อื่นๆ

เดลิเวอรี่ หลอน

137
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เดลิเวอรี่ หลอน

เรื่องที่ผมจะเล่าในวันนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมต้องขับรถไปส่งอาหารที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นเวลาดึกแล้ว แต่ผมก็ยังทำงานอยู่ อย่างที่ผมบอกว่ายิ่งทำก็ยิ่งได้เงินเยอะ ถ้าขยันซะอย่างยังไงซะก็ไม่อดตาย แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นหลังจากที่ผมกดรับออเดอร์หนึ่ง เพราะร้านอาหารที่ต้องไปรับกับที่อยู่ของลูกค้าค่อนข้างไกลกัน (ปกติผมไม่เคยผ่านเส้นทางนั้นมาก่อน) จึงได้แต่วิ่งไปตามที่ GPS บอก
หนทางนอกเมืองเริ่มเปรี่ยวและมืดลงตามลำดับ ตึกรามบ้านช่องต่างๆของคนแถวนี้ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว  จนเมื่อผมขี่มาถึงหน้าหมู่บ้านพบกับป้อมยามเหงาๆอยู่ป้อมหนึ่งที่ภายในนั้นไม่มีการใช้งานแล้ว หลายๆหมู่บ้านก็กลายเป็นแบบนี้เสมอ ในอดีตอาจจะเคยรุ่งเรือง แต่ปัจจุบันก็ดูซบเซาและหงอยเหงามาก  ผมเช็คที่อยู่ดูอีกทีในมือถือโดย GPS บอกหนทางและซอยต่างๆอย่างละเอียด  ผมจึงขี่รถไปตามถนนได้ไม่ยากนัก
ข้อสังเกตของหมู่บ้านนี้ก็คือ  หมู่บ้านนี้กว้างใหญ่มาก แบ่งเป็นซอกซอยซ้ายทีขวาที  บ้านบางหลังก็ยังสร้างไม่เสร็จ  ผู้คนส่วนใหญ่ก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว  ดูๆไปก็น่าขนลุกเหมือนกัน  จนเมื่อผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของลูกค้า  ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน แยกออกมาในซอยตันแห่งนี้  ทางซ้ายทั้งขวามีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง  แต่ละหลังก็ปิดไฟมืดหมดแล้ว  ผมแจ้งเตือนลูกค้าว่าตอนนี้มาถึงแล้ว  ครู่ต่อมาลูกค้าคนนี้ก็ตอบกลับมาว่า  ให้แขวนอาหารไว้ที่หน้าประตูได้เลยamazingthaisea.com
มันดูแปลกมาก  ผมจึงพิมพ์ถามกลับว่าลูกค้าไม่เช็คสินค้าหน่อยหรือ  แต่เขาก็ตอบกลับมาว่า  ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ เเค่แขวนไว้ที่ประตูรั้วก็พอ
เอาไงก็เอากัน  ยังไงลูกค้าคนนี้ก็ตัดเงินผ่านบัตรเครดิตอยู่แล้ว  ถ้าเขาต้องการให้นำอาหารไว้ตรงไหนก็ต้องตามใจเขา  ผมจึงเดินสะพายกล่องอาหารไปที่บ้านหลังนั้น  แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าบ้านหลังนี้  มีถุงอาหารมากมายแขวนอยู่ที่ประตูรั้ว  กองขยะที่พื้นมีทั้งถุงพลาสติกและกล่องโฟมมากมายกองอยู่ที่พื้นเต็มไปหมด  เหมือนว่าคนที่กินอาหารแกะกินแล้วทิ้งไว้ตรงนี้  บางส่วนก็เน่าส่งกลิ่นเหม็น
ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ กลางบ้านในส่วนของโรงจอดรถ มีชุดเก้าอี้ม้าหินอ่อนตั้งไว้และบนโต๊ะนั้นก็มีกระถางธูปปักอยู่  อีกทั้งบ้านหลังนี้ยังคล้องโซ่กุญแจจากภายนอก  ซึ่งก็ไม่น่าจะมีใครอยู่จริงๆ  ดูไปแล้วก็แปลกพิลึก
ผมรีบพิมพ์ถาม  เพื่อยืนยันบ้านเลขที่ (ที่จริงอยากจะถามว่าทำไมบ้านรกขนาดนี้  แต่อาชีพของผมคงจะพูดแบบนั้นไม่ได้)  สักพักเขาก็พิมพ์กลับมายืนยัน ว่าบ้านเลขที่นี้แน่นอนให้วางอาหารไว้แล้วไปได้เลย  ผมจึงรีบแขวนถุงอาหารไว้ตามที่เขาต้องการ  จากนั้นก็รีบกลับมาที่รถ  จู่ๆก็มีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น ตะโกนเรียกผมมาจากบ้านฝั่งตรงข้าม  พอหันไปมองพบว่าเป็นลุงคนหนึ่ง  แกถามผมว่ามาทำอะไรดึกๆดื่นๆแถวนี้amazingthaisea.com
