อื่นๆ

ตีกับผี

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ตีกับผี

"เมื่อคนอยู่ดีไม่ว่าดี ไปทะเลาะกับผี จะเกิดอะไรขึ้น"


สวัสดีครับ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์หลอนที่ผมเองได้เข้าไปอยู่เหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย เป็นเหตุการณ์ที่บอกตัวเองไว้ว่า "อย่าไปทะเลาะกับผี" เด็ดขาด ถ้าไม่อยาเดือดร้อน ประสบการณ์หลอนครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อสมัยผมเรียนอยู่มัธยมต้น ช่วงนั้นผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดแห่งนึงในจังหวัดชุมพร โรงเรียนนี้อยู่ในเขตของวัด และผมเองก็ได้อาศัยวัดแห่งนี้เป็นที่อยู่ด้วย พูดง่ายๆว่าเด็กวัดนั่นแหล่ะครับ ซึ่งนอกจากผมแล้วก็จะมีเพื่อนๆที่มาจากที่อื่นมาอาศัยอยู่ที่วัดที่นี่ด้วยช่วยกันและก็จะเป็นนักเรียนของโรงเรียนวัดที่นี่ด้วย ช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เราก็ไปเรียนตามปกติ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็พักผ่อน ช่วยงานวัดไปตามหน้าที่ แต่ก็มีบางครั้งที่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ เราจะได้ไปเที่ยวสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งที่อยู่นอกตัวเมืองชุมพร ในกลุ่มผมและเพื่อนๆจะชอบไปที่นี่กันมาก เพราะที่สำนักสง์แห่งนี้จะมีถ้ำขนาดใหญ่และสวยงาม เป็นถ้ำที่พวกเราชอบเข้าไปผจญภัยกัน

Advertisement

Advertisement

จนมาถึงวันที่เกิดเรื่องหลอน วันนั้นเป็นวันศุกร์ หลังจากเลิกเรียน พระอาจารย์ในวัดก็มาชวนพวกเราให้ไปเที่ยวและช่วยงานที่สำนักสงฆ์ พวกเรากลุ่มเด็กวัดก็รวมตัวกันได้ 5 คน พอถึงเวลาก็กระโดดขึ้นรถของพระอาจารย์ รถก็ตะบึงพาพวกลิงทะโมนทั้ง 5 ตัว มุ่งหน้าที่สำนักสงฆ์ สถานที่ครั้งนึงเคยเป็นที่ผจญของพวกเราเหล่าลิงทะโมนทั้งหลาย หารู้ไม่ว่า คืนนี้จะเกิดเหตุการณ์สุดหลอน ที่จะทำให้พวกเราจำได้ไม่มีวันลืม

ในกลุ่มของพวกเรา จะเพื่อนอยู่คนนึง ซึ่งพวกเรายกให้เป็นหัวโจกในกลุ่ม เพราะเค้ามีรูปร่างใหญ่ นิสัยห่ามๆ กล้าได้กล้าเสีย เหตุนี้ทำให้เค้าได้เป็นหัวโจกประจำกลุ่มโดยไม่ต้องโหวตให้เสียเวลา และด้วยนิสัยแบบนี้แหล่ะครับ เป็นสาเหตุที่ให้พวกเราเจอเหตุการณ์สุดหลอน

การที่พวกเราได้มาที่นี่บ่อยๆทำให้รับรู้เรื่องราวแปลกๆ ลี้ลับ ของถ้ำแห่งนี้ ทั้งเรื่อง ผีเฝ้าถ้ำ งูเผือกยักษ์ ซึ่งเป็นคำบอกเล่าของคนแก่ๆในพื้นที่ พวกเราเองก็ชอบฟังและเชื่อที่เค้าเล่า แต่!!! คนที่ไม่เชื่อก็มีครับ นั่นก็คือหัวโจกของพวกเรานั่นเอง และวันนี้ ไม่รู้นึกยังไง ช่วงเย็นเราเข้าไปเที่ยวและไหว้พระพุทธรูปในถ้ำกันตามปกติ ก่อนออกจาก ไอ้หัวโจกก็เพร่งคำถามขึ้นมาว่า " เฮ้ย พวกมึงเชื่อเรื่องผี้เฝ้าเฝ้าถ้ำป่าววะ"  "เชื่อสิ" พวกผมบอก "ไร้สาระว่ะ เอางี้คืนนี้กูจะพิสูจน์ให้พวกมึงดู" พูดจบ มันก็ตะโกนเสียงดังลั่นถ้ำว่า "ถ้าผีเฝ้าถ้ำมีจริง คืนนี้มาให้เห็นหน่อย จะเตะให้ไอ้พวกปอดแหกดูสักที" พวกผมทั้ง 4 คนตกใจในคำพูดอวดดีของมันมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินบ่นอุบอิบไปกันเบาๆ ตกกลางคืน หัวโจกของเราก็ชวนแกมบังคับ ให้ไปนอนที่กุฏิพระที่ว่างๆ แถวบริเวณที่ใกล้ถ้ำที่สุด ไปถึงกุฏิ มันก็ให้พวกผม 4 คนนอนข้างในกุฎิ ส่วนตัวมันเองบอกจะนอนข้างหน้าประตู และบอกให้พวกผมนอนรอฟังเสียงมันเตะผีเฝ้าถ้ำให้ดู พวกผมละอาใจแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับนิสัยห่ามๆของมัน ถามว่าเชื่อไหมกับเรื่องแบบนี้ พวกเราเอง 4 คนก็ไม่ถึงกับเชื่อ 100% แต่ก็ไม่ลบหลู่จะดีกว่า ตกลงคืนนั้นพวกเราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เริ่มดึกก็เริ่มทยอยกันหลับ

