ช่วงนี้จังหวัดนครศรีธรรมราชน่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่หลาย ๆ คนปักหมุดไว้ว่าจะต้องไปเยือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปขอพรกับไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอสิชล แต่หนึ่งในสถานที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ห้ามพลาดหลังจากที่ไปขอพรไอ้ไข่ และควรที่จะไปสักการะสักครั้ง คือ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช ซึ่งจากวัดเจดีย์ อำเภอสิชล มายังตัวเมืองนครศรีธรรมราชนั้นไม่ไกลเลย แค่ประมาณ 70 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชั้นวรมหาวิหาร เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ และเป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นสถูปขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเป็นแห่งแรกบนคาบสมุทรมลายู ที่เปลี่ยนจากจากสถูปเจดีย์ที่เห็นกันทั่้วไปในแถบนี้คือแบบศรีวิชัย มาเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ บริเวณปลียอดของพระมหาเจดีย์ หุ้มด้วยจารึกแผ่นทองคำ 40 แผ่น น้ำหนักรวมกว่าสี่พันกรัม แต่ความอัศจรรย์ของพระบรมธาตุเจดีย์แห่งนี้ก็คือ พระมหาเจดีย์จะไม่ทอดเงาลงพื้นดิน ไม่ว่าแสงแดดจะส่องกระทบด้านไหนขององค์พระมหาเจดีย์ จึงเป็นที่มาของชื่อ “พระธาตุไร้เงา” วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดพระบรมธาตุ อยู่ภายในเขตกำแพงเมืองโบราณ บนถนนราชดำเนินซึ่งเป็นถนนสายหลักของตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีซุ้มประตูทางเข้าทั้งด้านหน้าและด้านหลังของวัด แบ่งเป็นเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาส ประวัติการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์องค์เดิมนั้นสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 854 ในแบบศรีวิชัย เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ในปี พ.ศ. 1719 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้สร้างเมืองนครศรีธรรมราช ได้บูรณะองค์เจดีย์ โดยสร้างองค์ใหม่ครอบทับพระบรมธาตุเจดีย์องค์เดิม และต่อมาในสมัยพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมาโศกราช ก็ได้มีการบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์อีกครั้งให้เป็นไปตามแบบทรงลังกา หรือทรงระฆังคว่ำ ชั้นบนขององค์พระเจดีย์ มีเจดีย์ทรงระฆังขนาดเล็กตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมทั้งสี่มุมรอบองค์พระเจดีย์ใหญ่ รอบฐานพระเจดีย์มีประติมากรรมช้างล้อม 22 เชือก นอกจากพระบรมธาตุเจดีย์องค์กลางแล้ว ยังมีเจดีย์องค์เล็ก ๆ ที่รายล้อมรอบอยู่รอบ ๆ พระมหาเจดีย์ ซึ่งเจดีย์เล็ก ๆ เหล่านี้เรียกว่า องค์เจดีย์บริวาร ซึ่งมีอยู่ประมาณ 150 องค์ เจดีย์บริวารนี้ เป็นเจดีย์ที่ชาวนครศรีธรรมราช สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ภายในบริเวณวัดยังมีศาสนสถานที่สำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ตัวพระอุโบสถ, วิหารหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของ พระประธาน คือ พระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช พระพุทธรูปปางมารวิชัย, วิหารธรรมศาลา, วิหารพระทรงม้า, วิหารเขียน, วิหารโพธิ์ลังกา, วิหารสามจอม เป็นต้น นอกจากนั้นยังเป็นที่รูปปั้นของเจ้าชายทนทกุมารและพระนางเหมชาลา ผู้ครองเมืองทันทบุรี ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดพระบรมธาตุเจดีย์ และพระมหาเจดีย์องค์เดิม, พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ผู้สร้างเมืองนครศรีธรรมราช และพระนางเลือดขาว, รวมถึงโบราณวัตถุที่สำคัญ ๆ เช่น พระพุทธเจ้าปางห้ามญาติ ๓ องค์ พระโมคลาน และพระสารีบุตร, พระพุทธรูป ที่ประดิษฐานอยู่ที่ฐานพระบรมธาตุเจดีย์ เนื่องจากบริเวณวัดมีขนาดใหญ่ รวม ๆ แล้วประมาณ 25 ไร่ เราควรเผื่อเวลาเดินชมอย่างน้อยสองชั่วโมง โดยวัดจะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึง 16.30 น. และสำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ บางวิหารจะเปิดให้ชมถึงเวลา 18.00 น. ภายในวัดพระบรมธาตุ งานศิลปะหลายหมู่ หลายแขนง ให้เราได้ชื่นชม ทั้งงานปูนปั้น งานแกะสลัก งานจิตรกรรมฝาผนัง ภาพเขียนบนเพดานที่เป็นลายไทยปิดทอง หลังคาช่อฟ้าใบระกา ที่สวยงามตระการตา ซึ่งควรแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ที่สำคัญคือวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาให้ขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” กับองค์การยูเนสโก้ นอกจากนี้แล้วหากเรามาเที่ยวตัวเมืองนครศรีธรรมราช ที่ท่องเที่ยวอื่นที่เราควรไปเยี่ยมเยือน เช่น เสาชิงช้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมือง ที่นี่เคยใช้ในการประกอบพิธีโล้ชิงช้า, ไม่ไกลกันก็จะเป็นที่ตั้งของกำแพงเมืองเก่า และศาลหลักเมือง ปักหมุดไว้ได้เลยสำหรับใครที่จะมาขอพรกับไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ไม่ควรพลาดวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดเก่าแก่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร #นครศรีธรรมราช #ทริปไอ้ไข่วัดเจดีย์