ผมจึงเดินไปหาแก  ผมบอกกับลุงว่าผมนำอาหารมาส่งให้คนที่บ้านหลังนั้น  แต่เจ้าของไม่อยู่ให้ผมไปเอาไว้  มาลงแกได้ฟังผมพูด  ลุงแกก็ชมผมด้วยว่าขยันจริงๆ  จากนั้นแกก็พูดในสิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจ
ลุงแกบอกว่า  มาส่งอาหารให้ผีในบ้านหลังนั้นอีกแล้วสินะ  ผมใจหายวาบ  คิดไม่ถึงว่าลุงจะพูดประโยคนี้  จนผมต้องถามซ้ำว่าลุงพูดอะไรเมื่อสักครู่
ลุงแกจึงบอกว่าบ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่มานานแล้ว  เจ้าของบ้านตายกันไปหมดแล้วทั้งหลังเลย  ผมจึงบอกลุงแกว่ามีคนให้ผมนำอาหารมาส่งที่นี่จริงๆ  ลุงแกก็เลยบอกว่าน่าจะเป็นลูกชายของเจ้าของบ้านที่ทำงานอยู่ที่จังหวัดอื่น แล้วมักจะสั่งอาหารมาเซ่นพ่อแม่พี่น้องเป็นประจำ นานๆครั้งจะมาทำความสะอาดสักทีช่วงตอนกลางวัน
ผมขาอ่อนขนลุกซู่ตอนฝังลุงอธิบาย  จากนั้นลุงก็พูดขึ้นมาว่า  ตอนนี้พี่อยู่ในบ้านหลังนั้นก็กำลังกินอาหารอยู่  ลุงแกไม่พูดเปล่า พลางมองข้ามไหล่ผมไปยังบ้านหลังนั้น  ผมยืนเกร็งตัวสั่นไม่กล้าหันไปมองแบบลุง  แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีเสียงของอะไรสักอย่างกำลังแย่งกันฉีกถุงอาหาร และกินส่งเสียงดังมาถึงตรงนี้
ผมถามลุงว่าตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดี  ลุงแกก็บอกง่ายๆว่าให้กลับบ้าน  ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งรีบยกมือไหว้ขอบพระคุณคุณลุง  ที่ลงช่วยเตือนสติ  จากนั้นก็กระโดดควบรถใส่หมวกกันน็อคแล้วสตาร์ทรถ  แต่ลุงก็ตะโกนกลับมาว่าอย่ารีบนะเดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
คิดๆไป ลุงแกก็ดีใจหาย อีกทั้งยังน่าสงสาร ที่ต้องมาอยู่บ้านตรงข้ามกับบ้านผี  จนเมื่อผมหันไปไหว้ขอบคุณลุงอีกครั้ง  ลุงแกก็พูดขึ้นมาว่า  ถ้าครั้งหน้ามาส่งที่บ้านผีอีกก็ช่วยหยิบของติดไม้ติดมือมาฝากลุงบ้าง เพราะลูกหลานไม่ทำบุญมาให้นานแล้ว
ผมขนหัวลุกอีกรอบ  หันไปมองลุงทันที และสภาพของลุงตอนนี้ผอมจนหนังติดกระดูก ตาลึกกลวงโบ๋ ไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ชัดๆ  แต่นี่ไม่ใช่ซอมบี้ นี่คือผีลุงอย่างแน่นอน
ส่วนที่บ้านหลังนั้นของลูกค้า ก็มีอะไรบางอย่างกำลังเขย่าและขยับประตูลูกกลอนเหมือนพยายามจะออกมาให้ได้ ซึ่งทันทีที่ผมหันไป ก็เห็นเงาดำสี่เงา ดวงตาส่องสว่างสะท้อนกับแสงจันทร์ในตอนนี้ และเงาพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นพ่อแม่ลูกเหมือนที่ลุงแกบอก แต่ปัญหาก็คือเงาทุกเงาไม่มีขาamazingthaisea.com
ผมจึงบิดหนีออกมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วไม่กล้าหันกลับไปมองบ้านหลังนั้นอีก
หลายวันต่อมา จึงรู้จากพี่ๆที่ทำงานแบบเดียวกัน ที่เล่าให้ผมฟังว่าบ้านหลังนั้นไม่มีใครก็รับออเดอร์กันสักคน  คนแถวนี้เขารู้จักกันดี

Advertisement

Advertisement


ภาพ : pantip.com และ amazingthaisea.com

ตกแต่งภาพปกโดย :  ผู้เขียน

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์