สวัสดีค่ะทุกคน มาพบกันอีกครั้งแล้วนะคะ บอกเลยว่าวันนี้มีเรื่องเด็ด ๆ ของเห็ดมาฝาก และเห็ดที่ว่านั้นก็ไม่ใช่เห็ดทั่ว ๆ ไป เพราะมันเห็ดคือ เห็ดเสม็ด เสร็จทุกราย... เดี๋ยวก่อน! รู้นะว่าคิดอะไรอยู่? ถ้าทุกคนอยากทำความรู้จักกับเจ้าเห็ดเสม็ดกันแล้วก็ตามมานะคะรับรองเลยว่าเสร็จทุกรายจริง ๆ ฮ่า ๆ :-) เห็ดเสม็ด คือชื่อของเห็ดที่งอกขึ้นมาเองตามธรรมชาติซึ่งอยู่ในป่าเสม็ดนั่นเองและเห็ดเสม็ดนั้นเป็นเห็ดพื้นถิ่นของทางภาคใต้นะคะ แต่ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ นะ จะต้องรอให้ฝนตกลงมาซะก่อนเจ้าเห็ดเสม็ดจึงจะงอก รูปร่างลักษณะของดอกเห็ดเสม็ด ดอกที่พึ่งงอกก็จะดูหัวกลม ๆ หน่อย ดอกที่โตแล้วก็จะบานออกแบบแบนกลม ผิวลื่น มีรสค่อนข้างขม แต่นิยมหามารับประทานหรือจำหน่ายกันมากเลยนะคะ ช่วงที่มีเยอะ ๆ ราคาจะประมาณกิโลกรัมละ 100-150 บาท ถ้าช่วงไหนหายากหน่อยราคาก็จะสูงมาก ๆ เลยล่ะ ขั้นตอนการทำความสะอาดเห็ดเสม็ด อย่าลืมว่าเห็ดงอกอยู่บนดิน ฉะนั้นจะมีดิน ใบไม้ ทราย ติดมาเพียบ การทำความสะอาดจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ สามารถทำได้ดังนี้ 1. ตัดรากเห็ดเสม็ดออกให้เรียบร้อย 2. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เห็ดเสม็ดลงไปต้มจนสุก 3. รินน้ำร้อนออกจนหมด ใส่น้ำสะอาดลงไปให้ท่วม แล้วล้างเห็ดเสม็ดให้สะอาด 4. รินน้ำออกอีกครั้ง แล้วใส่น้ำลงไปใหม่ ล้างต่อไปอีกเรื่อย ๆ ทำแบบนี้ไปประมาณ 5-10 ครั้ง จนมั่นใจว่าเห็ดเสม็ดสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดูว่าผิวลื่น ๆ เกลี้ยง ๆ แล้วก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ 5. ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปประกอบอาหารต่อไป หากเห็ดเสม็ดมีจำนวนมาก สามารถแช่น้ำเอาไว้ได้ แต่ต้องเปลี่ยนน้ำวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อไม่ให้เห็ดเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หมายเหตุ : ห้ามล้างเห็ดเสม็ดสดในน้ำโดยตรงเพราะเนื้อเห็ดจะเปื่อย (ต้องต้มก่อน) เห็ดเสม็ด สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น แกงกะทิเห็ดเสม็ดใบมะขาม เห็ดเสม็ดลวกจิ้ม เห็ดเสม็ดผัดน้ำมันหอย เห็ดเสม็ดผัดพริกไทยดำ เป็นต้น ด้วยรสชาติที่ออกรสขม เมื่อนำมาประกอบอาหารแล้วกลับสร้างความอร่อยได้อย่างเหลือเชื่อ ความขมที่ว่านั้นโดนกลบด้วยความอร่อยจนมิด ใครที่ได้ลองลิ้มชิมรสชาติของเห็ดเสม็ดแล้ว...เสร็จทุกรายจริง ๆ เกิดความติดใจในรสเข้ม ๆ ของตัวเห็ดและรสชาติที่ตัดกันลงตัวในแต่ละเมนู คุณประโยชน์ของเห็ดเสม็ด เห็ดเสม็ดมีโปรตีนสูง มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบขับถ่ายในร่างกาย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ภาพประกอบบทความโดย : @เพียงความ_ว่างเปล่า (ผู้เขียน)