Advertisement

Advertisement

หลังจากหลับกันไม่นาน พวกเราทั้ง 4 คนที่นอนอยู่ข้างในกุฏิ ก็ตกใจสะดุ้งโหยง ตื่นขึ้นมาแทบจะพร้อมๆกัน เสียงไอ้หัวโจกของเราโดนดีซะแล้ว เสียงตะโกนด่า เสียงตะคอก เสียงคำรามพร้อมเสียงทุบตีที่ได้ยินอย่างชัดเจน พร้อมๆกับกุฏิไม้ที่ไหวโยกอย่างรุนแรง ทำให้พวกเราทั้งสี่คนรู้ชัดเลยว่า ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น พวกเราได้แต่ตัวสั่นนั่งกอดเข่าคลุมโปงอยู่ด้วยกันทั้งสี่คน ไม่มีใครกล้าออกไปช่วย และตอนนั้นก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย "ช่วยด้วย พวกมึงช่วยกูด้วยยย กลัวแล้ว ผมกลัวแล้ว อย่าทำผมเลย" ถึงจะได้ยินอย่างนั้นและอยากออกไปช่วยไอ้หัวโจกกันทุกคน แต่ด้วยเสียงคำรามที่ได้ยินทำให้ไม่มีใครกล้าออกไปช่วยกันสักคน ตอนนั้นเองผมและเพื่อนอีกคนก็คลานไปที่ข้างฝาของกุฏิและพยายามหารูเล็กๆตามช่องไม้ เพื่อดูเหตุการณ์ด้านนอก สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมแทบจะกลั้นความกลัวไว้ไม่อยู่ก็คือ ผมเห็นบางสิ่งกำลังเดินลงบันไดไป มีรูปร่างเหมือนคนแต่ตัวสูงใหญ่มาก มีขนสีดำปกคลุมรอบตัว สิ่งนั้นเดินลงบันไดไป และเดินหายไปในความมืดแถวบริเวณถ้ำใหญ่ หลังจากนั้นผมก็หันไปถามเพื่อนอีกคนที่กำลังส่องดูภาพข้างนอกอยู่ใกล้ๆ "มึงเห็นเหมือนกูป่าววะ" "เห็นสิ เหมือนที่คนแถวนี้เล่าให้ฟังเลย"

Advertisement

Advertisement

หลังจากนั้นพวกเราก็รีบเปิดไฟและเปิดประตูไปข้างนอก ก็เห็นภาพน่าสลดและน่าสงสาร หัวโจกของเรานอนตัวงอ ร้องโอยๆอย่างน่าเวทนา หลังจากนั้นเราก็ช่วยกันแบกร่างไอ้คนอวดดีไปที่กุฏิพระอาจารย์ที่อยู่ปากทางเข้าสำนักสงฆ์ และได้เล่าทุกอย่างให้พระอาจารย์ฟัง หัวโจกเราก็โดนเทศน์ยาวเกือบชั่วโมง หลังจากถูกเทศน์และช่วยกันปฐมพยาบาลกันเสร็จ มันก็หลับผล็อยไป

หลังจากเหตุการณ์นี้ เจ้าเพื่อนคนนี้ไม่มาที่สำนักสงฆ์ที่นี่อีกเลย และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่อื่นโดยที่ไม่บอกกล่าวลาเพื่อนๆกันสักคำ เหตุการณ์สุดหลอนในครั้งนี้ ย้ำชัดกับพูดที่ว่า "ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่" ได้เป็นอย่างดี


ที่มาภาพ : pixabay.com

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์