อื่นๆ

บทความสอนใจ "มือบน...การให้ที่ไม่มีสิ้นสุด"

136
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
บทความสอนใจ "มือบน...การให้ที่ไม่มีสิ้นสุด"

สวัสดีค่ะ......ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน

บทความที่ Kru_tai  จะนำเสนอวันนี้ เป็นบทความสอนใจที่ต้องการเตือนสติคนหลาย ๆ คน หรือกลุ่มคนที่ดำรงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ยุคของการแข่งขัน ยุคการแก่งแย่ง ชิงดีและชิงเด่น ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประเด็น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเหตุผลของความอยู่รอด  การเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัว แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดิฉันมีบทความเตือนสติ สอนใจมาฝากให้ท่านผู้อ่านได้อ่านและเตือนสติของตัวเองค่ะwww.pixabay.com

ในอดีตกาล  สมัยบรรพบุรุษหรือแม้แต่สมัยปู่ย่า ตายาย การอยู่ร่วมกันในสังคมถือว่าเป็นสังคมแห่งความสันติสุข เป็นบ้านพี่เมืองน้อง เป็นชุมชนที่ไม่เคยทิ้งกันเมื่อถึงยามที่เพื่อนบ้านเกิดความเดือดร้อน แต่เมื่อเราเปรียบเทียบกับสังคมในยุคปัจจุบัน  จะเห็นได้ว่า สังคมปัจจุบันมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ความสัมพันธ์ระหว่างกันเริ่มห่างเหินกัน  อาทิเช่น ระหว่างเพื่อนบ้าน ระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องในสายเลือดเดียวกัน  เหล่านี้ ถ้าเราสังเกตหรือได้รับข่าวสารต่างๆ จะเห็นว่า มันคือสังคมแห่งการแข่งขัน แก่งแย่งและความอยู่รอด บางครั้งเหตุผลแต่ละคนที่อ้างนั้น บางครั้งท่านอาจจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในมุมมองของคนอีกหลาย ๆ คน www.pixabay.com

Advertisement

Advertisement

ท่านเคยได้ยินคำนี้ไหม "มือบนย่อมดีกว่ามือล่าง" ประโยคนี้ สามารถสื่อความหมายได้หลายอย่างและสามารถแยกประเด็นได้ชัดเจน ดิฉันขอสรุปสั้น ๆ น่ะค่ะว่า  "มือบน  หมายถึง การให้ " การให้ที่ไม่เคยสิ้นสุด คือ การให้ด้วยใจ การให้ด้วยความรัก  การให้ที่ไม่เคยหวังผลตอบแทน  การให้ที่ไม่เคยดูแคลน  การให้ที่ด้วยใจบริสุทธิ์  และการให้ทุกครั้ง สุขใจทุกครั้ง ส่วนมือล่าง ย่อมหมายถึง การรับไมตรีจากผู้ให้ มนุษย์บนโลกนี้ ถ้าไม่ถึงยามคับขันจริง ๆ คงไม่มีใครอยากเป็นมือล่างหรอก จริงไหมค่ะ? ทุกคนอยากย่อมอยากเป็นผู้ให้......www.pixabay.com

แต่ในทางกลับกัน  สังคมปัจจุบันยิ่งห่างไกลจากมือบนมากเลยทีเดียว  ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นมีโอกาสที่จะเป็นมือบนมาก แต่พวกเขาก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยง บางคนยอมยกแม่น้ำทั้งห้า เพื่อเป็นเหตุผล ท่านรู้มั้ยค่ะ ......ทุกวันนี้ ดิฉันมองว่า  สังคมไทยกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม  เพราะความอยู่รอดและเพราะมนุษยธรรมได้ห่างหายไป  สังคมเลือกที่จะทำให้ตัวเองมีดี  มีเงินใช้ โดยไม่สนใจคนรอบข้าง บางคนก็รวยล้นฟ้า  บ้านใหญ่โต  มีสิ่งของเครื่องใช้ยี่ห้อแบรนด์เนม  มีเงินเหลือใช้และใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย  แต่ในทางกลับกัน มีอีกหลายครอบครัวที่ยังไม่มีบ้านอาศัย ยังคงอาศัยใต้สะพานลอย  อดมื้อกินมื้อ เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง  ดิฉันอยากให้บทความนี้ เป็นข้อเตือนใจ อยากให้หลาย ๆ คนที่มีโอกาสเป็นผู้ให้บ้าง  การให้นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงินตราเท่านั้น  แค่ท่านพูดให้กำลังใจกับคนเหล่านั้นก็ย่อมถือว่า เป็นการให้ที่ทำให้ผู้รับสุขใจเหลือล้นค่ะ

Advertisement

Advertisement

ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้สามารถให้ประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ  Kru_tai ขอเป็นกำลังใจค่ะwww.pexels.com

เรื่องโดย : Kru_tai

ขอบคุณภาพประกอบเรื่องจาก : pixabay

ขอบคุณภาพหน้าปกจาก : pexels

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์