ไม่ต้องรอหน้าหนาวก็สามารถไปสัมผัสความฟินกับน้ำพุร้อนได้ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง ในช่วงวันหยุดหลายคนอยากไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยอาจมีการวางแผนการเดินทางมาก่อนล่วงหน้า ทั้งในเรื่องของที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวที่หมายปอง แต่ ไม่ใช่สำหรับทริปนี้ ซึ่งทริปนี้เป็นทริปที่ไม่มีการวางแผนการท่องเที่ยวใด ๆ อีกเช่นเคยจนกลายเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวแบบนี้ของตัวผู้เขียนไปแล้ว น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อยู่ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง ซึ่งการเดินทางเริ่มจากการพักค้างที่ในตัวเมืองลำปาง พอรุ่งเช้าก็รีบจัดแจงเตรียมตัวออกเดินทางกันแต่เช้า ระหว่างการเดินทางเพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนที่ไม่มีแม้แต่การวางแผนล่วงหน้าว่าจะไป เพียงเปิด GPS ว่าจุดท่องเที่ยวตรงไหนที่สามารถไปได้ก็เลี้ยวรถมุ่งตรงไปยังสถานที่นั้น ๆ ทันที ระหว่างทางไปอุทยานแห่งชาติฯนั้น เต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ ที่ต้อนรับเราระหว่างการขับผ่านเส้นทางไปยัง อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยความเขียวขจีสลับกับสายหมอกที่หาไม่ได้อีกแล้วหากสายไปกว่านี้ โชคดีที่ทริปการเดินทางทุกทริปเราออกแต่เช้า จึงได้เห็นอะไรที่ดูตื่นตาตื่นใจ แม้กระทั่งเส้นทางก่อนเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติฯ ก็สร้างความประทับใจได้ไม่ได้น้อย เมื่อมาถึงยังอุทยานแห่งชาติฯ ก็วัดไข้และชำระค่าเข้าอุทยานแห่งชาติฯ เป็นที่เรียบร้อย ขับเข้ามายังด้านในตัวอุทยานจะพบกับความร่มรื่น และได้ยินเสียงน้ำตกซ่า ๆ อยู่ไม่ไกล เมื่อมองออกไปยังด้านหน้าจะเริ่มเห็นกลุ่มไอน้ำที่พากันลอยตัวขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนแรกก็แปลกใจว่านี่ใช่น้ำพุร้อนหรือไม่ แต่เมื่อยิ่งขับรถเข้าไปก็ชัดเจนกับสิ่งที่พบอยู่ตรงด้านหน้า เรามาถึงแล้วน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน เป็นน้ำพุที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 73 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถนำไข่มาต้มได้จะใช้เวลาประมาณ 17 นาที ไข่แดงจะแข็งและไข่ขาวจะเหลว เมื่อรับประทานแล้วได้ความอร่อยแบบออนเซ็นกันเลยทีเดียว โดยเราสามารถหาซื้อไข่ไก่มาต้มได้ตั้งแต่หน้าอุทยานฯ ตลอดจนภายในอุทยานก็จะมีแม่ค้านำไข่มาขายเช่นเดียวกัน กลับไปที่ส่วนของน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนนี้มีน้ำพุร้อนไหลตลอดปี และจะมีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ พร้อมทั้งมีหินอยู่ทั่วบ่อน้ำพุร้อน อีกทั้งไอน้ำที่ขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อนยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดินเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงไอความร้อนจากน้ำพุร้อน และในระหว่างที่เราอยู่ที่บ่อน้ำพุร้อนก็จะมีจั๊กจั่นบินวนไปมาให้ได้สร้างความเพลิดเพลินในขณะที่รอไข่ต้มอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนอีกด้วย อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดคือน้ำตกที่เดินถัดไปจากบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน เดินไปไม่ไกลจะได้ยินเสียงน้ำตกไหลซ่าจนอดใจไม่ไหวที่จะเดินเข้าไปใกล้ ๆเมื่อเห็นน้ำตกแล้วยิ่งกว่าปลากระดี่ได้น้ำ น้ำตกมีความสวยงามและน้ำใสมาก ผู้เขียนได้ลงไปยังน้ำตกดังกล่าวซึ่งก่อนลงสังเกตแล้วว่ามีประตูที่สามารถเปิดและเดินลงไปเล่นน้ำตกได้ จึงลงไปสัมผัสน้ำตกเย็น ๆ หลังจากที่ผ่านบ่อน้ำพุร้อนมาแล้ว น้ำตกนี้น้ำใสมากน้ำไหลมาเป็นสายที่ไม่มีความเร็วมากนัก ทำให้เราใช้เวลาอยู่ที่น้ำตกนี้ค่อนข้างนาน นั่งบ้าง เดินบ้าง รู้สึกว่าเราถูกธรรมชาติกลืนไปแล้ว ไม่อยากออกจากที่แห่งนี้เลย แต่ด้วยเวลาที่ต้องหาที่ท่องเที่ยวไปต่อเราจึงต้องออกจากอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ แต่ความประทับใจกับอุทยานนี้มิอาจเสื่อมคลาย ด้วยความโชคดีในการเดินทางที่ให้ได้สัมผัสธรรมชาติที่แท้จริง... อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 08.00 น. หากอยากไปเที่ยวในช่วงนี้ก็สามารถไปได้เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องรอหน้าหนาว เพราะคุณจะได้ความเขียวของธรรมชาติอันชุ่มชื่น รับรองว่าจะสร้างความประทับใจให้กับการท่องเที่ยวของคุณอย่างแน่นอน ภาพ / เรื่อง : Naris ติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ : Naris ติดตามเพจได้ที่ : เที่ยวตัวแตก ติดตาม Youtube ได้ที่ : เที่ยวตัวแตก