“หากสูเป็นแม่ย่า ข้าไม่มีห่วงคออันหนึ่ง กับแพะสิบตัวไปซื้อสูเป็นเมีย” ถ้อยคำของชายคนรัก ยังก้องอยู่ในหัวของหนะแอ หญิงสาวพรหมจรรย์ที่ขณะนี้ถูกกักตัวรวมอยู่กับเพื่อนๆหญิงสาวพรหมจรรย์คนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง พรมจรรย์หมายถึงผู้ที่เพิ่งมีรอบเดือนครั้งแรกในระหว่างวันแรมหนึ่งค่ำถึงแรมเจ็ดค่ำเดือนเจ็ด หากใครมีรอบเดือนก่อนหน้านี้จะไม่ใช่พรมจรรย์หญิงสาวพรมจรรย์ที่ถูกกักตัวรวมกันอยู่ในนี้ หากคนใดคนหนึ่งมีรอบเดือนในระหว่างนี้ จะเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นแม่ย่า หนะแอคือหนึ่งในการคัดเลือกครั้งนี้ เธอไม่อยากเป็นแม่ย่า เพราะแม่ย่าจะต้องนอนกับผู้ชายหลายคน แต่ผู้ชายเหล่านั้นจะต้องนำข้าวของมามอบให้แม่ย่าเป็นค่า “ลงข่วง” ดีไม่ดีอาจถึงตายได้ อีกอย่างที่สำคัญกว่านั้น คือ จ่อปา ชายคนรักของเธอ และเธอเองคิดว่าจ่อปาก็รักเธอเช่นเดียวกัน:::::ภาพโดยผู้เขียน:::::วัฒนธรรมของชนเผ่า จอมุ-ฮเต หรือเผ่าคนกล้า คือผู้ชายจะมีอำนาจเหนือผู้หญิง คนที่เป็นเมียต้องทำหน้าที่ทุกอย่างและต้องทำงานทุกอย่างแทนผู้ชาย ผู้ชายมีสิทธิ์ไปลงข่วงกับหญิงใดก็ได้ การลงข่วงคือการมีเพศสัมพันธ์ กับหญิงที่ยังไม่แต่งงานหนะแอปฏิเสธการเป็นแม่ย่าเพียงเพราะยึดมั่นในคำพูดของชายคนรัก แต่ในขณะเดียวกัน จ่อปา คนที่เธอบอกว่าเป็นคนรักของเธอกลับไม่สนใจใยดีในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย:::::ภาพโดยผู้เขียน:::::วิถีคนกล้า เรื่องสั้นของพ่อครูมาลา คำจันทร์ เล่มนี้เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นจากเผ่าสมมุติ ผสมผสานกับเรื่องราวที่ได้สัมผัสมาจริง ๆ ของพ่อครู เนื้อหาอาจจะสวนกระแสของชีวิตจริงอยู่บ้างเพราะ ผู้ชายต้องผู้กล้า ผู้หญิงต้องเป็นแรงงาน ผู้หญิงทุกคนในเรื่องตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายทั้งหมด ยกเว้นแม่ย่า ที่มีอำนาจเหนือผู้ชายทุกคน :::::ภาพโดยผู้เขียน:::::ต้องขอบอกเลยว่า วิถีคนกล้าถือว่าเป็นหนังสือที่อ่านแล้ววางไม่ลงอีกเล่ม ถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องสมมุติ แต่หากได้อ่านแล้วกลับชวนให้นึกจินตนาการว่าหมู่บ้านและคนเผ่านี้มีอยู่จริง และต้องขอชื่นชมในถ้อยคำสำนวนของพ่อครูมาลา คำจันทร์ ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง นั่นเพราะตัวหนังสือของพ่อครู ที่ถ่ายทออดออกมาได้อย่างงดงาม จนสามารถดึงอารมณ์ผู้เขียนในฐานะผู้อ่าน ให้ตกอยู่ในภวังค์ของความรู้สึกเศร้า และรู้สึกสงสาร ในวิถีชีวิตของสตรีเพศ ที่ถูกผู้ชายเอาเปรียบและต้องยอมอยู่ใต้อำนาจของผู้ชาย