ถ้าใครเคยมีโอกาสไปเที่ยวที่วัดพระธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช หรือถ้าเป็นคนท้องถิ่นจะเรียกว่า วัดพระธาตุ หากสังเกตตรงข้ามวัดพระธาตุเราจะเห็นบ้านไม้เรือนไทยอยู่หลังหนึ่ง นั่นคือ บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ นั่นเอง ผู้เขียนมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนบ้านหลังนี้ จึงนำมาแบ่งปันความสวยงามกันค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปดูความสวยงามของบ้านเรามาดูประวัติหรือรายละเอียดคร่าว ๆ ของบ้านหลังนี้กันก่อนนะคะ จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปในตัว บ้านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ตั้งอยู่ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ใกล้กับวัดพระธาตุ อยู่ในพื้นที่เดียว กับร้านกาแฟไทชิ อาคารเรือนปั้นหยาอายุกว่า 108 ปีหลังนี้ สร้างขึ้นโดยนายเขียน มาลยานนท์ ซึ่งได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็น "ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์" นายอำเภอเมืองกลาย ซึ่งต่อมาได้ใช้บ้านและที่ดินเปิดเป็นโรงเรียนรัฐวุฒิวิทยาและเปลี่ยน ชื่อเป็นโรงเรียนนครวิทยาในที่สุด เมื่อปีพ.ศ. 2482 ทว่าหลังจากนั้นได้ปิดตัวลงเมื่อปี พ.ศ. 2529 และต่อมาในภายหลังนายสำราญ ตรีสัตยพันธุ์ ทายาทของขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ได้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงบ้านหลังนี้อีกครั้ง ฟื้นฟูสู่สภาพที่สวยงามพร้อมกับเปิดเป็น สถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เยี่ยมชมและศึกษาสำหรับผู้ที่มีความสนใจอย่างแท้จริง โดยบ้านขุนรัฐวุฒิได้รางวัล อาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม ดีเด่น ปี 2556 โดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ บ้านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ เปิดให้บริการเข้าชมฟรี จันทร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ที่มา : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ป้ายหน้าบ้าน เมื่อเข้าถึงสิ่งแรกที่เราจะเห็น คือ ความร่มรื่นของต้นไม้รอบ ๆ บริเวณบ้าน ตรงบริเวณทางเข้าจะมีป้ายบอกสถานที่ เพื่อสำหรับไว้ถ่ายรูป ซึ่งเราจะสังเกตว่ามีคนมาถ่ายรูปเป็นระยะ ๆ และส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต่างถิ่นมากกว่าคนท้องถิ่นค่ะ ตรงนี้จะเป็นทางเดินอีกด้านที่ดูสวยงามไปอีกแบบ มาถึงตรงบันไดบ้านเราจะเห็นรูปปั้นทักทายที่น่ารัก ด้านซ้ายมือจะเป็นป้ายชื่อเจ้าของบ้าน ดอกไม้ไทย ๆ ที่จัดไว้ในแจกัน และน้ำลอยดอกไม้ที่วางไว้บนโต๊ะ เมื่อเดินขึ้นไปบนตัวบ้านสิ่งที่สะดุดตามาก่อนเลยคือ ดอกปีปที่จัดใส่ไว้ในแจกัน และน้ำที่ลอยดอกราตรีสวรรค์ไว้บนโต๊ะนั้น ทำให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ สะดุดจมูกยิ่งนัก เหมือนคนสมัยโบราณที่นิยมใช้น้ำลอยดอกไม้วางไว้บริเวณต่าง ๆ ของตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนหรือห้องรับแขก ซึ่งส่วนนี้ผู้เขียนหลงใหลในกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยอยู่แล้วทำให้ชอบมากเป็นพิเศษด้านในตัวบ้าน ตัวบ้านนั้นยังคงสภาพเดิมไว้ทั้งหมด ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็เก็บไว้สภาพเดิม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับเงิน เข็มขัด ผู้เขียนถ่ายรูปมาแต่พอมาดูไม่ชัดซะนี่ น่าเสียดายยิ่งนัก เพราะมีของใช้และเครื่องประดับโบราณบางส่วนด้วย ยิ่งเดินเข้าไปบริเวณด้านในที่มีที่กั้นไว้ ไม่สามารถเข้าได้ ให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าของบ้านกำลังจ้องมองมายังผู้มาเยือน สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างคือ ภาพที่ฝาผนังที่ติดไว้ ทำให้นึกถึงบ้านคุณยายของผู้เขียนสมัยก่อนที่จะนิยมติดรูปไว้แบบนี้ เดินไปเรื่อย ๆ ก็มานั่งพักลงตรงเก้าอี้ ก็เหลือบไปเห็นหมอนอิงที่มีรูปวัดพระธาตุอยู่ และในส่วนของบนโต๊ะก็มีสมุดสำหรับผู้มาเยียมได้ลงชื่อประทับลายเซ็นไว้ ผู้เขียนก็ไม่รอช้า ประทับลายเซ็นไว้เรียบร้อย มีโอกาสแอบอ่านผู้มาเยี่ยมคนก่อน ๆ จึงทำให้ทราบว่ามีทีมกองละครของช่องเจ็ดสี ได้มาใช้บ้านหลังนี้ในการถ่ายทำละครด้วย เดินลงมาด้านล่าง ตรงบริเวณใต้ถุนบ้านเย็นสบายมาก มีโต๊ะวางไว้ให้นั่งพักผ่อน บริเวณบ้านนอกจากจะประดับด้วยต้นไม้ดอกไม้แล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ รูปปั้นเด็ก ที่ปั้นออกมาราวกับมีชีวิต บริเวณรอบ ๆ บ้านจะมีดอกไม้หลากหลายพันธุ์ให้เลือกชม มุมบนของตัวบ้านที่ถ่ายมากระทบกับแสงอาทิตย์ก็ได้บรรยากาศสวย ๆ อีกแบบ ตรงนี้จะเป็นทางเดินไปห้องน้ำ ที่ประดับด้วยรูปปั้นเด็ก เรียงรายเป็นแถว หลังถ่ายรูปกันได้สักพัก ก็ได้เวลาร่ำลา และเดินทางกลับ กลิ่นหอมของดอกไม้และความสวยงามของบ้านไม้ทำให้อยากได้บ้านแบบนี้ขึ้นมาสักหลังเชียว Photo by Angel Angel