สวัสดีค่ะทุกคน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เวลาที่ต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆก็คงไม่มีใครกล้าไปคนเดียวใช่ไหมคะ เนื่องด้วยสาเหตุหลายๆอย่าง ไหนจะต่างถิ่น ก็กลัวจะหลง ต่างวัฒนธรรม กลัวจะงง แถมยังต้องไปเจอคนแปลกหน้าอีก จะไว้ใจได้หรือเปล่า แต่วันนี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ในแบบฉบับคนมีคู่ ก็เที่ยวแบบคนโสดได้ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อตอนกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปช่วยงานบริษัทแห่งหนึ่งที่อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ซึ่งตั้งแต่เกิดมาเราเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวจังหวัดนี้เลย คนท้องถิ่นแนะนำว่าถ้ามากระบี่ก็ต้องเที่ยวไร่เลย์ ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง ดิฉันก็ทำการบ้านและวางแผนกับสามีอย่างดิบดีว่าทริปนี้แหล่ะที่ดิฉันจะต้องสร้างความประทับใจอเมซิ่งไทยแลนด์ให้กับเขาให้ได้ แต่ผลสุดท้ายคือสามีก็บินมาหาดิฉันไม่ได้ เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ตอนนั้นเราก็เริ่มเฉาแล้วค่ะ เพราะว่าทริปที่วางแผนไว้เป็นเดือนมันต้องล่มจริงๆเหรอเนี่ย !!! ตื่นเช้ามานอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดไปคิดมา เฮ้ย โอกาสที่เราจะได้ลงมาเที่ยวใต้มันไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ ไหนจะลางาน ไหนจะค่าเดินทาง ค่าที่พักอีก เอาว่ะ ลองไปคนเดียวดู ถึงแม้จะกลัวก็ตาม และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวที่กำลังยืนงงในดงทะเลต้องพุ่งลงจากเตียง เตรียมกระเป๋า และเงินสดให้พร้อม เราจะออกเดินทางไปพร้อมกันค่ะ จากโรงแรมเราเดินไปหน้าหาดอ่าวนางแค่ 5 นาที ก็จะถึงจุดซื้อตั๋วเรือหางยาวไปหาดไร่เลย์ ไปกลับ ราคา 200 บาท เรือจะออกตลอดเมื่อมีผู้โดยสารเต็มลำ เราไปประมาณเที่ยง รอไม่ถึง 10 นาทีก็ได้ขึ้นเรือ ข้อดีคือเรือเขาไม่พยายามที่จะอัดผู้โดยสารเยอะ ลำเรามีแค่ 8 คน คือนั่งกันสบายๆไม่เบียดกัน ปล. ดิฉันเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยคนเดียวบนเรือ เรือหางยาวเนี่ยเขาจะไม่วิ่งตรงไปหาดไร่เลย์นะค่ะ เค้าจะไปแวะส่งผู้โดยสารที่เกาะแห่งหนึ่งก่อน ตอนนั้นก็มัวแต่ถ่ายรูปเลยลืมชื่อเกาะเลย หลังจากนั้นก็จะไปจอดหน้าหาดไร่เลย์ ใช้เวลาแค่ 15 นาที ต้องบอกก่อนว่ามีหลายคนเข้าใจผิดว่าไร่เลย์เป็นเกาะแต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะ ไร่เลย์เป็นหาดที่รถไม่สามารถวิ่งผ่านเข้าไปได้ เพราะด้วยทัศนียภาพของเขามีเขายื่นกั้นตัดกับหาดอื่นทำให้วิธีเดียวที่จะเข้าถึงหาดได้คือต้องนั่งเรือไป พอไปถึงบริเวณหน้าหาดจะเห็นว่ามีเรือและนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด เท่าที่ดูเราว่าเราแทบจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยคนเดียวด้วยซ้ำ หาดแรกที่เราไปถึงเรียกว่าหาดไร่เลย์ตะวันตก มีทั้งร้านค้า บาร์ และโรงแรม เรียกว่าไม่ต้องกลัวอดตาย แต่ก็อาจจะจนได้เพราะราคาก็ไม่ธรรมดา หน้าหาดตรงนี้โดยส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะคนเยอะเกิน เราพยายามเดินหาทางทะลุไปหาดพระนาง แต่หลงจ้ะ เลยไปถามแม่ค้าขายเสื่อแถวนั้น แม่ค้าก็น่ารักมากบอกทางเราไม่พอ มีการบอกเราว่าให้ไปหาซื้อหมวกใส่นะเพราะแดดมันร้อนเดี๋ยวจะเป็นลมไป แอบซึ้งเลยขนาดสามีดิฉันยังไม่ห่วงเท่าป้าเลยค่ะ T^T แล้วเราก็ต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิมซึ่งจะเจอซอยเล็กๆ เต็มไปด้วยร้านอาหาร 2 ข้างทางที่เค้าเรียกกันว่าถนนคนเดินไร่เลย์ พอเห็นอาหารเท่านั้นแหล่ะค่ะ เพื่อนตัวน้อยๆในกระเพาะของดิฉันก็ตื่น เราก็เดินดูราคาเปรียบเทียบหลายๆร้าน ไปเจอร้านนึงมี 2 ชั้น บรรยากาศน่านั่ง ราคาไม่สร้างบ้าน ก็เลยสั่งต้มยำมากินขอบอกก่อนนะค่ะว่าเวลามาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติเยอะๆแบบนี้อย่าคาดหวังกับรสชาติของอาหาร หลังจากอาหารกลางวันเรามีภารกิจฟิชโช่ตามหาถ้ำพระนางค่ะ เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอศาลาตรง 3 แยก มีแก้งค์มาเฟียลิงคุมศาลาอยู่ น้องๆค่อนข้างจะชินกับกล้องและนักท่องเที่ยว เพราะทุกตัวนั่งนิ่งมาก ตอนที่เราเดินเข้าไปมีลิงตัวนึงเดินตรงดิ่งมาขออาหารที่เรา ตรงศาลาจะมีป้ายเขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามให้อาหารลิง แต่ก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวบางคนโยนอาหารให้น้องๆกิน จุดนี้เราเห็นแล้วก็เศร้าใจ เพราะเรามีความรู้สึกว่าการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีทุกคนควรเคารพกฏกติการ่วมกัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีของสถานที่ท่องเที่ยว จากจุดนี้คือจริงๆเราต้องเลี้ยวขวาเพื่อไปหาดพระนาง ปรากฏว่าเดี๊ยนเดินผิดค่ะ เลยไปเจอกับถ้ำพระนางในตอนนั้นก็งงๆ เอ๊ะ ทำไมไม่เหมือนในรูป เอ๊ะ จำได้ว่าชื่อถ้ำพระนางเฉยๆนะ ทำไมมีในมาด้วย เลยเดินเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าอุทยานเขาก็บอกว่าคนละที่กัน แล้วก็บอกเส้นทางให้ฟัง พอเรากำลังเดินกลับเขาก็บอกว่าให้ลองเข้าไปดูไหนๆก็อุตส่าห์มาถึงแล้ว เราก็กลัวค้างคาว กลัวโควิดด้วย ก็ปฏิเสธเขาไป เจ้าหน้าที่ก็รบเร้าให้เข้าไปดู บอกว่าไม่ต้องกลัวนะ มีคนเข้าไปดูเยอะและข้างในถ้ำก็ติดไฟทางเดินไม่ได้มืดอย่างที่เรากลัว สุดท้ายดิฉันก็ทนสายตาอ้อนวอนและลูกตื้อประหนึ่งเซลขายประกันของพี่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ เลยลองเดินเข้าไปดู คือเราต้องเดินช้าๆและระวังหน่อยเพราะทางจะแคบ แต่จะมีราวจับระหว่างทางตลอด มีไฟสลัวๆ มีนักท่องเที่ยวหลงเข้ามา 3 คน เสียงค้างคาวเบาๆ บรรยากาศเหมือนในละครอาฉลองช่อง 7 นี่มันฉากผู้ร้ายไล่ลานางเอกกับพระเอกจนหลงเข้ามาในถ้ำชัดๆ หลุดจากถ้ำมาเดินไปตามทางที่เจ้าหน้าที่บอกจะเจอกับหาดไร่เลย์ตะวันออกซึ่งจุดนี้จะไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารของโรงแรม เดินไปทางขวามือสุดทาง จะเจอจุดปีนหน้าผา เดินตามทางไปเรื่อย ก็จะเจอกับถ้ำพระนางที่เราตามหา ซึ่งถ้ำพระนางตรงจุดนี้เราจะไม่สามารถเดินเข้าไปในถ้ำได้นะค่ะ ที่เราเห็นคือศาลถ้ำพระนางที่มีคนนำธูปเทียนพวงมาลัยและปลัดขิกมาสักการะเต็มไปหมด จากถ้ำพระนางเดินไปตามแนวหาดด้านขวาก็จะเป็นหาดถ้ำพระนาง โดยส่วนตัวแล้วเราชอบบรรยากาศของฝั่งนี้มากกว่าฝั่งไร่เลย์ เพราะนักท่องเที่ยวน้อยกว่า น้ำทะเลดูสวยกว่ามองไปจะเห็นเกาะเล็กๆ ซึ่งถ้าน้ำลดเราสามารถว่ายไปได้ อีกอย่างที่เราชอบมากคือตลาดอาหารเรือหางยาว บนหาดเราจะไม่เห็นหาบเร่เลย ทำให้หาดดูสะอาดตามาก เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง ขนม เครื่องดื่มทุกอย่างมีขายบนเรือหางยาว และยังมีป้ายเมนูพร้อมราคาชัดเจน อันนี้เป็นจุดที่เราประทับใจที่สุด หลังจากเดินสูดอากาศและตากแดดได้สักพัก เราก็ตัดสินใจเดินกลับค่ะ ระหว่างทางที่เดินกลับไปหาดไร่เลย์ตะวันออก เราเห็นมีทางเดินยาวไปอีกฝั่งทางซ้ายมือ ไหนๆก็มาแล้วก็เลยลองเดินไปดู เพราะเห็นมีป้ายชี้ไปว่าจุดชมวิวเดินไปสักพักเรายังไม่เจอจุดชมวิวเลยคุณ เจอแต่ร้านอาหาร อ่ะเหนื่อยแหล่ะเลยตัดสินใจเดินกลับดีกว่า แวะซื้อน้ำตาลสดสักขวด แม่ค้าก็ถามว่า อ้าว ทำไมเดินกลับมาเร็วจัง เห็นเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อตะกี้ ไม่ไปดูวิวที่ร้านกาแฟเหรอเราก็แบบว่าร้านกาแฟไหนป้า หนูเดินไปยังไม่เจอเลย ป้าแกก็บอกว่าต้องเดินไปอีก 200 เมตร ใครๆมาที่นี่ก็ต้องไปแวะชมวิว ไหนๆมาแล้วก็แวะเถอะ นั่นไงคุณ คำนี้อีกแล้ว ไหนๆก็มาแล้ว อ่ะ หนูเชื่อป้าค่ะ ลองเดินกลับไปดู ปรากฎว่าก็เจอร้านที่ป้าพูดถึงจริงๆด้วย ตรงนี้เขาเรียกว่า ทิวเลย์บาร์ สั่งเครื่องดื่มมา 1 แก้ว นั่งกินลมชมวิวเพลินๆ ดูเวลา 5 โมงเย็นแล้ว หมดเวลาสนุกแล้วสิ ตอนนี้ก็ต้องเดินๆ เดิน และ เดิน เพื่อไปให้ทันเรือรอบสุดท้าย 6 โมงเย็น เดินทางมาจนถึงจุดนี้ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมว่าเรามาทำอะไร น้ำก็ไม่เล่น แดดก็ไม่อาบ ใช่คะ เดี๊ยนกลัวดำค่ะ เดี๊ยนมาเดินชมวิวค่ะ ถ้าไม่มาเดี๊ยนก็ไม่รู้นะค่ะว่าทะเลเมืองไทยนั้นสวยขนาดนี้ ยอมรับเลยค่ะว่าน้ำทะเลใสและสีสวยมากตอนแรกก็กลัวนะค่ะ กลัวเหงาเพราะเที่ยวคนเดียว กลัวไม่ปลอดภัย แต่ความจริงที่เราเจอคือทุกคนน่ารักมากอัธยาศัยดีจนเราตกใจ ทุกๆครั้งที่เราหลงทางก็มักจะเจออะไรดีๆเสมอ เรามองย้อนกลับไปว่าถ้าวันนั้นเราไม่ตัดสินใจลุกออกจากเตียงและมาหาประสบการณ์คนเดียว เราคงพลาดอะไรดีๆหลายอย่าง สุดท้ายอย่างบอกทุกคนว่า "อย่าให้ความกลัวมาปิดกั้นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และค้นเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ถ้าไม่ก้าวออกไปคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าโลกมันกว้างแค่ไหน" เรื่องและภาพโดย: P.S. Ysr.