่งปัญหาทั้งปวง เราจึงไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่าการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมคือหนึ่งในวิธีการในการทำลายกำแพงกั้นของความแตกต่าง จากกผลการสำรวจของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ทำให้เราได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นว่า ภาษาไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มภาษาที่สองในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนมากในจังหวัดชายแดนใต้ และแน่นอนผลกระทบในแง่ลบที่ตามมาคือคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่เนื้อหาส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทย ไม่เพียงแค่ในด้านการศึกษา แต่ในการสร้างสันติสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เช่นกันในกระบวนการดั่งกล่าวนั้นควรเน้นที่ภาษาเป็นลำดับแรก จึงจะทำให้ปฏิบัติการจิตวิทยา (Psychological operation) และงานด้านความมั่นคงทำได้สะดวกขึ้น เชื่อเหลือเกินว่าบทบาทของภาษาไทยมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในกระบวนการสร้างความสมานฉันท์และสังคมที่ก้าวหน้าในสามจังหวัดชายแดนใต้ แม้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ก็ตาม เนลสัน แมนเดลา นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพที่โลกได้ยกย่องได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณพูดกับเขาด้วยภาษาที่เขาเข้าใจได้ สิ่งที่คุณพูดจะเข้าไปในหัวสมองของเขา แต่ถ้าคุณพูดกับเขาด้วยภาษาของเขาเอง สิ่งที่คุณพูดจะเข้าไปอยู่กลางใจเขา” และแน่นอนว่าหน้าที่ในการยกระดับภาษาไทยให้เป็นภาษาของทุกๆคนคงหนีไม่พ้นไม่ไกลไปจากเรา ในฐานะสมาชิกของสถาบันครอบครัวตลอดจนสมาชิกของสถาบันการศึกษา ทั้งนี้และทั้งนั้นกุญแจสำคัญที่ทุกๆฝ่ายจะต้องมีคือความบริสุทธิ์ใจ จิตใจที่กว้างขวางและปราศจากซึ่งอคติ เป็นการกระทำที่มาจากใจถึงใจ เพื่อที่จะเข้าใจ เข้าถึง แล้วจึงพัฒนา ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หากว่าทุกวันนี้เราทุกคนยังคงหายใจอยู่บนผืนแผ่นดินไทยคงไม่ใช่เรื่องยากหากเรามาร่วมใจอนุรักษ์ภาษาไทยเพราะความภูมิใจในเอกลักษณ์ สำนึกในความสำคัญเพื่อดำรงไว้ให้อนุชน หวังว่าสันติสุขปลายด้านขวานอยู่ไม่ไกล หากภาษาไทยรวมใจเราให้เป็นหนึ่ง ภาพจาก : https://yala-patani-naratiwat.blogspot.com และ https://bhumjaithai.com