โครงการคนละครึ่ง เป็นมาตรการล่าสุดที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมถึงเพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่รัฐบาลจะแจกเงินให้กับพี่น้องประชาชน โดยที่ตลอดระยะเวลาของโครงการคนละครึ่งนี้จะมีการแจกเงินรวมทั้งสิ้น 3,000 บาท ต่อคน ให้ประชาชนนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่เราก็ต้องจ่ายเองด้วยครึ่งหนึ่งในสินค้าที่เราจะซื้อ หรือเรียกได้ว่ารัฐบาลร่วมจ่าย ครึ่งหนึ่งและเราต้องจ่ายเองครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ยังมีเงื่อนไขอีกหลายข้อที่เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนที่จะไปลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินจากโครงการคนละครึ่ง เรื่องแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับสิทธิ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ประชาชนทั่วไป สัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตามวันเวลาที่กำหนดไว้ กลุ่มที่ 2 ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 14 ล้านคน เป็นการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพิ่มขึ้นจากวงเงินเดิมที่ได้รับในแต่ละเดือน เพื่อใช้ซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และไม่ต้องลงทะเบียนเพิ่ม ดังนั้นแล้วผู้ที่ถือบัตรนี้จึงไม่สามารถร่วมลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งได้ แต่รัฐบาลจะโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้อัตโนมัติ เพิ่มอีกคนละ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน คือ เดือนตุลาคม พฤศจิกายน และ ธันวาคม 2563 รวมทั้งหมด 1,500 บาท เรื่องที่สองการลงทะเบียน สำหรับบุคคลทั่วไป ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยจะมีทั้งหมด 10 ล้านคน หรือ 10 ล้านสิทธิ และจะเปิดรับลงทะเบียนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเต็มสิบล้านสิทธิ ลงทะเบียนได้ที่ www.คนละครึ่ง.com หลังจากลงทะเบียนแล้วให้รอรับ SMS ยืนยัน ภายใน 2 วันทำการว่าผ่านการพิจารณาหรือไม่ เรื่องที่สาม ระยะเวลาโครงการ สามารถเริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 เรื่องที่สี่ ร้านค้าทั่วไปจะสามารถลงทะเบียนได้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และต้องไปลงทะเบียนรวมถึงโหลดแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ร้านที่สามารถร่วมโครงการได้ก็จะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก ร้านแผงลอย ร้านธงฟ้า ร้านโชห่วย ร้านอาหารในตลาด ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม และผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ไม่ใช่นิติบุคคล และจะไม่รวมร้านสะดวกซื้อและร้านค้าแฟรนไชส์ต่าง ๆ เรื่องที่ห้า เงื่อนไขและประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการคนละครึ่ง ข้อที่ 1 จำนวนเงินช่วยเหลือ คนที่ลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิแล้ว จะได้รับเงินคนละ 3,000 บาท (รวมตลอดระยะเวลาโครงการ) โดยจะได้รับเงินผ่านแอป “เป๋าตัง” ข้อที่ 2 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่งหรือ 50% ของราคาของที่เราจะซื้อในแต่ละวัน แต่ไม่เกินวันละ 150 บาท ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการซื้อสินค้า 350 บาท เราต้องจ่ายเอง 200 บาท และรัฐบาลจ่ายให้ 150 บาท ข้อที่ 3 จะไม่หักสิทธิ หากใช้ไม่หมดในแต่ละวัน โดยระบบจะคืนสิทธิที่ไม่ได้ใช้เข้ายอดรวมของผู้ได้รับสิทธิ และจะคำนวณสิทธิใหม่ในเวลา 6.00 น. ของทุกวัน ข้อที่ 4 ร้านค้าที่สามารถนำไปใช้ได้ ต้องเป็นร้านค้าที่ลงทะเบียนเพื่อร่วมโครงการเท่านั้น เช่น ร้านแผงลอย, ร้านธงฟ้า, ร้านโชห่วย, ร้านอาหารในตลาด, ร้านอาหารทั่วไป, ร้านเครื่องดื่ม และผู้ประกอบการที่ไม่ใช่นิติบุคคล ไม่รวมร้านสะดวกซื้อหรือร้านที่เป็นแฟรนไชส์ ซื้ออะไรได้บ้าง เงินที่ได้รับ 150 บาท ในแต่ละวัน ต้องนำไปใช้ซื้อสินค้าที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ไม่รวมสลากกินแบ่ง, แอลกอฮอลล์, ยาสูบ หรือบริการต่าง ๆ ข้อที่ 5 สามารถใช้สิทธิได้ ระหว่างเวลา 06.00 - 23.00 น. เท่านั้น และไม่สามารถใช้สิทธิ "คนละครึ่ง" นอกเวลาดังกล่าวได้ ข้อที่ 6 การถูกตัดสิทธิ หลังจากที่เราลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ ต้องใช้สิทธิภายใน 14 วัน ไม่เช่นนั้นเราก็จะถูกตัดสิทธิ โครงการคนละครึ่ง เป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ จากรัฐบาลที่น่าจะช่วยเหลือประชาชนได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ไม่มากหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย หรือร้านค้าต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการได้อีกทาง ข้อมูลจาก https://www.คนละครึ่ง.com ภาพประกอบจากผู้เขียน และ จากเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com บทความอื่นที่น่าสนใจ รีวิววิธีการลงทะเบียนคนละครึ่ง ฉบับเข้าใจง่ายใน 3 ขั้นตอน รีวิวลงทะเบียนโครงการ "คนละครึ่ง" สำหรับร้านค้า แบบง่าย ๆ จบในที่เดียว