เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงโบราณคดีในจังหวัดนราธิวาส ทุกคนจะนึกถึงสถานที่ใดบ้าง ? หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเเละเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกนั่นก็คือ มัสยิด 300 ปี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "มัสยิดตะโละมาเนาะ วาดิอัลฮูเซ็น" เหตุผลที่ชาวบ้านเรียกว่า มัสยิดนี้ว่า "มัสยิดตะโละมาเนาะ" ก็เพราะว่าในสมัยก่อนชุมชนเเห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ช่องภูเขา ภาษามลายูเรียกว่า "ตะโละ" เเละในเขตพื้นที่ช่องภูเขาเเห่งนี้มีต้นไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "มาเนาะ" จึงเป็นที่มาของชื่อ "มัสยิดตะโละมาเนาะ" เรียกกันมาตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมี "เชคฮูเซ็น" หลานของ "เชคดาวุด อัลฟาตอนี" เป็นผู้บุกเบิกมัสยิดเเห่งนี้ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน... มัสยิดเเห่งนี้มีอายุนานถึง 390 ปีเเล้ว มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม การก่อสร้างต่างจากมัสยิดทั่ว ๆ ไป เป็นอาคาร 2 หลังติดต่อกัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหมด "ลักษณะอาคารคล้าย ๆ บ้านเรือนของคนสมัยก่อนเเละสมัยนี้ไม้ตะเคียนหาดูได้ยากมาก" ลักษณะการสร้างจะใช้ภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนโดยมีจุดเด่นอยู่ที่ไม่ใช้ตะปูเเต่จะใช้ไม้เเกะสลักเเทนตะปูในการยึด ซึ่งมีความละเอียดเเละคงทนมาก ในส่วนของหลังคามัสยิด เเต่ก่อนจะสร้างด้วยใบลาน เเต่ปัจจุบันเปลี่ยนจากใบลานเป็นกระเบื้องดินเผา ในส่วนของรูปทรงจะออกเเบบอาคารผสมกันระหว่างศิลปะมลายู ไทย เเละจีน ซึ่งออกเเบบได้อย่างลงตัว มีประตู หน้าต่างเยอะ เเละยังมีช่องลมเเกะสลักเป็นรูปใบไม้ ดอกไม้ ลายฉลุต่าง ๆ มีความละเอียด อ่อนช้อย สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของคนในสมัยก่อน "เมื่อเข้าไปภายในมัสยิดรู้สึกถึงความปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี จึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า มัสยิดเเห่งนี้คือศูนย์รวมเเห่งศรัทธาของมุสลิมในพื้นที่ เเละกลายเป็นเเหล่งท่องเที่ยวในชุมชนที่สำคัญ" ปัจจุบันมัสยิดเเห่งนี้อยู่ในความดูเเลของโตะอีหม่าม รัมลี ตะโละดิง โตะอีหม่ามประจำมัสยิดตะโละมาเนาะ ใครที่ต้องการจะเข้ามาเยี่ยมชมมัสยิดเเห่งนี้จะต้องได้รับอนุญาตจากโตะอีหม่ามก่อน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน... "มัสยิดเเห่งนี้เป็นสถานที่เก็บอัลกุรอ่านที่เขียนด้วยมือเปล่า จากเชคฮูเซ็น ท่านเป็นทั้งผู้เขียนเเละผู้ที่ท่องจำอัลกุรอ่านได้ทั้งเล่มอีกด้วย" จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าคนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นผู้เก็บรักษาอัลกุรอ่านเล่มนี้เล่าว่า อัลกุรอ่านเล่มนี้มีความสำคัญต่อผู้คนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นหลักฐานชิ้นเดียวจากเชคฮูเซ็นที่สืบทอดให้คนรุ่นหลังรู้ว่า ท่านเคยอยู่ ณ.ชุมชนเเห่งนี้ มีหลายประเทศต้องการจะซื้ออัลกุรอ่านเล่มนี้ อย่างเช่นคนรวยในบรูไน เขาต้องการซื้อไปเก็บไว้ที่บ้านของเขา โดยเสนอว่าจะให้เงิน 5,000 บาท/เดือนเเก่ผู้ที่ดูเเล ประเทศซาอุดิอาราเบียก็เสนอซื้อมูลค่า 13 ล้านบาท ส่วนทางรัฐบาลก็ขอนำไปตั้งที่พิพิธภัณฑ์ เเต่ทางเราก็ยึดมั่นคำเดิมว่า "ไม่ให้" อัลกุรอ่านเล่มนี้ใช้ระยะเวลา 30 ปีในการเขียนจนจบทั้งเล่ม ใช้ปากกาที่ทำมาจากลำต้นของต้นไม้ ใช้หมึกซึมที่ทำมาจากผลไม้ ส่วนกระดาษนั้นผลิตเองทั้งหมด ภาพถ่ายโดยผู้เขียน... ปัจจุบันมัสยิดเเห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของผู้คนที่นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนมากเเล้ววันสำคัญ ๆ ทางศาสนา ผู้คนก็จะมาเที่ยวที่นี่ สุดท้ายนี้เราก็ต้องไม่ลืมที่จะขอบคุณชาวบ้านลุโบ๊ะสาวอ ที่ช่วยกันดูเเลมัสยิดเเห่งนี้ตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ตั้ง : หมู่ 1 บ้านตะโละมาเนาะ ตำบลลุโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส "ขอบคุณค่ะ"