จะมีที่ไหนบ้าง...ที่จะให้เราได้ใกล้ชิดกับสัตว์ที่น่ารัก ๆ อย่างยีราฟได้ใกล้มากขนาดนี้ จะเป็นที่ไหนไม่ได้ก็ต้องที่ Safari Park and Camp จังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น ที่คุณจะได้ชมสัตว์และให้อาหารกันแบบถึงเนื้อถึงตัวมากที่สุด และก็เป็นเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยด้วยนะ ว่าแล้วจะรออะไรล่ะตามไปเที่ยวพร้อมกันเลยที่นี่จะเป็นสวนสัตว์เปิดแห่งแรกของจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งมีขนาดไม่ได้ใหญ่มากแต่จุดเด่นของเขาก็น่าจะเป็นการที่เราได้ใกล้ชิดกับสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสือ สิงโต กวาง ละมั่ง นกอีมู นกกระจอกเทศ หมีควาย และจุดไฮไลท์ของเราก็คือน้องยีราฟนั่นเอง จะมีสักกี่คนที่จะได้ใกล้ชิดน้องยีราฟและม้าลายได้ใกล้ขนาดนี้ เราสามารถจับน้อง ป้อนอาหาร และถ่ายเซลฟี่คู่กับน้องได้สบายเลยส่วนการเข้าชมสวนสัตว์นั้นนักท่องเที่ยวสามารถขับรถส่วนตัวเข้าไป หรือจะใช้บริการรถมินิบัสของทางสวนสัตว์ เพียงแค่เราซื้อบัตรเข้าชมในราคา 200 บาทจะได้ชมสัตว์ต่าง ๆ มีโชว์จระเข้ โชว์ช้างและถ้าอยากป้อนอาหารสัตว์สามารถซื้อแครอทที่ด้านหน้าตรงขายบัตรได้ในราคา 4 ถัง 100 บาท รายละเอียดบัตรเข้าชมสวนสัตว์สำหรับคนไทย •เด็กราคา 100 บาท•ผู้ใหญ่ราคา 200 บาท ชาวต่างชาติ•เด็ก 350 บาท•ผู้ใหญ่ 550 บาท เอาล่ะ!! เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็ขึ้นรถมินิบัสแล้วไปตะลุยแดนซาฟารีกันเลย ในรอบของเราลุงคนขับเป็นไกด์คอยบรรยายซึ่งลุงแกใจดีมาก ๆ อธิบายแบบเป็นกันเอง เราก็ถามเยอะเลยจุดแรกเรียกว่าวอร์มเครื่องกันก่อน เราจะได้เจอฝูงน้องกวาง ฝูงละมั่ง และเนื้อทรายจำนวนมาก จุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารได้อย่างใกล้ชิดเพราะน้องจะมาประชิดที่รถมินิบัสของเราเลย แต่ก็อย่าให้จนหมดนะเดี๋ยวน้องตัวอื่น ๆ จะไม่ได้ทานกัน ~เมื่อรถจอด น้อง ๆ ก็จะวิ่งเข้ามาหาเลย โซนที่ 2 โซนถัดมาจะเป็นโซนน้องหมีควาย เนื่องจากวันที่ไปอากาศร้อนมากร้อนจนถึง 42 องศาทำให้สัตว์ต่าง ๆ ก็พากันหลบซ่อนตัวตามโขดหินและในถ้ำ เจ้าหน้าที่จึงต้องไปต้อนมันออกมาโชว์ตัวให้พวกเราดู จุดเด่นของหมีควายก็คือน้องจะมีแผงคอเป็นรูปสามเหลี่ยม ตัวใหญ่ม๊าก โซนถัดมา โซนที่ 3 จะเป็นโซนเสือ โซนนี้ทุกคนต้องปิดหน้าต่างให้สนิทห้ามยื่นมือออกไปเป็นอันขาด เพราะว่าอันตรายมากและรถก็จะขับพาเราเข้าไปวนในดงของฝูงเสือ จะมีน้องเสือคอยมาเดินวนเวียนอยู่ข้าง ๆ รถของเรานี่แหละ และเรารู้สึกว่าเสือที่นี่ดูอุดมสมบูรณ์ตัวใหญ่จ้ำม่ำ ซึ่งน่าจะได้รับการดูแลอย่างดี มีทั้งเสือดาวเสือโคร่ง ~ สงสัยอากาศร้อนจัด น้องเสืออึ๊โชว์เลย อิอิโซนที่ 4 โซนนี้จะเป็นโซนของพี่ใหญ่ สิงโตเจ้าป่านั่นเอง เนื่องจากอากาศวันนี้ร้อนมาก เจ้าป่าก็นอนหมดสภาพได้เช่นกัน ลุงคนขับแอบกระซิบว่าบางครั้งก็มีการหลุดข้ามแดนไปต่อสู้ชิงแดนกันบ้างเหมือนกันนะสำหรับเจ้าป่าและเจ้าเสือเนี่ย ~สิงโตตัวเมีย จะไม่มีแผงคอและแล้วก็มาถึงโซนที่เป็นไฮไลท์ที่สุด เป็นโซนยีราฟและม้าลายนี่หละเพราะความน่ารักของน้องม้าลาย และน้องยีราฟอย่างที่ได้เกริ่นไปว่าถ้าเกิดนั่งรถ mini bus เข้ามา นักท่องเที่ยวจะได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เมื่อรถจอดปุ๊บน้องยีราฟจะรีบพุ่งตัวเข้ามาประชิดรถแล้วมุดหัวเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อมาหาของกินนั่นเอง แอบแนะนำว่าให้เอาแครอทแอบไว้คือถ้ามีกะละมังเหลือให้เอาเทรวมกันและเอากะละมังปิดไว้ด้านบนเพราะถ้าน้องยีราฟเห็นมันจะเข้ามากินแป๊บเดียวก็หมดถังแน่ ๆ~ สวัสดีเจ้ายีราฟ ฉันมาหาแล้วนะ :D~ แอ่ะ แอ่ะ อย่านะ!!! หิวมากใช่ไหมล่ะ และด้วยความที่น้องยีราฟตัวใหญ่มากและแรงค่อนข้างเยอะมันสามารถดันเราตกจากเบาะรถได้เลยทีเดียว แต่น้อง ๆ ยีราฟน่ารักทุกตัวนะ นักท่องเที่ยวสามารถจับ ลูบหัว โดยที่มันจะไม่ทำร้ายแน่นอน ช็อตนี้แหละ ใครถ่ายรูปได้ก็รีบกดชัตเตอร์ให้ไวเลย เพราะถ้าอาหารหมดเมื่อไหร่น้องยีราฟก็จะบ๊ายบายเราทันที ~พอเห็นอาหารก็รีบพุ่งเข้ามาเชียวนะ ~ Help us!! พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกันแบบนี้ไม่ได้นะ หลังจากชมโซนสวนสัตว์เปิดครบแล้ว รถจะไปส่งเราที่โซนสวนสัตว์ปิดเพื่อชมโชว์และดูสัตว์อื่น ๆ ต่อ ~เดินไปตามทางเรื่อย ๆ เลยจ้า ไม่หลงแน่นอน~ ตามไปดูโชว์จระเข้กันเลย ว่าจะตื่นเต้นและน่ากลัวขนาดไหน~ดูไปก็หวาดเสียวไป กลัวจะโดนงับจริง ๆถัดมาจะเป็นโซนสัตว์ตัวเล็ก มาดูกันซิว่าจะมีตัวอะไรบ้างน๊า..~ที่มาของคำว่าผมหน้าม้า ฮ่า ๆ~น้องกระต่ายยักษ์รอต้อนรับทุกคนอยู่น๊า~มีนิทานกระต่ายกับเต่าด้วย~ภายในสวนสัตว์ยังมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปอีกเยอะแยะมากมายและยังมีไฮไลท์ที่เด็ดกว่านี้ คือการที่เราจะได้เข้าไปถ่ายรูปกับน้องยีราฟแบบ private สุด ๆ แต่กิจกรรมนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคนละ 1,000 บาท จะมีเวลา 30 นาทีสำหรับถ่ายรูปกับน้อง ๆ และต้องทำการจองล่วงหน้าผ่านทาง Facebook page ก่อนเท่านั้น ถ้ามา walk in ข้างหน้า จะไม่มีคิวว่างให้นะ แบบนี้เราจะพลาดได้อย่างไรล่ะ ว่าแล้วเราก็ทำการจองล่วงหน้าก่อนที่จะมาและปัญหาหลักก็คือช่วงเวลาที่เราต้องจองนี่แหละตอนแรกกังวลเกี่ยวกับเรื่องแสงแดดว่าจะเอาตอนไหนดีจะร้อนไหม ถ่ายรูปสวยหรือเปล่าแต่ประเด็นหลักคือเราต้องออกเดินทางจากชลบุรีกว่าจะถึงก็กลัวจะไม่ทันอีกสุดท้ายก็ตกลงว่าจะจองกันตอน 16.00 น. แต่อย่างที่บอก วันนั้นอากาศร้อนมากจริงๆขนาดแดด 4 โมงยังร้อนแผดเผาผิวหนังไหม้เกรียมกันไปเลยจ้า แต่ The Show Must Go On ถึงแม้ว่าจะร้อนจนแทบละลายแต่พวกเราก็ต้องได้รูปจ้า อุตส่าห์มาถึงนี่แล้วเนอะ หลังจากที่ชมสัตว์ครบทุกโซน เราก็เปลี่ยนรถมาขึ้นรถซาฟารีเพื่อไปหาน้องยีราฟที่เรารอคอย~พอรถมาจอดปุ๊บ น้องก็รีบวิ่งเข้ามาหาเลย~ น้องม้าลายก็น่ารักนะ ปกติเราจะไม่ได้ใกล้ชิดขนาดนี้~เปลี่ยนท่ารอไปเรื่อย ๆ ให้ช่างภาพกดชัตเตอร์รัว ๆ ไปเลยจ้า ก่อนที่น้องจะเดินหนีแนะนำให้ซื้ออาหารเข้ามาเพิ่มด้วยนะ เพราะว่าทางคนที่ดูแล จะโยนอาหารไปที่รถและน้องจะเข้ามากินอาหาร ช่วงนี้แหล่ะที่เราจะได้กดชัตเตอร์ จะได้รูปสวย ๆ มั้ยก็อยู่ที่ช่างภาพแล้วล่ะ และถ้าอาหารหมดเมื่อไหร่น้องเดินหนีจะหาว่าไม่เตือนนะ ฮ่า ๆ ๆ~จะถ่ายรูปคู่ก็ได้ จนท.สวนสัตว์จะถ่ายให้ แต่ก็จะประมาณนี้ ฮ่า ๆ ๆเจ้าหน้าที่จะแนะนำการถ่ายรูปและการปฏิบัติตัวระหว่างที่อยู่ในโซนน้องยีราฟให้ระมัดระวังตัวเองให้ดีที่สุดอย่าก้มหน้า อย่ามัวแต่กดเล่นโทรศัพท์เพราะว่าน้องยีราฟตัวสูงแล้วน้องจะมองไม่เห็นเรา ต้องอยู่ให้ห่างมากกว่า 3 เมตร กว่าจะได้รูปสวย ๆ กับเขาบ้างก็ถ่ายไปหลายช็อตเหมือนกันเพราะว่าน้องยีราฟบางตัวงอแงไม่ยอมเดินมาหาเราก็ต้องขับเข้าไปหาน้องเอง~อยากถ่ายแบบไหน ถ่ายยังไงก็กดรัวไปเลย จนกว่าน้องจะเดินหนีเราไปแต่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ แอบเห็นรีวิวของคนอื่นได้ภาพสวย ๆ เราก็คิดว่าการที่เราเสียเงิน 1,000 บาท/คน ก็คงจะมีช่างภาพมืออาชีพคอยถ่ายให้เราและคงจะได้รูปเป็นที่ระลึกสัก 1 รูปก็ยังดี แต่เปล่าเลยจ้า คนที่ลั่นชัตเตอร์ให้ก็คือเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์นี่แหละแถมใช้โทรศัพท์มือถือของเราถ่ายให้อีกต่างหาก พอหลัง ๆ นี่ก็ให้พวกเราสลับกันถ่ายให้กันเองด้วยซ้ำ ฮ่า ๆ ก็แอบผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งที่เราได้สัมผัสจากที่นี่ ถือว่าเป็นกิจกรรมดี ๆสำหรับครอบครัว สามารถพาน้อง ๆ ลูกหลานหรือชวนเพื่อน ๆ ไปถ่ายรูปสวย ๆ ไว้อัพโปรไฟล์เริ่ด ๆ กันได้เลย ที่ Safari Park and Camp จังหวัดกาญจนบุรี พิกัด : Safari Park and Camp : 40/2 หมู่ 5 ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรีOpen Daily : 09.00-17.00 น. เบอร์โทร : 08-6300-0667เว็บไซต์ เรื่อง/ภาพ FangzWTF