ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองไทยบ้านเราก็มีที่เที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายให้บรรดานักเดินทางทั้งขาลุยและสายแชะ ได้แวะเวียนไปเช็คอินกันอยู่ไม่ได้ขาดสาย แล้วเมื่อพูดถึงเมืองทางใต้อย่างจังหวัดกระบี่ หนึ่งในจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลสวยอย่าบอกใคร ที่นี่ก็มีสถานที่ที่น่าสนใจใหม่ๆ ให้ออกเปิดประสบการณ์ด้วยเช่นเดียวกัน ปกติแล้วเวลาจัดทริปมาจังหวัดกระบี่ งานดีที่นึกถึงส่วนมากก็จะเป็นการนั่งเรือไปเกาะต่างๆ เพื่อเล่นน้ำกับเหล่าปลาสวยงามและดูปะการังหลากสีสัน แต่ทริปนี้ของเราออกจะมาแปลกซักหน่อย เพราะในกระเป๋าไม่มีชุดว่ายน้ำ จะมีก็แต่ “รองเท้าผ้าใบคู่กาย” เราตั้งใจมุ่งหน้ามายังจังหวัดกระบี่ เพื่อมาทำภารกิจพิชิตสังขารตัวเอง ด้วยการเดินเท้าไปยังจุดชมวิวแห่งใหม่(ในขณะนั้น) ที่ว่ากันว่ามันช่างท้าทายคนรักความสูงเป็นอย่างยิ่ง “เขาหงอนนาค” ที่ตั้งอยู่ในตำบลหนองทะเล ของอำเภอเมือง ในจังหวัดกระบี่ กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราเลยอยากไปสัมผัสด้วยตาและขาของตัวเอง ว่ามันจะสวยงามซักแค่ไหน หลักจากเข้ามาในพื้นที่ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดทับแขก เราก็เดินมุ่งหน้าตรงไปลงชื่อกับทางเจ้าหน้า ซึ่ง ณ ขนาดนั้นเป็นเวลา 10.30 น. ก่อนที่จะเริ่มต้นเดินเท้าขึ้นไปด้วยความมุ่งมั่น เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป รอบตัวยังไม่เห็นวิวอะไรนอกจากป่า และเส้นทางบางจุดที่ต้องใช้มือยึดรากไม้เพื่อให้สามารถปีนป่ายขึ้นไปให้สามารถเดินทางต่อได้ เราได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า “เอาน่า อีกไม่ไกลคงได้เห็นอะไรบ้าง” ท่ามกลางนักท่องเที่ยวบางคนที่เดินสวนลงมา แล้วเราก็ถามกลับไปว่า “อีกไกลมั้ยคะ” คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาเบลออยู่พักนึง “ยังไม่ถึงครึ่งทางเลยค่ะ” เราเริ่มสติแตกนิดหน่อยเพราะความร้อนและล้า ในกระเป๋าสะพายหลังใบเล็กมีเพียงน้ำดื่มขวดเดียว และไม่มีอะไรอีกเลย แม้แต่ลูกอม! จนกระทั่งเดินมาถึงครึ่งทาง เราจึงหยุดพักจิบน้ำก่อนจะตัดสินใจว่า จะเอายังไงกันต่อ ในเวลานั้นก็มีต่างชาติคู่นึงซึ่งเดินนำหน้าพวกเรามาสักพัก เมื่อมาได้เพียงครึ่งทาง พวกเขาตัดสินใจหันหลังกลับ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้เราเสียขวัญนิดๆ เพราะเส้นทางเบื้องหน้าในเวลานี้มองไปไม่มีใคร ในขณะที่เบื้องหลังก็ไร้วี่แววผู้คน เราได้แต่ทำใจให้นิ่งเรามองดูทัศนียภาพเบื้องหน้าก่อนจะถามตัวเองอีกครั้งว่าเอายังไง สุดท้ายเราก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อ พร้อมกับน้ำในขวดที่เหลืออีกครึ่งนึง เราเริ่มใช้เวลาในการเดินช้าลงเพราะความหิวและเพลียจากความร้อน และแน่นอนว่าเราเริ่มใช้เวลาพักถี่ขึ้น จนใช้เวลาเดินผ่านมาสองชั่วโมง ก็บังเอิญได้เจอกันกับเจ้าหน้าที่ พวกเขาให้กำลังใจกับเราโดยบอกว่าอีกไม่ไกลแล้ว ก่อนที่จะบอกว่าตัวเลขระยะทางรวมที่เราได้ข้อมูลมา กับระยะทางจริงคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อย “คือของจริงไกลกว่านิดนึงครับ” สั้นๆ แต่ชัดเจน ฮา..... ในที่สุดเราก็เดินมาจนถึงด้านบนสุด ท่ามกลางความรู้สึกว่า ไม่อยากจะเดินลงไปเลย คือมันเหนื่อยแต่มันก็ดีใจที่ทำได้ และได้มีอากาสเห็นวิวสวยๆ วิวแบบที่ถ้าไม่มาเดินเอง อินเนอร์คงไม่ได้มากมายขนาดนี้ เราใช้เวลาพักสายตากับวิวสวยๆ ที่ระดับความสูงประมาณ 500 เมตรจากระดับน้ำทะเล และพักร่างไปด้วยในคราวเดียวกัน ก่อนที่จะต้องตัดใจลาวิวสวยๆ ของเขาหงอนนาค และเดินลงมาให้ทันก่อนช่วงแสงของวันจะหมดลง ปลายทางที่ลงมาถึงคือเวลาเกือบห้าโมงเย็น เพื่อนรวมทางที่ไปด้วย ถึงกับบอกว่ารอบหน้าถ้าจะมาอีก ข้ามเราไปเลยนะ ฮา... อะไรจะประทับใจขนาดนี้! ใครสนใจมาเที่ยวที่นี่ก็เตรียมร่างกาย จิตใจ และเสบียงมาให้พร้อมนะคะ ส่วนระยะทางก็อยู่ที่ 3.7 กิโลเมตร ถ้าไปกลับก็เรียกเหงื่อกำลังดีทีเดียว ใครหาโปรแกรมเด็ดๆ สำหรับกระบี่อยู่ ลองเอาไปพิจารณากันดูนะคะ