ทริปนี้เริ่มต้นในฤดูฝน ถือว่าเป็น low season ของทะเลใต้เลยก็ว่าได้ วันที่เราไปพักที่อ่าวครามโฮมสเตย์จึงมีแค่เราเพียงกลุ่มเดียว เจ้าของใจดียกทุกพื้นที่ให้เราครองเลยล่ะ ไม่ว่าจะนั่ง จะเดิน ที่สำคัญที่หมู่บ้านนี้ทุกครัวเรือนเป็นญาติพี่น้องกันหมดเลย ถึงแม้เราจะเป็นแขกที่มาพักที่นี่ แต่เราก็สามารถแวะไปนั่งคุย ทักทาย คุณตาคุณยายในหมู่บ้านได้ด้วยล่ะ ถึงจะเที่ยวในฤดูกาลที่ไม่มีใคร แต่มั่นใจได้เลยว่าไม่เหงาแน่นอน Day 1 ออกเดินทางจากสถานีหัวลำโพง ปลายทางสถานีสวี จ.ชุมพร Photo by Robert van der Sluijs on Unsplash ด้วยทริปเร่งด่วนของเรา อยากไปแบบด่วยๆ วันนั้นเลยพึ่งตรงไปที่หัวลำโพงจองรถไฟรอบที่ถึงสวีตอนเช้า และโทรจองโฮมสเย์เพื่อบามหมึกวันนั้นเลย โชคดีที่เป็นช่วงหน้าฝน เลยมีที่พักแบบสบาย ๆ ตอนที่โทรจองคุณป้าเจ้าของที่พักให้ข้อมูลว่าราคาโฮมสเตย์ช่วงนี้ 1500 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ (เราเลือกมื้อเย็นวันแรก และอีกสองมื้อเป็นวันเช็คเอาท์) และกิจกรรมบามหมึก ที่ไม่รับประกันว่าจะสามรถออกทะเลได้รึเปล่าขึ้นอยู่กับลมทะเลในวันนั้นด้วย ส่วนถ้าต้องการรถกระบะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ด้วยความงก เราเลยปฏิเสธ คิดว่าที่ไหน ๆ ก็ต้องมีรถสาธารณะสิ Day 2 ติดรถของชาวชุมพร ไปอ่าวครามโฮมสเตย์ ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน เราโชคดีที่ได้เจอคุณป้าชาว ชุมพร ที่กำลังจะเข้าไปทำธุระแถวนั้นพอดี เลยขอติดรถไป แต่ถ้าต้องเดินทางไปเองสามารถทำได้โดย วินมอเตอร์ไซค์ให้เข้าไปส่งที่โฮมสเตย์ได้ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 300-500 บาท/เที่ยว หรือ จะให้ทางโฮมสเตย์เอารถกระบะออกมารับก็ได้ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 500 บาท/เที่ยว เมื่อไปถึงก็พบกับพายุ ต้องลุ้นอีกว่าวันนี้จะไปไปบามหมึกรึเปล่า ปรากฎว่า "สำเร็จ" เป็นไปตามแผน ฝนหยุดตก ท้องทะเลเริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง วันนี้เลยได้ทำกิจกรรมทั้งหมดนี่เลย กิจกรรมวันแรกของเรา ไปดูชาวเลลากอวนหมึกตอน 16.00 น. พอไปถึงกลางทางฝนตกหนักอีกแล้ว โชคดีที่ธรรมชาติได้สร้างถ้ำให้นำเรือเข้าไปหลบได้ ไม่เกิน 10 นาที พอฝนเบาลง ก็ต้องนำเรือกลับเทียบท่า รอทานข้าวเย็น กินอาหารเย็น ซีฟู้ดแน่นๆ ตอน 17.00 น. มื้อนี้มีทั้งปู้ม้านิ่ง ผัดผักกุ้ง ตูปะซูตง หรือ หมึกต้มหวานของชาวใต้ และปลาราดพริก ขอบอกเราว่าอร่อยมาก ที่สำคัญป้าเจ้าของใจดีมาก สามารถให้เราเลือกว่าอยากทานอะไร แต่เราตามใจป้า ก็เลยออกมาเป็นมื้อนี้นั่นเอง ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน 3. ไปบามหมึกตอน 19.30 น. ได้เวลออกทะเลอีกครั้ง ครั้งนี้ทะเลเงียบสงบ ออกแนวน่ากลัวหน่อยๆ เพราะความที่มืดบวกกับความเงียบของท้องทะเล ที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นอะไร แต่รู้ว่าไกล จนโสตประสาทรับรู้ถึงความเว้งโว้งได้ ซักแปปก็ได้เวลาบามหมึกแล้ว ซึ่งก็คล้ายกับการยกยอ ขังอวนตาข่ายขึงกับเสาไม้ทั้ง 4 เสา ปลายเสามีตะเกียงเพื่อล่อหมึก วันนี้เราได้หมึกพอสมควรเลย เตรียมเข้าฝั่งไปกินหมึกสด ๆ กัน 4. กินหมึกสดๆ ตอน 20.30 น. ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน เมื่อมาถึงที่โฮมสเตย์แล้วป้าเจ้าของที่พักก็ทำการแล่ปลาหมึก ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบ ตักหมึกเข้าปากแล้วไม่มีความคาวเลย หอมเหมือนกินหมึกย่าง หวาน และหนึบ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาก ส่วนหมึกที่เหมือนจะถูกนำไปทำเป็นอาหารสำหรับพรุ่งนี้อีกด้วย สำหรับคืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ Day 3 เดินทางกลับ ร่ำลาอ่าวครามโฮมสเตย์ ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน วันนี้เป็นวันสุดท้าย กิจกรรมเลยเบาๆ และตื่นสาย ตื่นมาก็เจออาหารเช้าที่ป้าทำไว้ให้แล้ว เช้านี้เป็นข้าวต้มปลาหมึก สาย ๆ ได้ออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ใจจริงนี่อยากอยากไปให้ถึงภูเขา ที่ตลอด 2 วันที่ผ่านมาได้เห็นจากที่พักตลอดทั้งวัน อยากจะรู้ว่าไกลแค่ไหน เพียงแค่เริ่มออกเดินทางก็เจอคุณยา คุณยายทักทายให้ตลอดทางเลย หลาย ๆ บ้านได้เลี้ยงลิงไว้เพื่อใช้งาน ปีนต้นมะพร้าว น่ารักมาก ๆ จนเราเปลี่ยนใจไม่เดินทางต่อละ เล่นกับลิงดีกว่า เมื่อถึงเวลาเที่ยงก็ได้เวลากลับแล้ว ครั้งนี้ต้องใช้บริการรถกระบะคุณป้าให้ไปส่งในราคา 500 บาท โดยคุณป้าได้มาส่งถึงสถานีรถไฟเลย แต่เราจะไม่นั่งรถไฟกลับ เราจะนั่งรถทัวร์แทนจึงออกเดินทางต่อไปที่ตัวเมืองชุมพร การท่องเที่ยวในครั้งนี้ ได้ใช้เวลาช้า ๆ ไปกับทะเล ได้ให้เวลาตัวเองพักผ่อน อ่านหนังสือ นอนงีบ ตื่นมาได้ทานอาหารอร่อยๆ ถือว่าเป็นทริประยะสั้นที่ชาร์ทแบตร่างกายให้เตรียมพร้อมกับการทำงานเลยล่ะ