โกลก-ตากใบในหนึ่งวัน แม้จะเป็นคนสามจังหวัดแต่ก็ไม่เคยได้ไปเยือนสุไหงโกลกเลยสักครั้ง สุไหงโกลกเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส มีตัวเมืองขนาดใหญ่และมีความเจริญกว่าตัวจังหวัดมาก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้ตอนล่าง มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย จึงรู้สึกว่าควรจะไปให้ได้สักครั้ง ดังนั้นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของเราแล้ว หาข้อมูลนิดหน่อย จากนั้นก็พาใจไปล้วน ๆ วันนี้ตื่นเช้าตรู่มาขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟยะลาเพื่อไปสถานีสุไหงโกลก และเช้า ๆ อย่างนี้อากาศหนาวมาก หมอกหนาตลอดข้างทาง ฟินไปหนาวไป แต่ก็มีความสุขดี ผ่านไปหลายชั่วโมงก็มาถึงสถานีรถไฟสุไหงโกลกสักที รู้สึกตื่นเต้นมาก แปลกที่แปลกผู้คน ที่นี่มีทั้งคนไทยและคนมาเลเซีย การคมนาคมจึงคึกคัก และค่าครองชีพก็จะสูงนิดหนึ่ง สถานีรถไฟสุไหงโกลกเป็นสถานีสุดเส้นทางรถไฟสายใต้ วันนี้เป็นวันเสาร์ผู้คนจึงคึกคัก แต่ก็สนุกดี เมื่อเดินออกจากสถานีจะเจอกับเหล่าพี่วินมาถามว่าจะไปไหน ส่วนเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าอยากมาสุไหงโกลก จึงเลือกที่จะเลี่ยงออกมาแล้วเดินสำรวจเมืองดีกว่า เมื่อเจอร้านอาหารจึงนึกได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้าจึงแวะเติมพลังก่อน เมนูแนะนำคือข้าวยำกับชาร้อน ด้วยความที่ชอบกินข้าวยำ จึงอยากมาลองกินข้าวยำของคนที่นี่ว่ารสชาติเป็นยังไง จะแตกต่างหรือเหมือนกับข้าวยำที่อื่น ๆ หรือเปล่า การพิสูจน์จึงเกิดขึ้น เมื่อเติมพลังเสร็จก็เดินรอบเมืองต่อ และได้ข้อสรุปว่าข้าวยำที่นี่มีส่วนประกอบแตกต่างกันไป รสชาติไม่เหมือนที่กินปกติ แต่เมื่อได้กินก็หมดจานอยู่ดี จากนั้นเดินไปเรื่อย ๆ เจอสิ่งที่น่าสนใจก็แวะถ่ายรูป การมาคนเดียวไม่เศร้าเท่าไม่มีใครถ่ายรูปให้ ต้องตั้งกล้องถ่ายเองตลอด แต่ก็สนุกสนานไปอีกแบบ เดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับสวนสาธารณะ ซึ่งร่มรื่นและสงบมาก เช้า ๆ อย่างนี้ไม่มีผู้คนสามารถนั่งนาน ๆ ได้เท่าที่ต้องการ นั่งเล่นกล้องถ่ายรูปจนพอใจ เมื่อเหนื่อยก็หยุดไปเอง นั่งอ่านหนังสือไปสักพักจนรู้สึกว่าความง่วงจะครอบงำก็ต้องรีบลุกขึ้นเพื่อไปกันต่อ เดินไปเรื่อย ๆ ก็สวนทางกับรถสองแถวโกลก-ตากใบ ความคิดแรกที่แวบเข้ามาคือตากใบเราก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เพราะถือเป็นพื้นที่สีแดง คิดได้ดังนั้นก็โบกรถขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหนกว่าจะถึงแล้วจะกลับมาทันรถไฟขบวนสุดท้ายเพื่อกลับยะลาหรือเปล่า จึงทำให้การเดินทางไปตากใบนั้นตื่นเต้นและชวนเสียว ๆ เล็กน้อย และแล้วเราก็มาถึงตากใบในที่สุด โดยลงสุดทางของรถสองแถว จากนั้นจะเจอกับท่าเรือที่เป็นเขตแดนระหว่างประเทศมาเลเซีย สามารถขึ้นเรือข้ามประเทศไปได้ บริเวณนั้นก็จะมีร้านค้าขายของมากมาย ของขายเยอะมากจริง ๆ ร้านอาหารก็เยอะ เจอทั้งคนไทยและคนมาเลเซียเต็มไปหมด เมื่อเดินจนสุดทางก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถสองแถวอีกครั้ง แต่เป้าหมายครั้งนี้เป็นสะพานคอยร้อยปี เป็นสถานที่ถ้ามาตากใบแล้วก็ต้องมาแวะที่นี่ให้ได้ สะพานคอยร้อยปีมีความยาว 345 เมตร สร้างสะพานปูนแข็งแรงและสวยงามทอดยาวขนาบไปกับสะพานไม้อันเก่า เป็นเส้นทางหลักในการสัญจรของชาวบ้าน ในเวลานี้แม้แดดจะร้อนเปรี้ยงแค่ไหนก็ไม่สามารถหยุดการเก็บภาพนี้ได้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเดินไปให้สุดสะพาน อยากรู้ว่าปลายทางจะมีอะไรน่าสนใจอีกหรือเปล่า แต่ด้วยความที่อากาศร้อนและเวลาที่มีจำกัด จึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไว้ก่อน แล้วออกมารอรถสองแถวที่ถนนเพื่อกลับสุไหงโกลกกันต่อ เมื่อกลับมาถึงโกลกก็รีบไปซื้อตั๋วรถไฟเพื่อกลับยะลาและโชคดีที่ทันรถไฟขบวนสุดท้ายพอดี และแล้วก็กลับมาถึงยะลาโดยสวัสดิภาพ ตลอดทางบนรถไฟคือหลับสนิท หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ คงจะเพลียกับวันนี้ทั้งวัน แม้จะเหนื่อยจะเพลีย แต่กลับสนุกและอยากให้มีแบบนี้อีก การเที่ยวคนเดียวแม้จะอันตรายแต่ตัวเรานี่แหละที่ต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก การเดินทางคนเดียวไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ลองออกเดินทางสักครั้งแล้วครั้งต่อ ๆ ไปก็จะเกิดขึ้นอีกเรื่อย ๆ (ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน)