ในเย็นวันหนึ่งที่ฉันและเพื่อนคู่วิจัยหมดไปกับการหาข้อมูลเพื่อเสนอหัวข้อวิจัย หนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าถูกกางออก แล้วก็ปิดไป หัวข้อที่สนใจกลับมีแหล่งสนับสนุนน้อยเหลือเกิน จนฉันรู้ไม่ชอบคาบเรียนวิชาวิจัยเอาเสียเลยก็เริ่มถอดใจ ทั้งยังพาให้เพื่อนรู้สึกท้อไปด้วย ไปทะเลกัน เสียงของเธอดังขึ้นในระหว่างที่เธอยังคงนั่งหาข้อมูลต่อไป ส่วนฉันที่ปฏิเสธงานนี้ก็เริ่มเปิดสารคดีดู ยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดีเอาเสียเลยเพราะต่อให้ไม่ชอบแค่ไหนฉันก็ไม่ควรทิ้งให้เธอต้องนั่งหาข้อมูลอยู่คนเดียว เราควรรับผิดชอบคู่กันไม่ควรทิ้งใครคนใดต้องทำแบบนี้ ฉันที่กำลังนั่งดูสารคดีหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยสีหน้าสงสัย "จริงจังหรอ?" เสียงงุนงงจากฉันดังขึ้นก่อนที่จะเป็นเขาที่ลุกขึ้นแล้วจัดการเก็บข้าวของต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทางตามเดิม เธอบอกว่าทำไปก็ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว งานต้องออกมาจากตชความสุขดังนั้นเราจึงควรออกไปหาความสุขให้ตัวเองเสียก่อนส่วนงานนั้นเราว่ากันอีกที เป้าหมายที่เธอจะพาฉันไปในครั้งนี้คือ "หาดรูสะมิแล" ซึ่งหลังอยู่ด้านหลังของรั้วมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ไม่ไกลมากนัก แต่ขอยอมรับเลยว่าฉันไปแค่ไม่กี่ครั้งเองทั้งที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ เหมือนมีคนเคยบอกฉันว่า.... ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งมองไม่เห็น เราจะรับรู้ความสำคัญของมันก็ต่อเมื่อกำลังจะสูญเสียมันไป สิ่งฉันอาจจะไม่ได้สูญเสียหาดนี้ไปแต่ในอีกแค่เทอมเดียวฉันก็จะต้องออกจากพื้นที่นี้ไปแล้ว แล้วหลังจากเรียนจบฉันก็คงออกไปทำงานที่อื่น ทั้งที่ 3 ปีที่อาศัยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ฉันยังเที่ยวไม่คุ้มค่าเลย ครั้งนี้ถือเป็นการเช็คลิสต์ที่เที่ยวลงในสมุดบันทึกของตัวเองอีกที่แล้วกันนะ ขอออกตัวบอกก่อนว่าหาดรูสะมิแลไม่ใช่ทะเลที่สวยงามเหมาะแก่การมาเล่นน้ำ เนื่องจากเป็นทะเลที่ไม่มีหาดและเป็นทะเลที่ใช้ทำประมง น้ำค่อนข้างจะลึก แต่มันสวยงามมากในเชิงทิวทัศน์ที่มองไปกลางทะเลแล้วเห็นเรือน้อยใหญ่แล่นไปมา ฉันกับเพื่อนจอดรถแล้วเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นปีกข้างขึ้นของทะเลที่หลบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มป่าไม้ ภาพตรงหน้าคือสันปูนที่ยื่นออกไปสู่กลางทะเล ตรงนี้ในตอนเช้ามักจะมีคนมานั่งตกปลากัน แต่สำหรับครั้งนี้เราแวะมาช่วงเย็นคนที่มาส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่มาชิล ๆ รับลมทะเล หรือไม่ก็มาถ่ายรูปสวย ๆ เพราะมุมนี้จะมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ชัดเจนมาก แถมยังสวยมากอีกด้วย แต่สำหรับเรา 2 คนคือการมานั่งโง่ ๆ มองทะเลตรงหน้าเผื่อให้ความคิดในหัวได้แล่นมากกว่านี้ หากเครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันเครื่อง ฉันคงต้องใช้ธรรมชาติในการเยียวยาตัวเอง ฉันกับเพื่อนที่มาถึงก็นั่งลงบนสันปูนที่ไม่ได้ไกลออกไปมากนัก มาถึงตอนนี้คงต้องบอกบางอย่างแล้วละ คือ.......ฉันเป็นคนกลัวความสูง กลัวมาก ๆ ตอนที่เพื่อนชวนเดินไปกลางทะเลฉันไม่รอช้าที่จะปฏิเสธเธอ และเลือกที่จะนั่งลงปล่อยให้เธอเดินไปคนเดียว เพราะแค่ตรงนี้ที่ความสูงจากที่ฉันนั่งอยู่ถึงข้างล่างที่เป็นทรายก็ราว ๆ 1 เมตรครึ่ง ซึ่งมันก็ไม่ได้สูงอะไรมาก แต่สำหรับคนกลัวความสูงแล้วละก็คิดหนักไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อเพื่อนที่เดินไปรับลมกลางทะเลกลับมาเธอก็มานั่งอยู่ข้างหลังของฉัน ตอนนี้เราสองคนนั่งหันหลังให้กันโดยไม่มีแม้แต่บทสนทนาใด ๆ เกินขึ้นเป็นเวลาราว 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ที่ฉันและเธอนั่งโดยไม่ได้เปล่งเสียงพูดคุย เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนได้นั่งทบทวนตัวเองอยู่กับเสียงคลื่นและลมทะเลที่ตีกระทบหน้า เป็นช่วงเวลาที่พูดได้เต็มที่จริง ๆ ว่าทะเล แสงแดด เสียงคลื่น ช่วยเยียวยา และต่อเติมส่วนพุพังในใจให้ฟูฟุ้งขึ้นอีกครั้ง และอีกอย่างคือ......คนข้าง ๆ ที่แม้ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวเลยสักครั้ง ขอบคุณนะที่พามาที่นี่ครั้งนี้ มาถ่ายรูปให้ เมื่อพระอาทิตย์ใกล้ตกดินฉันที่หันหลังอยู่ก็ค่อย ๆ หันไปหาเธอและนั้นก็เป็นบทสนทนาแรกของเราในเวลาราว 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ฉันได้มองเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ของทะเลที่อยู่ใกล้ตัวแต่ไม่เคยมาสัมผัสแบบใกล้ชิดขนาดนี้ ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของฉันทที่ดีมาก ๆ และมันดีมากขึ้นไปอีกที่ข้าง ๆ ฉันมีเธอเพื่อนที่คอยเคียงข้างฉันตลอดมา ขอบคุณนะที่พาฉันมาเจอกับคลื่นทะเล รับลมเย็น ๆ พลางได้ดูพระอาทิตย์ตกดินอีก ร่างกายที่เบื่อหน่ายเต็มทนก็เหมือนได้ถูกชาร์ตพลังจนเต็มพร้อมจะกลับไปลุยสู้กับยัยวิจัยตวร้ายอีกครั้ง วันนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วฉันขอตัวกลับก่อนนะเดี๋ยวจะค่ำไปกว่านี้จะอันตรายเอาได้ หวังว่าทุกคนจะได้แวะเวียนมาที่หาดรูสะมิแลกันนะ ถ้าหากแวะมาปัตตานีก็ลองแวะเข้ามาชื่นชมแล้วคุณจะเหมือนได้ถูกชาร์ตพลังในหัวใจจนพองโตเลยละ ปัตตานียินดีต้อนรับนะคะ