นึกย้อนไปเมื่อวัยเด็กประมาณ 30 ปีก่อน หากอยากกินอาหารพื้นบ้านอย่าง “ไข่มดแดง” ในช่วงหน้าแล้งระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน เพียงแค่เดินไปท้ายหมู่บ้าน ก็หิ้วกลับมาทำกับข้าวได้แล้ว บางคนหาได้มากก็นำมาขายในราคาที่ถูกแสนถูก ไม่มีราคาค่างวดอะไร เพราะเป็นของที่หาได้ฟรี ๆ จากธรรมชาติ ด้วยความที่หมู่บ้านของผู้เขียน ที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นหมู่บ้านกลางป่า สมัยนั้นรอบ ๆ บริเวณหมู่บ้านยังอุดมไปด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ที่มีของป่าให้หากินตามฤดูกาล ส่วนใหญ่ของที่หาได้ตามธรรมชาติจะไม่มีใครซื้อขาย เพราะหากอยากกินเมื่อไหร่ เพียงแค่เดินออกไปนอกหมู่บ้านหรือบริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านก็ได้เพียงพอสำหรับกับข้าวหนึ่งมื้อ สมัยนั้นไม่มีไฟฟ้าไม่มีตู้เย็น ไม่จำเป็นต้องหามาตุนไว้ทีละมาก ๆ หากอยากกินเมื่อไหร่ค่อยไปหา รังมดแดงที่มีไข่อยู่ข้างใน ภาพที่กล่าวมาข้างต้น คงเหลือเพียงความทรงจำเท่านั้น เพราะปัจจุบัน ความเจริญของเทคโนโลยี ได้เข้าถึงบ้านป่าไม่แพ้ในเมืองกันเลยทีเดียว เอาหล่ะ! ออกนอกเรื่องกันพอสมควรกลับเข้ามาที่ไข่มดแดง เมนูของเราในวันนี้บ้าง ด้วยความที่ผู้เขียนเองไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมบ้าน พอมีอาหารพื้นบ้าน คนทางบ้านก็อยากให้เราได้กิน พี่สาวของผู้เขียนยอมเก็บไข่มดแดงไว้ในรัง เมื่อรู้ว่าจะเดินทางกลับไปในไม่ช้า ส่วนตัวเองไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กินของดีขนาดนี้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าทุกวันนี้ไข่มดแดงเป็นของหายาก เป็นเมนูอาหารที่ขึ้นชื่อและได้รับความนิยม จนทำให้ราคาแพงตามไปด้วย ประกอบกับไข่มดแดงตามธรรมชาตินั้นหายากเข้าไปทุกที ป่ารอบ ๆ หมู่บ้านที่ผู้เขียนกล่าวถึงในวัยเด็ก ปัจจุบันถูกแผ้วถาง แปลงร่างเป็นสวนยางไปจนหมด เมนูก้อยไข่มดแดง เป็นเมนูง่าย ๆ หากจะให้อร่อยต้องใช้ไข่มดแดงสด ๆ ที่พึ่งหามาได้ ปรุงแบบไม่ต้องลวก หรือต้ม เพราะรสชาติของไข่มดแดงสด ๆ นั้นมีความมันหอมอร่อยยากจะอธิบาย แต่หากมีโอกาสอยากให้ลองกินดูสักครั้ง ไปดูวัตถุดิบและเครื่องปรุงว่ามีอะไรบ้าง วัตถุดิบและเครื่องปรุง 1. ไข่มดแดงสด ๆ คัดตัวมดออกให้หมดหรือเหลือเพียงเล็กน้อย 2. พริกป่น, ข้าวคั่ว(คั่วเอง) 3. น้ำปลาร้าหรือน้ำปลา 4. ต้นหอม, ผักชีฝรั่งหั่นฝอย วิธีทำง่าย ๆ สไตล์ครัวบุหงาอันดามัน นำไข่มดแดงใส่ถ้วย ใส่ต้นหอมผักชีฝรั่งหั่นฝอย ปรุงรสด้วยพริกป่น ข้าวคั่ว น้ำปลาร้า คนคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสชาติ เค็ม เผ็ด เปรี้ยว (รสเปรี้ยวเราได้จากไข่มดแดงไม่จำเป็นต้องใส่มะนาว) เมนูนี้กินคู่กับข้าวเหนียวรับรองว่ากินเพลิน จนลืมมองข้าวในกระติบกันเลยทีเดียว :::::เรื่องและภาพโดยบุหงาอันดามัน:::::