หนะแอซึ่งเป็นนางเอกในเรื่องเมื่ออ่านถึงตอนที่นางตัดสินใจไม่เลือกตำแหน่งแม่ย่า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะทำให้ฐานะของเธอมั่งคั่งร่ำรวย สุขสบายและการอยู่ดีกินดีของทุกคนในครอบครัว เพียงเพราะยึดมั่นในความรัก แต่ชายคนรักกลับหมางเมินไม่สนใจใยดี กลับไปสนใจในตัวแม่ย่าแทน ฉากนี้ทิ้งข้อคิดให้เข้าใจในสัจจะธรรมในชีวิตจริงว่า ไม่มีอะไรมั่นคงแม้แต่คำพูดของคนที่เรารัก จ่อปา ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง ความทะเยอทะยานอยากเป็นคนที่กล้าที่สุดในเผ่า ส่วนตัวของผู้เขียนอ่านแล้วไม่ชอบจ่อปา ถึงแม้เขาจะเป็นพระเอกในเรื่องแต่มีนิสัยที่ก้าวร้าวห้าวหาญจนไม่สนใจใครไม่เคารพใคร แม้แต่บิดาบังเกิดเกล้าผู้ที่ทำให้เขาเกิดมา ผู้เขียนกลับสงสารจ่อมุผู้เป็นน้องชายของจ่อปาเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนหวานอ่อนโยน แต่กลับถูกมองว่าเป็นคนอ่อนแอ ในความกล้าบ้าบิ่นอยากเป็นใหญ่ของจ่อปานั้น สุดท้ายเขาต้องจบชีวิตลงท่ามกลางสนามรบ ได้ข้อคิดว่าในชีวิตจริง ความกล้าอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตอยู่รอดได้:::::ภาพโดยผู้เขียน:::::เสน่ห์ของงานเขียนของพ่อครูมาลา คำจันทร์ คือในเนื้อหาเกือบทุกเรื่องจะผสมคำศัพท์ ที่เป็นคำท้องถิ่นลงไปด้วย ทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึงกลิ่นไอของวัฒนธรรมของคนล้านนา ราวกับว่าเราได้ไปเยือนเมืองเหนือกันจริง ๆ เลยทีเดียว ในส่วนตัวของผู้เขียนนั้นแม้ไม่ใช่คนเหนือแต่มีความชื่นชอบในภาษา วิถีชีวิตของคนเหนือ หรือที่เขาเรียกกันว่า คนเมือง หนังสือวิถีคนกล้าเล่มนี้จึงเป็นหนึ่งในหนังสืออีกหลาย ๆ เล่มที่ถูกหยิบขึ้นมาอ่าน ซ้ำ ๆ ได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อวิถีคนกล้า เคยถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ โดย ยุทธนา มุกดาสนิท กำกับการแสดงโดย เชิด ทรงศรี นำแสดงโดย นรินทร์ ทองคำ แสดงเป็นจ่อปา ธิศวรรณ สุวรรณโพธิ์ แสดงเป็น หนะแอ ณ หทัย พิจิตรา แสดงเป็น หนะมีหรือแม่ย่า หากมีโอกาสคงได้พูดถึงในส่วนของ ภาคภาพยนตร์กันต่อไปประวัติผู้เขียน มาลา คำจันทร์ ชื่อจริง นายเจริญ มาลาโรจน์ นักเขียนรางวัลกวีซีไรต์ ปี 2534 ในเรื่องเจ้าจันทร์ผมหอม เป็นชาวอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย มีผลงานเขียนอันโดดเด่นมากมาย ยกตัวอย่างเช่น หมู่บ้านอาบจันทร์ เด็กบ้านดอย เขี้ยวเสือไฟ หุบเขากินคน ดงคนดิบ ไฟพรางเทียน ไพรอำพราง ฯลฯหากใครสนใจอยากอ่านหนังสือวิถีคนกล้า ลองค้นหาตามร้านหนังสือเก่า หรือสอบถามไปยัง สำนักพิมพ์เคล็ดไทยเผื่อมีหลงเหลือให้ครอบครอง:::::ภาพโดยผู้เขียน:::::